ใกล้เข้าสู่ช่วงปลายปีแล้ว หลายคนก็เริ่มต้นวางแผนท่องเที่ยว เดินทางพักผ่อน หรือกลับบ้านต่างจังหวัดกัน แน่นอนว่ายานพาหนะคู่ใจนักเดินทางอย่างรถยนต์ ก็ถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญก่อนเดินทาง และเตรียมความพร้อมให้รถยนต์สามารถเดินทางไกลได้อย่างมั่นใจ เพื่อให้ถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างปลอดภัย ซึ่งการนำรถยนต์ไปตรวจเช็กก่อนเดินทาง ถือเป็นเรื่องจำเป็น ว่าแต่ต้องตรวจเช็กอะไรบ้าง? และควรไปตรวจที่ไหนดี? KTC มีคำตอบ
การตรวจเช็กสภาพรถยนต์ก่อนเดินทางไกลช่วยเพิ่มความปลอดภัยตลอดทริป
รายการตรวจสภาพรถที่จำเป็นก่อนออกเดินทาง
สำหรับการตรวจสภาพรถนั้น สามารถตรวจสอบเองเบื้องต้นก่อนได้ ซึ่งมีรายการที่สามารถเช็กได้ด้วยตัวเองดังนี้
- แบตเตอรี่
บ่อยครั้งในรถยนต์ที่มีปัญหา มักเกิดจากแบตเตอร์รี่ ที่เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งระบบสำคัญของรถยนต์ เพราะเป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าภายในรถยนต์ซึ่งบางครั้งเราอาจหลงลืมเรื่องการดูแลในส่วนของแบตเตอรี่ไป ดังนั้นควรตรวจสอบอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ หากมีอายุการใช้งานที่ใกล้ถึงเวลาต้องเปลี่ยน ก็ควรรีบเปลี่ยนก่อนเดินทาง รวมไปถึงขั้วแบตเตอรี่ว่ามีสิ่งสกปรก หรือคราบขี้เกลือหรือไม่ หากมีก็ควรทำความสะอาดให้ดีก่อนเดินทาง
- ยางรถยนต์
อีกหนึ่งจุดที่สำคัญมากๆ และควรตรวจสอบทุกครั้งก่อนเดินทางก็คือล้อและยางรถยนต์ เนื่องจากเป็นส่วนสำคัญที่หากมีความผิดปกติเกิดขึ้น อาจทำให้เกิดอันตรายในขณะเดินทางได้ ดังนั้นควรเช็กสภาพยางรถยนต์ให้มีสภาพพร้อมใช้งาน ไม่รั่ว บวม ซึม มีรอยแตกลาย ยังสามารถมองเห็นดอกยางชัดเจน และอย่าลืมเติมลมยางให้พร้อมก่อนออกเดินทาง
แน่นอนว่าแม้ว่าจะตรวจสอบเบื้องต้นด้วยตัวเองได้ แต่ก็ควรเข้ารับการตรวจสอบจากศูนย์บริการที่ได้มาตรฐานอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ ซึ่งสมาชิกบัตรเครดิต KTC รับสิทธิพิเศษจากศูนย์บริการยางรถยนต์ที่ได้มาตรฐานครบวงจร ดังนี้
» โปรโมชั่นผ่อนชำระ: ผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน* และรับเครดิตเงินคืน หรือส่วนลด รวมสูงสุด 16%
*ระยะเวลาการผ่อน และผลิตภัณฑ์ที่ร่วมรายการ เป็นไปตามที่ร้านค้ากำหนด กรุณาสอบถามก่อนใช้บริการ
» โปรโมชั่นชำระเต็มจำนวน: แลกคะแนนรับเครดิตเงินคืน หรือส่วนลด 13%
1 ก.ย. 67 – 28 ก.พ. 68
- ที่ปัดน้ำฝน
หลายคนมักหลงลืมที่จะตรวจเช็กที่ปัดน้ำฝนก่อนเดินทาง แม้จะเป็นส่วนเล็กๆ แต่ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะในช่วงการเดินทาง อาจเจอกับสภาพอาการแปรปรวน มีฝนตกหนัก ทำให้ทัศนวิสัยในการขับรถไม่ดี ยิ่งหากที่ปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพ ก็จะยิ่งทำให้มองเห็นได้ลำบากยิ่งขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้นั่นเอง ดังนั้นควรตรวจเช็กยางที่ปัดน้ำฝน ว่ายังคงทำงานได้ดีก่อนเดินทาง เพื่อความมั่นใจ
- ระบบหม้อน้ำ และหล่อเย็น
เรียกได้ว่าเป็นส่วนที่สำคัญของรถยนต์ที่ควรตรวจเช็กก่อนเดินทางให้ดี ว่ายังสามารถทำงานได้ปกติ ไม่รั่วซึม เพราะหากมีปัญหาขึ้น อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ขณะเดินทางได้ ตรวจเช็กด้วยตัวเองเบื้องต้นแล้ว อย่าลืมเข้ารับการตรวจเช็กแบบครบทุกรายการอีกครั้งกับศูนย์บริการที่ได้มาตรฐาน เพื่อความมั่นใจอีกขั้น
เคทีซี โปรดีเรื่องรถ - รับสิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิกบัตรเครดิต และบัตรกดเงินสด KTC
สิทธิพิเศษ 1 » ผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน + รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 3% ผ่อนชำระงานบริการทั่วไปและยางรถยนต์ ที่ศูนย์บริการที่ร่วมรายการผ่อนชำระ
*☑ ไม่ต้องใช้คะแนนแลก! แค่มียอดผ่อนชำระรุ่นที่ร่วมรายการตามกำหนด และลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมโปรโมชั่น
สิทธิพิเศษ 2 » ใช้คะแนนแลกรับเครดิตเงินคืน 13% เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรฯตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป/เซลส์สลิป + ใช้คะแนน KTC FOREVER ทุก 1,000 คะแนนแลกรับเครดิตเงินคืน 130 บาท
☑ ร่วมรายการได้ั้งยอดชำระเต็มจำนวน และ ยอดผ่อนชำระ 0%
- ไฟรถยนต์
ระบบไฟรถยนต์ ก็ถือเป็นอีกปัจจัยที่สำคัญในการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า-หลัง ไฟเบรก ไฟเลี้ยง ไฟฉุกเฉิน หากพบความผิดปกติ ควรรีบซ่อมแซม แก้ไขก่อนเดินทาง เพราะปัญหาเล็กๆ เหล่านี้ อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุไม่คาดคิดได้
- ระบบเบรก
อีกหนึ่งสิ่งที่ควรเช็กให้ดีก่อนเดินทางก็คือระบบเบรก ควรจะต้องทำงานได้ดี มีประสิทธิภาพพร้อมในการเดินทาง หากพบความผิดปกติ ควรรีบไปตรวจเช็กผ่านศูนย์บริการที่ได้มาตรฐาน และทำการเปลี่ยนทันที
ตรวจสภาพรถใช้อะไรบ้าง?
รถยนต์เมื่อมีการใช้งานมามากกว่า 7 ปี จะต้องมีการตรวจเช็กสภาพเป็นประจำทุกปีตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ได้กำหนดไว้ ซึ่งหากไม่ได้ตรวจ ก็จะไม่สามารถยื่นต่อภาษีได้ ถือเป็นอีกหนึ่งในการสร้างความปลอดภัยในการใช้รถทุกประเภท หากรถยนต์ของใครมีเกณฑ์ต้องเข้ารับการตรวจสภาพรถดังกล่าว ต้องเตรียมเอกสารให้พร้อมก่อนตรวจดังนี้
- รถที่ต้องเข้ารับการตรวจ
ในวันที่เข้ารับการตรวจสภาพ จะต้องนำรถที่ต้องการตรวจสภาพมาด้วย โดยเจ้าหน้าที่ทำการตรวจเช็กสภาพตามขั้นตอนต่างๆ ตามข้อกำหนด หากผ่านมาตรฐานก็จะได้รับเอกสารยืนยันการตรวจสภาพรถ เพื่อนำไปยื่นต่อภาษีนั่นเอง
- เล่มทะเบียนรถที่ตรวจสภาพ
นอกจากรถแล้ว อย่าลืมนำเล่มทะเบียนรถที่ตรวจสภาพมาด้วย เพราะต้องใช้ข้อมูลต่างๆ ของรถยนต์เพื่อทำการออกเอกสารใบตรวจสภาพประกอบ
ตรวจสภาพรถที่ไหนได้บ้าง
สำหรับสถานที่ที่ให้บริการตรวจสภาพรถ กรมการขนส่งได้กำหนดให้เข้ารับการตรวจได้ 2 แห่งด้วยกัน ได้แก่
-
กรมขนส่งทางบก
กรณีที่เป็นรถยนต์ขนาดใหญ่ หรือรถที่มีการปรับแต่ง เปลี่ยนเครื่องยนต์ ตัวถัง เลขเครื่องยนต์ไม่ตรงกับตัวถัง หรือขาดการต่อทะเบียนเกิน 1 ปี จะมีการตรวจสอบที่ครอบคลุมกว่าสถานตรวจสภาพรถเอกชนทั่วไป จึงขอแนะนำให้มาตรวจที่กรมขนส่งทางบกจะมั่นใจกว่า
-
สถานตรวจสภาพรถ ตรอ.
สำหรับรถทั่วไป สามารถเข้ารับการตรวจสภาพรถได้ที่สถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) ที่ใกล้บ้านได้เลย และอย่าลืมสังเกตให้ดีก่อนเข้ารับการบริการ ว่าเป็นสถานตรวจสภาพรถที่ได้รับการอนุญาตจากกรมขนส่งทางบก ให้มีมาตรฐานตามข้อกำหนด เพื่อจะได้รับเอกสารในการไปยื่นต่อภาษีได้ตามกฎหมาย
วิธีการเลือกศูนย์ตรวจเช็กสภาพรถให้ตอบโจทย์
การเลือกศูนย์ตรวจเช็กสภาพรถที่ได้มาตรฐาน ไว้ใจได้ และทำงานโดยทีมช่างผู้ชำนาญ ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ โดยเฉพาะสาวๆ หรือมือใหม่หัดใช้รถยนต์ที่ไม่ได้มีความชำนาญในเรื่องราวของเครื่องยนต์กลไกล จึงต้องเลือกให้ดี เพื่อให้รถได้รับการตรวจเช็กอย่างถูกต้อง และมั่นใจในคุณภาพ ซึ่งมีวิธีในการเลือกเบื้องต้นดังนี้
- เลือกศูนย์บริการของยี่ห้อรถยนต์ที่ใช้งาน
ศูนย์ให้บริการของยี่ห้อรถยนต์จะเป็นทีมงานที่มีความรู้ และเชี่ยวชาญในยี่ห้อรถยนต์นั้นๆ มากที่สุด ดังนั้นควรเลือกใช้บริการจากศูนย์บริการที่ตรงกับยี่ห้อรถยนต์ นอกจากจะได้รับการตรวจเช็กรถที่มีมาตรฐานแล้ว ยังมั่นใจได้ว่าอะไหล่และอุปกรณ์อื่นๆ ที่ใช้ในการซ่อมบำรุงนั้น เป็นของแท้อย่างแน่นอน
- เลือกศูนย์ที่ผ่านรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ
ศูนย์ให้บริการควรมีใบรับรองจากองค์กรด้านมาตรฐานการซ่อมที่น่าเชื่อถือ ซึ่งจะทำให้มั่นใจได้ในคุณภาพของการบริการ
- เลือกศูนย์มีช่างผู้เชี่ยวชาญในการซ่อมบำรุง
บางครั้งรถยนต์อาจมีอาการเสียหายที่แตกต่างกันไป ซึ่งหากได้เจอกับช่างที่มีความเชี่ยวชาญในรุ่น หรืออาการเสียนั้นๆ ก็จะทำให้ซ่อมได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และมีคุณภาพ ซึ่งจะทำให้รถยนต์ที่เรารักสามารถใช้งานได้อย่างยาวนานมากยิ่งขึ้น
- เลือกศูนย์ที่สามารถให้บริการได้อย่างรวดเร็ว และครบวงจร
ศูนย์ที่สามารถให้บริการได้อย่างรวดเร็ว พร้อมด้วยทีมช่าง และเครื่องมือครบวงจร ก็จะทำให้ไม่เสียเวลาในการซ่อมบำรุงรักษา สามารถเข้าที่เดียว ดูแลได้ครบ
- เลือกศูนย์ที่เป็นพาร์ทเนอร์กับบัตรเครดิต
แน่นอนว่าการนำรถยนต์เข้าตรวจสอบสภาพ จะต้องมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นไม่มากก็น้อย หากเลือกศูนย์บริการที่เป็นพาร์ทเนอร์กับบัตรเครดิต ก็อาจได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ เพิ่มเติม รวมไปถึงสามารถสะสมคะแนนจากยอดใช้จ่าย เพื่อนำไปใช้ในการแลกรับสิทธิประโยชน์อื่นๆ ได้อีกด้วย
- เลือกศูนย์ที่มีห้องรับรอง หรือสถานที่ในการนั่งรอ
อีกเรื่องที่หลายคนมักเบื่อเมื่อต้องเอารถไปตรวจเช็กก็คือการต้องรอ ดังนั้นควรเลือกศูนย์บริการที่มีห้องรับรอง หรือสถานที่สำหรับนั่งรอรถ ซึ่งบางศูนย์อาจมีบริการอาหารและขนม รวมไปถึงกิจกรรมต่างๆ ให้ได้ทำแก้เบื่อระหว่างรอ หากพบปัญหาของรถยนต์ก็สามารถพูดคุย และตรวจสอบได้เลยทันที
ขอบคุณรูปภาพจาก https://www.facebook.com/autoclikfastfit
เช็กรถก่อนเดินทางไกล กับ Autoclik
ศูนย์บริการตรวจเช็ก ซ่อมแซม และบำรุงรักษารถยนต์ทุกยี่ห้ออย่างเร่งด่วน พร้อมด้วยทีมช่างที่มีความชำนาญ และอุปกรณ์ในการตรวจเช็กที่ได้มาตรฐานและทันสมัย พร้อมดูแลในทุกเรื่องอย่างครบเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นระบบเบรก แอร์ เครื่องยนต์ และยางรถยนต์ ในราคาสบายกระเป๋า มีสาขาให้บริการครอบคลุมหัวเมืองหลักกรุงเทพฯ รวมไปถึงภูเก็ต และเชียงใหม่
ขอบคุณรูปภาพจาก https://www.facebook.com/smbwheel
เช็กรถก่อนเดินทางไกล กับ ทรัพย์สมบูรณ์ยางยนต์
ศูนย์บริการที่เชี่ยวชาญในเรื่องยาง แม็ก และช่วงล่างแบบครบวงจร พร้อมด้วยทีมช่างที่มีความชำนาญเฉพาะด้าน ด้วยประสบการณ์ และการให้บริการมาอย่างยาวนานกว่า 27 ปี ดังนั้นใครอยากตรวจเช็กสภาพช่วงล่าง ยาง และล้อแม็ก ไว้ใจทรัพย์สมบูรณ์ยานยนต์ได้เลย พร้อมให้บริการด้วยสาขาครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วกรุงเทพฯ และสาขานครราชสีมา สะดวกที่ไหน ก็เข้ารับบริการได้เลย
ขอบคุณรูปภาพจาก https://www.facebook.com/auto1thailand
เช็กรถก่อนเดินทางไกล กับ Auto1
ศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจรที่ได้มาตรฐานในเครือเซ็นทรัล พร้อมตรวจเช็กสภาพรถให้พร้อมทุกการเดินทางแบบครบในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของยาง แบตเตอรี่ น้ำมันเครื่อง และโปรโมชั่นดีๆ อีกมากมาย มีสาขาให้บริการทั่วหัวเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ ปริมลฑล รวมไปถึงต่างจังหวัดทั่วทุกภาคของไทย สามารถเข้ารับการบริการได้อย่างสะดวกสบาย
การตรวจเช็กสภาพรถยนต์ของเราให้พร้อมก่อนเดินทาง ถือเป็นเรื่องที่จำเป็น และควรให้ความสำคัญ เพื่อให้ช่วงเวลาของการเดินทางนั้นเป็นไปอย่างราบรื่น และสามารถเดินทางท่องเที่ยว หรือกลับไปหาคนที่เรารักได้อย่างสบายใจ นอกจากนี้ยังเป็นช่วยบำรุงรักษารถยนต์ของเราให้สามารถใช้งานได้ยาวนานมากยิ่งขึ้น ยิ่งใครเป็นสมาชิกบัตรเครดิต KTC รับส่วนลดหรือใช้คะแนนแลกรับเครดิตเงินคืน และสิทธิ์ในการผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน เปลี่ยนค่าใช้จ่ายหนักๆ ให้เป็นเรื่องง่าย ใครยังไม่มี สมัครได้เลยผ่านเว็บไซต์ พร้อมรับสิทธิพิเศษทันที สนใจโปรโมชั่นดีๆ แบบนี้ กดสมัครบัตรเครดิต KTC ออนไลน์ที่นี่เลย
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC