ชาไทยที่เราคุ้นเคยในอดีต คือ ชาเย็นหวาน ๆ สีส้มสดใส ที่ชงจากผงชาสำเร็จรูป เติมนมข้นหวาน และน้ำแข็งใส เสิร์ฟในถุงพลาสติกใสพร้อมหลอด เป็นชาเย็นธรรมดาที่คนไทยดื่มกันมานานกว่าหลายทศวรรษ แต่วันนี้ชาไทยกำลังเปลี่ยนไปสู่ทิศทางใหม่ที่เรียกว่า "Specialty Thai Tea" หรือ ชาไทย Specialty สายพรีเมี่ยมที่ใส่ใจทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่การคัดเลือกใบชา กระบวนการชง ไปจนถึงการนำเสนอที่ยกระดับชาไทยไปอีกขั้น ไม่แพ้วงการกาแฟ Specialty ทำให้ปัจจุบันมีร้านชาไทยเกิดขึ้นใหม่หลายร้าน จากที่แต่เดิมมักจะอยู่ในคาเฟ่หรือร้านกาแฟ เรื่องราวของชาไทยจึงไม่ใช่แค่เครื่องดื่มท้องถิ่นธรรมดาอีกต่อไป แต่กลายเป็นศิลปะการชงเครื่องดื่มที่มีเอกลักษณ์และคุณค่าเฉพาะตัว บทความวันนี้จะพาไปรู้จักกับ ชาไทย Specialty ให้มากขึ้น พร้อมแนะนำ 10 ร้านไม่ให้ตกเทรนด์
ชาไทย Specialty คืออะไร?
ชาไทย Specialty คือ การยกระดับชาไทยแบบดั้งเดิมให้กลายเป็นเครื่องดื่มพรีเมี่ยมผ่านการปรับปรุงทุกขั้นตอนของการผลิต โดยเน้นคุณภาพและความพิถีพิถันในทุกรายละเอียด
การคัดเลือกใบชาคุณภาพพิเศษ
แทนที่จะใช้ผงชาสำเร็จรูปทั่วไป ชาไทย Specialty จะคัดเลือกใบชาคุณภาพสูงจากแหล่งปลูกที่เฉพาะเจาะจง เช่น ชาอัสสัมจากอินเดีย ชาซีลอนจากศรีลังกา หรือแม้แต่ชาไทยพันธุ์ดั้งเดิมที่ปลูกในพื้นที่สูงภาคเหนือของประเทศไทย ใบชาเหล่านี้จะผ่านกระบวนการคัดเลือกอย่างเข้มงวด เพื่อให้ได้รสชาติที่เข้มข้น หอมกรุ่น และมีลักษณะเฉพาะตัว
วิธีการชงที่หลากหลาย
ชาไทย Specialty ไม่ได้จำกัดตัวเองอยู่แค่การชงแบบดั้งเดิม แต่ได้รับการพัฒนาด้วยเทคนิคการชงที่ทันสมัย
- Handcraft Thai Tea: การชงด้วยมือแบบช่างฝีมือ ควบคุมอุณหภูมิน้ำ เวลาในการชง และสัดส่วนอย่างพิถีพิถัน
- Cold Brew Thai Tea: การชงแบบน้ำเย็นเป็นเวลานาน ทำให้ได้รสชาติที่นุ่มลึก ไม่ขม และหอมธรรมชาติ
- Nitro Thai Tea: การผสมไนโตรเจนเข้าไปในชาไทย ทำให้เกิดฟองนุ่มละเอียด เนื้อสัมผัสครีมมี่ และรสชาติที่แตกต่าง
วัตถุดิบสดใหม่คุณภาพสูง
ส่วนประกอบทุกอย่างในชาไทย Specialty ได้รับการคัดเลือกอย่างพิถีพิถัน
- นมสด: ใช้นมสดแท้ 100% แทนนมข้นหวาน เพื่อให้ได้รสชาติที่ครีมมี่แต่ไม่หวานเกินไป
- น้ำแข็งกรอง: น้ำแข็งที่ผ่านการกรองอย่างดี เพื่อไม่ให้ส่งผลต่อรสชาติของชา
ชาไทย Specialty แตกต่างจากชาไทยทั่วไปอย่างไร
ชาไทยทั่วไปที่เราคุ้นเคยจะเน้นปริมาณ ราคาถูก ทำง่าย ขายสะดวก ในขณะที่ชาไทย Specialty จะมีความพิถีพิถันมากกว่า รวมถึงมีแหล่งที่มา เช่น คัดมาจากไร่ที่คุณภาพดี หรือใบชาที่มีชื่อเสียง ถึงแม้ว่าจะมีราคาสูงกว่าแต่ด้วยคุณภาพและเรื่องราวความเป็นมาทำให้คนรักชาไทยหลายคนยอมจ่ายในราคาที่สูงกว่าเพื่อให้ได้รับประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการลิ้มรสชาไทย
จุดเด่นของชาไทย Specialty
ใบชาคุณภาพสูง
การปฏิวัติของชาไทย Specialty เริ่มต้นจากการคัดเลือกใบชาที่มีคุณภาพสูงจากแหล่งปลูกเฉพาะทาง ไม่ใช่การใช้ใบชาผสมหรือผงชาสำเร็จรูปทั่วไป แต่เป็นการเลือกใช้ใบชาจากสวนเฉพาะที่มีชื่อเสียง เช่น แม่จันใต้ที่มีดินเหนียวและอากาศหนาวเย็นเหมาะสำหรับการปลูกชา ดอยแม่สลองที่อยู่ในระดับความสูงที่เหมาะสม หรือดอยปู่หมื่นที่มีสภาพอากาศและดินที่เป็นเอกลักษณ์
สิ่งที่ทำให้ชาเหล่านี้พิเศษคือ กระบวนการผลิตที่ควบคุมคุณภาพตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ตั้งแต่การเก็บใบชาในช่วงเวลาที่เหมาะสม การหมักและการอบแห้งที่ใช้เทคนิคแบบดั้งเดิมผสมผสานกับความรู้สมัยใหม่ จนได้ใบชาที่มีกลิ่นรส เนื้อสัมผัส และลักษณะเฉพาะที่ไม่เหมือนใคร
กระบวนการชงชาไทย Specialty
ชาไทย Specialty ไม่ได้ใช้วิธีการชงแบบเดิม ๆ ที่เทน้ำร้อนลงไปแล้วรอจนชาออกสี แต่เป็นการควบคุมทุกตัวแปรในกระบวนการชงอย่างละเอียด
เครื่องมือที่ใช้ก็หลากหลาย เช่น เครื่องชงแบบ Pour Over ที่ช่วยควบคุมการไหลของน้ำและการสัมผัสระหว่างน้ำกับใบชา Cold Brew ที่ใช้เวลานานแต่ให้รสชาติที่นุ่มนวลและไม่ขม หรือ Syphon ที่ใช้ความดันและสุญญากาศในการสกัดรสชาติออกมา
การควบคุมอุณหภูมิน้ำที่แม่นยำ โดยใช้เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสมกับชาแต่ละชนิด การจับเวลาการชงที่แม่นยำด้วยตัวจับเวลา และการคำนวณสัดส่วนระหว่างใบชากับน้ำด้วยตาชั่งดิจิทัล ทุกอย่างล้วนเป็นการทำงานที่ต้องอาศัยทักษะและความรู้ของบาริสต้าชาไทย
ชาไทย Specialty ไม่เน้นความหวานจัด
จุดเด่นที่สำคัญของชาไทย Specialty คือ การไม่ให้ความหวานจัดหรือความครีมมี่มาบดบังรสชาติต้นฉบับของใบชา แทนที่จะใส่นมข้นหวานที่มีความหวานสูงและกลิ่นที่เข้มข้นจนกลบรสชาติของชา ชาไทย Specialty จะใช้นมสดสำหรับผู้ที่ต้องการความครีมมี่ หรือนมพืชต่างๆ เช่น นมอัลมอนด์ นมมะพร้าว หรือนมถั่วเหลืองสำหรับผู้ที่ต้องการทางเลือกที่แตกต่าง
การใช้สารให้ความหวานก็เป็นการคำนวณที่พิถีพิถัน โดยจะใช้เพียงเท่าที่จำเป็นเพื่อเสริมรสชาติของชา ไม่ใช่เพื่อทำให้หวาน การใช้น้ำตาลทรายแดง น้ำตาลมะพร้าว หรือน้ำผึ้ง จะให้ความหวานที่มีความลึกและซับซ้อนมากกว่าน้ำตาลทรายขาวธรรมดา
รสชาติที่ซับซ้อนและลึกซึ้งของชาไทย Specialty
ชาไทย Specialty มีความซับซ้อนของรสชาติที่ไม่เหมือนชาเย็นทั่วไป การใช้ใบชาคุณภาพสูงทำให้ได้รสชาติที่หลากหลายชั้น มีทั้งความหวานธรรมชาติของชา ความครีมมี่ของนม และความหอมกรุ่นที่ติดลิ้นติดปาก สิ่งที่ทำให้ชาไทย Specialty โดดเด่นที่สุดคือ การเน้นการดึง "โน้ตรสชาติ" ออกมาจากใบชา เหมือนกับการชิมไวน์หรือกาแฟ Specialty ที่มีการบรรยายถึงรสชาติและกลิ่นที่ซับซ้อนอ
บางร้านใช้ชาจากหลายแหล่งมาเบลนด์เข้าด้วยกันเพื่อให้ได้ชาที่มีรสชาติเฉพาะ เนื่องจากใบชาจากแหล่งต่าง ๆ จะมีลักษณะเฉพาะตัว เช่น ชาจากดอยสูงอาจมีกลิ่นดอกไม้ป่าที่ละเอียดอ่อน ชาจากพื้นที่ที่มีป่าไผ่อาจมีกลิ่นหอมคล้ายใบไผ่อ่อน ๆ หรือชาจากพื้นที่ที่มีผลไม้ป่าอาจมีโน้ตรสชาติของผลไม้แห้งหรือเครื่องเทศธรรมชาติ
การดื่มชาไทย Specialty จึงไม่ใช่แค่การดื่มเพื่อดับกระหาย แต่เป็นการสำรวจและค้นพบรสชาติที่หลากหลายและซับซ้อน เป็นประสบการณ์การดื่มที่ "ลึก" ในแง่ของการรับรู้รสชาติและหลากหลายในแง่ของโน้ตรสชาติที่เปลี่ยนไปตามเวลาและอุณหภูมิของเครื่องดื่ม
ประสบการณ์การดื่มชาไทย Specialty ที่แตกต่าง
ไม่ใช่แค่เรื่องรสชาติ แต่ชาไทย Specialty ยังมุ่งเน้นไปที่ประสบการณ์การดื่มโดยรวม ตั้งแต่การนำเสนอในแก้วที่สวยงาม การตกแต่งที่ละเอียด ไปจนถึงบรรยากาศของร้านที่ให้ความรู้สึกพิเศษ
ความยั่งยืนและการสนับสนุนชุมชน
หลายแบรนด์ชาไทย Specialty ให้ความสำคัญกับการจัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืน โดยการซื้อใบชาตรงจากเกษตรกรในราคาที่เป็นธรรม การสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น และการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ความเป็นเอกลักษณ์ของชาไทย Specialty
ขณะที่กาแฟ Specialty เป็นกระแสโลก ชาไทย Specialty กลับเป็นสิ่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของไทย เป็นการนำเสนอวัฒนธรรมการดื่มชาของไทยในรูปแบบใหม่ที่ทันสมัยแต่ยังคงรากเหง้าของความเป็นไทยไว้
10 ร้านชาไทย Specialty ที่น่าสนใจในปี 2025
1.Karun Thai Tea
A bottle of tea and a glass container AI-generated content may be incorrect., Picture
ขอบคุณรูปภาพจากร้าน Karun
Karun เป็นร้านชาไทย Specialty ที่เน้นชูความพิเศษของชาโดยเฉพาะ โดยชาของทางร้านจะเป็นชาอัสสัมและชาซีลอนจากภาคเหนือกับภาคใต้ รวมทั้งหมด 3 ตัว เกิดเป็นรสชาติที่เข้มข้นและหอมกลิ่นชา ความพิเศษคือนอกจากตัวซิกเนเจอร์แล้วนำชามาเบลนด์กับกลิ่นอื่น เช่น วนิลา โกโก้ หรือดอกหอมหมื่นลี้จนเกิดเป็นรสชาติใหม่ ๆ ที่สำคัญคือปรับระดับความหวานไดทำให้แต่ละคนจะได้รับรสชาได้ในแบบที่ตัวเองชอบ
ราคา : ชาไทยซิกเนเจอร์ (12oz) 85 บาท, ชาไทยกลิ่นดอกหอมหมื่นลี้และกลิ่นกุหลาบ (12oz) 95 บาท
พิกัด : มีหลายสาขา
- สาขา Central Ladprao ชั้น 2
- สาขา Siam Paragon ชั้น G
- สาขา The EmQuartier ชั้น M
- สาขา ICONSIAM ชั้น G
- สาขา Central World ชั้น 3
2.Khiri Thai Tea
ขอบคุณรูปภาพจากร้าน Khiri Thai Tea
Khiri Thai Tea เป็นร้านชาไทย Specialty ที่ชาให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นชาจากพะเยา, แม่ฮ่องสอน,เชียงราย, ปัตตานี ซึ่งแต่ละจังหวัดก็มีเอกลักษณ์ของชาที่แตกต่างกันออกไป เช่น ชาของแม่ฮ่องสอนจะติดเปรี้ยวนิด ๆ จากการปลูกร่วมกับเบอร์รี่ แต่ถ้าเป็นชาของภาพใต้ก็จะมีความเข้มกว่า
ราคาต่อแก้ว : Single Origin Tea (12 oz.) 110 บาท
พิกัด : มีหลายสาขา
- สาขา Emsphere ชั้น G
- สาขา Paragon ชั้น G
- Flagship Store 685 ถนนตรีมิตร สัมพันธวงศ์ กทม. https://maps.app.goo.gl/bzowmuZaPZtp5ryN9
3.Sicha Premium Thai Tea
ขอบคุณรูปภาพจากร้าน Sicha Premium Thai Tea
Sicha Premium Thai Tea เป็นอีกหนึ่งร้านชาไทย specialty ที่น่าสนใจด้วยเอกลักษณ์คือใช้ การเบลนด์ชา 3 ชนิดชั้นดี ผสมเข้ากับนมหรือครีมจนได้ชาออกมาหลายสูตรไม่ว่าจะเป็น Original Thai Tea, Low Sugar Thai Tea, Soy‑Milk Thai Tea และ Almond‑Milk และยกระดับความพรีเมี่ยมไปอีกขั้นด้วยการพ่นทองคำบนแก้ว
ราคาต่อแก้ว : original 90 บาท
พิกัด : ซ.อินทามระ 12 พญาไท กทม. https://maps.app.goo.gl/DLugHCvVCZsnAU6Y6
4.TEA MATTER
ขอบคุณรูปภาพจากร้าน TEA MATTER
TEA MATTER เป็นร้านชาไทย Specialty ที่ให้ความสำคัญกับการคัดสรรใบชาคุณภาพสูงจากแหล่งผลิตที่ดีที่สุด ทั้งชาไทยและชานำเข้าจากต่างประเทศ โดยเน้นชา Single Origin และชาเบลนด์พิเศษของทางร้าน แต่นอกจากชาแบบดั้งเดิมแล้ว TEA MATTER ยังมีเมนูชาสร้างสรรค์ที่น่าสนใจ เช่น ชาใส่วัตถุดิบธรรมชาติอย่างผลไม้ ดอกไม้ หรือสมุนไพร เพื่อเพิ่มมิติของรสชาติและกลิ่นหอม รวมถึงเมนูชาที่ผสมผสานกับนมหรือโซดาอย่างลงตัว
ราคา : signature thai tea 85 บาท
พิกัด : 82/1 ซอยวุฒิศึกษา คลองสาน กทม. https://maps.app.goo.gl/iMJ9fbWuYjXW1w1C8
5.ชงดี
ขอบคุณรูปภาพจากร้าน ชงดี
ชงดีหรือโรงชาชงดี เป็นร้านชา Specialty สุดพรีเมี่ยมที่ได้รับความนิยมอีกหนึ่งร้าน ด้วย จุดเด่นที่นำเสนอชาใต้แท้ ๆ ซึ่งมีความโดดเด่นที่ชัดเจน คือ ไม่แต่งกลิ่น ไม่แต่งสี และมีกลิ่นชาที่หอมเป็นเอกลักษณ์ โดยทางร้านจะมี Signature 2 สูตรคือ สูตรชงดี”ใช้ชาซีลอน ซึ่งเป็นชาที่นิยมใช้กันในภาคใต้ 100% และ สูตรชงร่วม ใช้ชาซีลอน ผสมกับชาไทย และอีกหนึ่งจุดเด่นของร้านที่ไม่เหมือนใครคือการมีปาท่องโก๋ให้ทานคู่กับชาทุกแก้ว
ราคา : ชาชงดี (ชาใต้แท้) 85 บาท, ชาชงร่วม (ชาใต้ x ชาไทย) 95 บาท
พิกัด : มีหลายสาขา
- สาขา Central Ladprao ชั้น 2
- สาขา CentralWorld ชั้น 7
- สาขา ICONSIAM ชั้น 5
6.ชาเจริญ
ขอบคุณรูปภาพจากร้าน ชาเจริญ
ชาเจริญ เป็นร้านชาไทยรสชาติเข้มข้น พรีเมี่ยม หอมกลิ่นชาเป็นเอกลักษณ์ และไม่ขมปลาย เมนูยอดฮิตคือสเลอปี้ชาไทย ด้วยความที่มีเนื้อเนียนละเอียด รสชาติเข้มข้น หวานกำลังดี จึงกลายเป็นเมนูที่ต้องลองเมื่อมาที่ร้าน แต่นอกจากสเลอปี้ชาไทยแล้ว ยังมีเมนูชาไทยที่ Specialty ประยุกต์ใช้วัตถุดิบอื่น ๆ เช่น ชาไทยมะพร้าวน้ำหอม ที่ให้ความสดชื่นและมีเนื้อมะพร้าวอ่อนให้เคี้ยวเพลิน
ราคา : ชาไทยสเลอปี้ 90 บาท
พิกัด : อารีย์ ซอย1 โครงการสนั่นนภา พญาไท กทม. https://maps.app.goo.gl/cMqEpLisEHD7GhaY8
7. MANA Specialty Coffee
ขอบคุณรูปภาพจากร้าน MANA Specialty Coffee
MANA Specialty Coffee เป็นร้านกาแฟ specialty แต่ในเรื่องของชาไทยก็โดดเด่นไม่แพ้กัน เพราะทางร้านเบลนด์ชาทั้งหมด 4 ตัวเข้าด้วยกัน เน้นกลิ่นที่หอมโดดเด่น ขึ้นจมูกตั้งแต่จิบแรก แต่ก็เข้ากันดีกับความละมุนของนม และไม่หวานมาก มีความหวานมัน มีกลิ่นหอมของชาใต้อ่อน ๆ ด้วย
ราคา : 95 บาท
ที่อยู่ : 51/2 ถ.เศรษฐศิริ พญาไท กทม. https://maps.app.goo.gl/zzLY15YxZMeUdHb56
8.ChumChum
ขอบคุณรูปภาพจากร้าน ChumChum
ChumChum เป็นร้านชาสมุนไพรพรีเมี่ยม จุดเด่นคือการนำเสนอเครื่องดื่มที่เน้นความเป็นธรรมชาติของชาและสมุนไพร ไม่มีการแต่งสีหรือกลิ่นใด ๆ ให้รสชาติที่แท้จริงของสมุนไพรและชา ซึ่งชาไทยของร้านสกัดจากชาดำเข้มข้นตามสูตรพิเศษของ Chum Chum ทำให้ได้รสชาติที่เข้มข้น กลมกล่อม หอมหวานจากธรรมชาติ ไม่ใช่ความหวานจากน้ำตาลอย่างเดียว
ราคา : 75 บาท
พิกัด : สาขา Central Embassy ขั้น LG
9. Citizen tea canteen
ขอบคุณรูปภาพจากร้าน Citizen Tea Canteen
Citizen Tea Canteen เป็นโรงน้ำชาและพื้นที่ศิลปะที่ยกระดับชาไทยแบบเดิม ๆ ให้กลายเป็นชา Specialty มีการคัดสรรใบชาอย่างพิถีพิถันจากแหล่งต่างๆ ทั่วประเทศไทย และนำมาเบลนด์เป็นสูตรเฉพาะของร้าน ี่ บางเมนูอาจมีการชงแบบ Siphon เพื่อให้ได้รสชาติที่สม่ำเสมอทำให้ได้ชาที่รสนวลไม่ฝาด และกลิ่นหอมเฉพาะตัว
ราคา : Thai milk tea 120 บาท
พิกัด : 764 ตลาดน้อย (ซอยวานิช 2) สัมพันธวงศ์ กทม. https://maps.app.goo.gl/9kCTuoDk8BeBdhtR7
10. JINNAPAT THAI TEA
ขอบคุณรูปภาพจากร้าน JINNAPAT THAI TEA
ชาไทยสูตรของ JINNAPAT นำเสนอชาไทยที่มีสูตรเฉพาะ โดยเบลนด์ชาเข้ากันด้วยกันถึง 4 ตัว ทำให้ได้รสชาติ ความเข้มข้นและหอม ที่แตกต่างจากชาไทยทั่วไป นอกจากชาไทยเย็นแบบดั้งเดิมแล้ว อาจจะมีเมนูชาไทยที่ประยุกต์ใช้วัตถุดิบอื่น ๆ ให้เลือกเพื่อความหลากหลาย
ราคา : ชาไทย 65 บาท
พิกัด : ซอยละลายทรัพย์ สีลมซอย 7 บางรัก กทม. https://maps.app.goo.gl/z1JWMs87ZWysBRYQ7
ปัจจุบันร้านชาไทย specialty ค่อย ๆ มีมากขึ้น ซึ่งไม่ว่าคุณจะอยู่ที่บ้าน ที่ทำงาน หรือกำลังเดินทาง ก็สามารถค้นหาร้านชาไทย Specialty ในบริเวณใกล้เคียงผ่านแอป LINE MAN แล้วรอให้เครื่องดื่มสุดพิเศษนี้ส่งตรงถึงหน้าประตูบ้านคุณ
แจกโค้ดลดคุ้มทุกสิ้นเดือน โปรโมชั่นสั่งอาหารกับ LINE MAN เฉพาะบัตรเครดิต KTC VISA
สิทธิพิเศษเฉพาะ บัตรเครดิต KTC VISA ทุกประเภท ช่วง PAYDAY
รับส่วนลด 80 บาท เมื่อสั่งอาหารขั้นต่ำ 450 บาทขึ้นไป/ออเดอร์ (ค่าอาหารเท่านั้น) บนแอป LINE MAN
ระยะเวลาโปรโมชั่น : 23 ม.ค. 68 - 31 ก.ค. 68 (ร่วมรายการตั้งแต่วันที่ 23 ถึงสิ้นเดือน ของทุกเดือน)
การเปลี่ยนแปลงของชาไทยไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน แต่เป็นผลจากการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของคนไทยที่มีวิสัยทัศน์ ชาไทย Specialty จึงไม่ใช่แค่เทรนด์ชั่วคราว แต่เป็นการปฏิวัติที่จะเปลี่ยนภาพลักษณ์ของชาไทยไปตลอดกาล จากเครื่องดื่มท้องถิ่นสู่เครื่องดื่มระดับโลกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ใครอยากลองชาไทยแบบใหม่ ๆ ก็สามารถสั่งผ่าน LINE MAN ได้เลย และอย่าลืมใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต KTC เพื่อรับโปรโมชั่นดี ๆ แบบนี้ แต่ถ้าใครยังไม่มีก็กดสมัครบัตรเครดิต KTC ผ่านช่องทางออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากโปรโมชั่นตลอดปีแล้วยังมีคะแนน KTC FOREVER ให้ได้สะสมเพื่อใช้แลกรับเป็นเครดิตเงินคืนหรือส่วนลดได้แบบไม่จำกัดอีกด้วย
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC