เปิดแอร์โหมดไหนประหยัดไฟ บอกเลยว่าการอาศัยอยู่ในประเทศไทย จำเป็นมากที่จะต้องมีแอร์หรือเครื่องปรับอากาศ เพื่อทำความเย็น ยิ่งเฉพาะในช่วงฤดูร้อน ถ้าไม่มีแอร์และต้องเผชิญกับความร้อน ก็อาจจะทำให้คุณอยู่อย่างไม่มีความสุขได้ ฉะนั้น การเปิดแอร์ไม่ว่าจะตลอดทั้งวัน หรือใช้เพียงแค่บางช่วงเวลาก็ตาม ย่อมทำให้ค่าไฟเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย วันนี้ KTC จะมาบอกเคล็ดลับ สำหรับการเปิดแอร์ที่ไม่ว่าจะอากาศร้อน หรือฝนตก ว่าเปิดแอร์โหมดไหนประหยัดไฟ โหมดไหนเย็นสบาย และกินไฟน้อยที่สุด
ความสำคัญของการใช้แอร์อย่างประหยัด
การใช้เครื่องปรับอากาศอย่างประหยัดไม่เพียงแต่ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานเท่านั้น แต่ยังมีส่วนช่วยในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วย ตามสถิติของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) พบว่าเครื่องปรับอากาศเป็น 1 ใน 5 อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานมากที่สุดในบ้าน ดังนั้น การเรียนรู้วิธีใช้แอร์อย่างประหยัดจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก
เปิดแอร์กี่องศาประหยัดไฟ?
สำหรับอากาศประเทศไทย ควรเปิดแอร์อยู่ที่ 25-27°C ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่เหมาะสม และสำหรับคนขี้ร้อน ใช้พัดลมช่วยกระจายความเย็น จะยิ่งทำให้รู้สึกเย็นสบายโดยไม่ต้องลดอุณหภูมิแอร์ เป็นการเปิดแอร์ที่ประหยัดไฟได้ดีเลยทีเดียว
Auto Mode หรือโหมดอัตโนมัติ เหมาะกับห้องที่มีคนอยู่หลายคนและมีการเดินเข้าออก
รู้จักแอร์แต่ละ Mode มีอะไรบ้าง ต่างกันอย่างไร
เปิดแอร์โหมดไหนประหยัดไฟ การใช้งานเครื่องปรับอากาศหรือแอร์ อย่างแรกที่ควรรู้คือ สัญลักษณ์ หรือความหมายต่างๆ ของโหมดแอร์ ซึ่งคุณสามารถดูได้จากรีโมท ทั้งนี้ โหมดต่างๆ ที่ปรากฏส่วนใหญ่จะมีความคล้ายคลึงกันเกือบทุกรุ่น การทำความรู้จักกับโหมดแอร์ทั้งหมด ช่วยให้สามารถปรับการใช้งานได้เหมาะสม และช่วยประหยัดค่าไฟได้มากขึ้น
1.Auto Mode หรือโหมดอัตโนมัติ
เปิดแอร์โหมดไหนประหยัดไฟ Auto Mode เป็นโหมดที่สะดวกต่อการใช้งาน โดยโหมดอัตโนมัติจะเป็นโหมดที่ปรับอุณหภูมิอัตโนมัติตามสภาพแวดล้อมภายในห้อง เหมาะกับห้องที่มีคนอยู่หลายคนและมีการเดินเข้าออก ซึ่งแอร์จะตั้งค่าต่างๆ เช่น อุณหภูมิและพัดลม ตามการประมวลผลของเซ็นเซอร์ให้เอง เพื่อให้ได้ความเย็นที่เหมาะสม ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว แอร์ส่วนใหญ่จะถูกตั้งให้โหมดอัตโนมัติเป็นค่าเริ่มต้น
2.Cool Mode หรือโหมดทำความเย็น
คำถามที่ว่า เปิดแอร์โหมดไหนประหยัดไฟ Cool Mode เป็นโหมดการทำงานที่ใช้กันมากที่สุดโดยเฉพาะคนขี้ร้อน เพราะสามารถปรับอุณหภูมิได้ตามต้องการ อีกทั้งยังสามารถปรับระดับความเร็วพัดลมได้ ฉะนั้น ใครที่อยากได้ห้องที่แอร์เย็นฉ่ำแบบทันใจก็มักจะเลือกใช้โหมดนี้ การทำงานของโหมดทำความเย็นนี้คือ แอร์จะทำงานตามอุณหภูมิที่เราตั้งบนรีโมท โดยลดอุณหภูมิลงมาจนถึงค่าที่ตั้งไว้ จากนั้นคอมเพรสเซอร์จะหยุดการทำงาน แต่พัดลมจะยังคงทำงานต่อไป โดยข้อเสียของโหมดนี้คือ จะกินไฟค่อนข้างมาก
3.Fan Mode หรือโหมดพัดลม
โหมดนี้เป็นโหมดปรับความเร็วของพัดลมเท่านั้น ไม่สามารถปรับอุณหภูมิได้ หากพบว่าแอร์ไม่เย็น อาจต้องเช็กที่รีโมทก่อนว่าได้ตั้งค่าโหมดนี้ไว้หรือเปล่า เพราะการทำงานของโหมดพัดลมนี้ จะปล่อยเพียงลมออกมาเท่านั้น และลมที่ปล่อยออกมาจะเป็นอุณหภูมิห้อง ไม่ได้มีความเย็นออกมาด้วย อย่างไรก็ดี โหมดนี้จะมีประโยชน์เมื่อเจอปัญหากลิ่นเหม็นอับที่ออกมาจากแอร์ สามารถใช้งานโหมดนี้ได้ เช่น ช่วงที่ใกล้จะปิดแอร์ ให้เปิดโหมดพัดลม ต่อไปอีกสัก 15 - 20 นาที แล้วค่อยปิดเครื่อง จะช่วยลดความชื้นสะสม ทำให้กลิ่นอับไม่พึงประสงค์เบาลงได้ ถ้าถามว่า เปิดแอร์โหมดไหนประหยัดไฟ Fan Mode ก็ตอบโจทย์เรื่องนี้เช่นกัน
4.Dry Mode หรือโหมดควบคุมความชื้น/โหมดแห้ง
อาจเป็นโหมดที่ไม่ได้ใช้งานเท่าไหร่นัก โดยโหมดแห้งนี้คือโหมดที่ผู้ใช้งานจะไม่สามารถปรับตั้งอุณหภูมิได้ และแอร์ก็จะทำหน้าที่เป็นเหมือนเครื่องลดความชื้นในอากาศ โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศชื้นมากๆ และไม่เป็นมิตรต่อสุขภาพ เช่น ช่วงเวลาฝนตก ที่อากาศไม่ค่อยถ่ายเท เราสามารถเปิดแอร์โหมดแห้งนี้ ควบคู่ไปกับเปิดพัดลมเบาๆ เพื่อให้อากาศถ่ายเทมากขึ้น ทำให้ห้องไม่เย็นจนเกินไป และทำให้ประหยัดค่าไฟได้มากกว่าโหมด Cool อีกด้วย
5.โหมด Smart Saving หรือโหมด Eco
โหมดนี้อาจจะมีเฉพาะแอร์บางรุ่นและบางยี่ห้อเท่านั้น โดยเป็นโหมดประหยัดพลังงานอัจฉริยะ ซึ่งแอร์จะทำงานโดยการลดความเย็นลง แต่จะเร่งการทำงานของพัดลมมากขึ้น เพื่อช่วยให้อากาศในห้องเย็นสบาย แต่ใช้พลังงานน้อยลง โดยเครื่องจะถูกสั่งการให้ทำงานช้าลงและไม่กระชากไฟมากจนเกินไป ทั้งนี้ โหมด Eco อาจจะมีข้อเสียในเรื่องของการทำให้แอร์เย็นช้า แต่ก็จะได้ความเย็นที่มีประสิทธิภาพ อุณหภูมิคงที่ และประหยัดไฟไปพร้อมกัน ถือว่าเป็นโหมดที่ให้ความประหยัดแบบขั้นสุด เหมาะสำหรับห้องที่ต้องเปิดแอร์ไว้ตลอดทั้งวัน เปิดแอร์โหมดไหนประหยัดไฟ ก็ต้องยกให้โหมดนี้เลย Smart Saving
ตั้งอุณหภูมิแอร์ที่ 25-27 องศา พร้อมเปิดพัดลมเพื่อช่วยหมุนเวียนอากาศ ช่วยให้ประหยัดไฟขึ้นได้
เทคนิคการใช้แอร์ให้ประหยัดไฟ หรือห้องเย็นเร็ว
เมื่อรู้ว่าโหมดไหนเหมาะสมกับการใช้งานอย่างไรแล้ว การเปิดแอร์โหมดไหนประหยัดไฟ ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งาน การจะเปิดแอร์ให้ประหยัดไฟ และทำให้ห้องเย็นเร็ว ไม่ว่าอากาศแบบไหน สามารถนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้ดูได้ ดังนี้
- ตั้งอุณหภูมิและเลือกโหมดที่เหมาะสม : อุณหภูมิที่เย็นจนเกินไปจะทำให้เครื่องปรับอากาศต้องทำงานหนักและสิ้นเปลืองพลังงานมากขึ้น โดยอุณหภูมิที่เหมาะสมคือ 25-27 องศาเซลเซียส ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้รู้สึกสบายตัวแล้ว นอกจากนี้ การเลือกใช้โหมดการทำงานของแอร์ให้เหมาะสมก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน อาทิ เลือก Dry Mode ที่ช่วยลดความชื้นในอากาศ เหมาะสำหรับใช้ในวันที่อากาศชื้น เนื่องจากจะไม่ทำให้ห้องเย็นจนเกินไปและช่วยประหยัดไฟนั่นเอง
- ติดมู่ลี่ หรือม่านบังแสงอาทิตย์ : ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแสงแดดที่ส่องผ่านหน้าต่างก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ห้องร้อนขึ้น การติดมู่ลี่หรือม่านช่วยบังแสงแดดได้เป็นอย่างดี ลดความร้อนเข้าสู่ห้อง และทำให้แอร์ทำงานหนักน้อยลงได้
- ระบายอากาศด้วยพัดลม: ในช่วงที่อากาศร้อนมากๆ การเปิดพัดลมระบายอากาศเพื่อไล่อากาศร้อนในห้องออกไปก่อนเปิดเครื่องปรับอากาศ จะช่วยให้ห้องเย็นลงอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ การเปิดแอร์ที่อุณหภูมิ 26-27 องศาเซลเซียส ควบคู่ไปกับการเปิดพัดลมก็สามารถช่วยเพิ่มการเคลื่อนที่ของอากาศภายในห้องได้ โดยอุณหภูมิในห้องจะลดลงประมาณ 2 องศาเซลเซียส สามารถประหยัดค่าไฟได้มากกว่าเปิดแอร์ในอุณหภูมิต่ำ เช่น 23 – 24 องศาเซลเซียส ได้อีกด้วย
- ล้างแอร์เป็นประจำ : การทำความสะอาดแผงคอยล์ ฝุ่น และสิ่งสกปรกที่สะสมบนแผงแผ่นกรองอากาศ จะช่วยให้แอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยควรทำความสะอาดเป็นประจำ ซึ่งเวลาที่เหมาะสมคือทุกๆ 6 เดือน หรือสามารถดูตามความเหมาะสมในการใช้งานแอร์ได้ เช่น หากเปิดแอร์แล้วไม่เย็น เบื้องต้นให้ถอดแผ่นกรองอากาศออกมาล้างทุก 2 – 3 เดือน เพราะแอร์ที่ใช้งานบ่อยๆ จะทำให้มีฝุ่น หรือสิ่งสกปรกสะสมอยู่ หากไม่ทำความสะอาด แอร์จะทำงานหนัก และกินไฟมากกว่าเดิม
โปรโมชั่นรายการชำระเต็มจำนวน และรายการผ่อนชำระ
บัตรเครดิต KTC ใช้คะแนน KTC FOREVER แลกรับส่วนลดทันทีสูงสุด 15% จากคะแนนที่แลก
โปรโมชั่นรายการผ่อนชำระ
บัตรเครดิต KTC และบัตรกดเงินสด KTC PROUD ผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน
1 ต.ค. 67 - 28 ก.พ. 68
และนี่คือเทคนิค เปิดแอร์โหมดไหนประหยัดไฟ ที่จะช่วยให้เครื่องปรับอากาศทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดไฟได้มากขึ้น แต่นอกเหนือจากเทคนิคข้างต้นแล้ว รู้หรือไม่ว่าการเปลี่ยนแอร์เก่าที่ระบบภายในอาจเสื่อมสภาพ เป็นแอร์ใหม่ รวมไปถึงการเลือกค่า BTU แอร์ ให้เหมาะกับขนาดห้องก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้ประหยัดไฟได้มากขึ้น สำหรับใครที่กำลังมองหาแอร์ใหม่ โดยเฉพาะที่มีโหมด Smart Saving หรือโหมด Eco มาช่วยประหยัดค่าไฟเพิ่มขึ้น ห้ามพลาดสำหรับโปรโมชั่นเครื่องใช้ไฟฟ้า Samsung กับบัตรเครดิต KTC สนใจสมัครบัตร คลิกเลย
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC