เมื่อโลกออนไลน์เริ่มก้าวเข้ามามีบทบาทในการใช้จ่ายของผู้คนมากยิ่งขึ้น ถึงเวลาแล้วที่เหล่าพ่อค้าแม่ขายจะต้องปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ยิ่งในยุคโควิด-19 ที่พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนเป็นหันมาซื้อสินค้าต่าง ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์มากยิ่งขึ้น ก็ยิ่งทำธุรกิจบนโลกออนไลน์ เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะช่วยให้นักสู้หลาย ๆ คน ได้ผ่านพ้นช่วงวิกฤติเช่นนี้ไปได้ครับ!
วันนี้พี่เบิ้มเลยขออาสามาชี้ 5 ช่องทางขายของออนไลน์ ว่าอะไรทำแล้วมีสิทธิ์รุ่งเพราะขายดิบขายดี ไปจนถึงรายละเอียดเกี่ยวกับเงินลงทุนที่ควรเตรียมไว้ให้พร้อม ธุรกิจจะได้ไม่สะดุด แถมได้กำไรรัว ๆ แต่จะมีช่องทางไหนที่เวิร์คบ้างนั้น ตามพี่เบิ้มมารู้พร้อมกันได้เลยครับ
สร้างเว็บไซต์สำหรับธุรกิจให้พร้อม
ช่องทางขายของออนไลน์อันดับแรกที่พี่เบิ้มอยากจะแนะนำก็คือ การเริ่มต้นจากการสร้างเว็บไซต์ของธุรกิจ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มาจาก Google Search ซึ่งถือว่าเป็นลูกค้าที่มีคุณภาพและมีความต้องการซื้อสินค้าของคุณในระดับที่ค่อนข้างสูง เพราะลูกค้าที่เสิร์ชหาสินค้าหรือบริการผ่าน Google Search นั้นมักจะมีความตั้งใจที่จะซื้อหรือสั่งจองอยู่แล้ว หากธุรกิจของคุณมีเว็บไซต์หลักเอาไว้รองรับการค้นหาของลูกค้ากลุ่มนี้ ก็จะช่วยทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้จักสินค้าของคุณได้ง่ายและสร้างยอดขายได้มากขึ้นนั่นเองล่ะครับ
นอกจากนี้เว็บไซต์ยังเปรียบเสมือนหน้าร้านที่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจของคุณอีกด้วย เพราะเว็บไซต์ก็เหมือนหน้าร้าน เพียงแต่ว่าเป็นหน้าร้านบนโลกออนไลน์เท่านั้น ผู้บริโภคจำนวนมากมักจะให้ความไว้วางใจสั่งซื้อสินค้าจากร้านหรือแบรนด์ที่มีเว็บไซต์มากกว่าแบรนด์ที่ไม่มีเว็บไซต์ นอกจากนี้การออกแบบเว็บไซต์ให้มีความสวยงามและใช้งานง่าย ก็เป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญในการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้บริโภคอีกด้วย ซึ่งคุณสามารถศึกษาการทำเว็บไซต์ได้เองฟรี ๆ ด้วยการใช้เครื่องมือระดับโลกอย่าง Wordpress หรือเลือกจ้างทีมงานให้สร้างเว็บไซต์และเขียนบทความต่าง ๆ ให้ ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 30,000 - 50,000 บาท ขึ้นอยู่กับความยากง่ายและระบบที่ต้องการเพิ่มลงในเว็บไซต์ครับ แต่สำหรับใครที่ยังไม่พร้อมที่จะลงทุนกับการทำเว็บไซต์ พี่เบิ้มแนะนำว่าให้ลองเริ่มต้นขายสินค้าในโซเชียลมีเดียที่เราคุ้นเคยกันนี่ล่ะครับ ไม่ว่าจะเป็นทาง Facebook, Instagram หรือ Twitter เพราะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ (หากไม่ได้ยิงโฆษณา) แถมเผลอ ๆ อาจสร้างรายได้และเพิ่มฐานลูกค้าได้มากขึ้นกว่าการทำเว็บไซต์ก็ได้ครับ!
ต้องรู้จักกับการทำการตลาดออนไลน์
Social Media Platforms ถือเป็นหนึ่งในช่องทางขายของออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะนอกจากจะใช้เป็นเครื่องมือในการโปรโมตสินค้าและบริการต่าง ๆ ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้รวดเร็วและตรงกลุ่มแล้ว ยังสามารถเป็นเหมือนกับช่องทางที่ทำให้แบรนด์ได้พูดคุยสื่อสารกับลูกค้าโดยตรงอย่างสะดวก ซึ่งโซเชียลมีเดียที่พี่เบิ้มจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกันนั้นใช้งานง่ายและได้รับความนิยมสูงสุด ๆ
- Facebook Page: สำหรับแบรนด์ที่เพิ่งเปิดช่องทางออนไลน์ Facebook Page เป็นหนึ่งในช่องทางที่ง่ายและสะดวก สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป็นวงกว้าง เนื่องจากมีผู้ใช้งาน Facebook เป็นจำนวนมากและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ การตลาดที่คุณควรทำบน Facebook Page ก็คือการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์ และการอัปเดตโปรโมชัน จนไปถึงการสื่อสารกับผู้บริโภคอย่างตรงไปตรงมา อีกทั้งคุณยังสามารถกำหนดงบประมาณที่ต้องการใช้ไปกับการลงโฆษณาได้อีกด้วย ช่วยให้คุณเข้าถึงลูกค้าใหม่ ๆ และลูกค้าที่มีคุณภาพได้อย่างแม่นยำในงบประมาณที่คุณต้องการ
- Instagram: นับเป็นช่องทางขายของออนไลน์ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับถัดมา โดยคุณสามารถนำเสนอสินค้าทั้งในรูปแบบของภาพและวิดีโอ ซึ่งจุดเด่นของ Instagram ก็คือมีระบบแฮชแท็กและมี Reels ที่ทำให้คุณสามารถเผยแพร่ข้อมูลสินค้าได้อย่างน่าสนใจมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถเลือกซื้อโฆษณาผ่าน Instagram Business Tool ได้ด้วยนะครับ ซึ่งแน่นอนว่าคุณสามารถกำหนดงบประมาณที่ต้องการได้อย่างอิสระ
- LINE OA: ถือเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมการขายสำหรับพ่อค้าแม่ขายได้ดีมาก ๆ เพราะคุณสามารถโต้ตอบข้อความกับลูกค้าได้โดยตรง แบรนด์สามารถเผยแพร่ข้อความ สื่อหรือโปรโมชันต่าง ๆ ไปยังผู้ติดตามทุกคนได้ในเวลาเดียวกัน เหมาะกับการทำการตลาดเพื่อกระตุ้นการขาย และรักษาฐานลูกค้าเดิม ซึ่งแพ็กเกจการใช้งาน LINE OA นี้จะต้องติดต่อซื้อกับทางเอเจนซี่โดยตรง เริ่มต้นที่ 1,284 บาท* (ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงนะครับ)
นอกจากนี้คุณยังสามารถวางขายสินค้าบน E-Marketplace อย่าง Shopee หรือ Lazada ที่มาพร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่สามารถส่งเสริมการขายออนไลน์ได้ ไม่ว่าจะเป็น โค้ดส่วนลด คูปองแทนเงินสด หรือการติดดาวรีวิวจากผู้ซื้อ ที่ช่วยเพิ่มยอดขายและสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ผู้ซื้อมากยิ่งขึ้น
ลงทุนกับภาพถ่ายสินค้า ดึงดูดลูกค้าได้มากกว่าที่เคย
อีกหนึ่งในสิ่งสำคัญที่จะทำให้สินค้าของคุณดูน่าสนใจและแตกต่างจากคู่แข่งจำนวนมากบนโลกออนไลน์ก็คือ ภาพถ่ายสินค้านั่นเองล่ะครับ ดังนั้นการลงทุนกับการถ่ายภาพสินค้าให้มีความสวยงาม สื่อถึงอารมณ์หรือฟังก์ชันของสินค้าได้อย่างชัดเจน เพื่อสร้างความน่าสนใจให้กับลูกค้าตั้งแต่แรกเห็น และจะส่งผลให้เกิดการตัดสินใจซื้อตามมา โดยเฉพาะการทำการตลาดและการขายสินค้าบน Instagram ภาพถ่ายถือว่าสำคัญมาก ๆ เลยทีเดียว นอกจากนี้การเลือกใช้สีที่นำเสนอถึงความเป็นแบรนด์ได้ดี ก็มีส่วนช่วยในการสร้างภาพจำเกี่ยวกับแบรนด์ได้อีกด้วย ซึ่งการถ่ายภาพอย่างมืออาชีพนี้ราคาจะเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 3,000 - 5,000 บาทขึ้นไป
สำหรับใครที่ต้องการฝึกฝนการถ่ายภาพสินค้า สามารถศึกษาได้ด้วยตัวเองจากคลิปบน Youtube หรือช่องทางต่าง ๆ ที่คุณสนใจ จากนั้นเริ่มต้นฝึกฝนด้วยการใช้กล้องจากโทรศัพท์มือถือ พี่เบิ้มแนะนำว่าให้หาพร็อพประกอบการถ่ายภาพเสียหน่อย ก็จะทำให้สินค้าดูโดดเด่น มีมูลค่ามากยิ่งขึ้น หรือถ้าใครต้องการเน้นถึงรายละเอียดของตัวสินค้า อาจลงทุนซื้อกล้องเพื่อให้ได้ภาพที่คมชัดสวยงาม ก็จะสามารถช่วยดึงดูดกลุ่มกลุ่มเป้าหมายให้เกิดความสนใจในสินค้าได้มากยิ่งขึ้นครับ
สถานที่เก็บสินค้าต้องปลอดภัย เข้าถึงง่าย
การขายของออนไลน์บางรูปแบบจำเป็นต้องสต๊อกสินค้า เพื่อความสะดวกสบายในการจัดการและการจัดส่งสินค้า ซึ่งพี่เบิ้มแนะนำว่าคุณอาจจะเลือกใช้บริการจัดเก็บสินค้าแบบ Fulfillment ซึ่งรวมทุกบริการเอาไว้ในที่เดียว ทั้งเก็บสินค้า แพ็กสินค้าและจัดส่งสินค้า โดยที่คุณไม่จำเป็นจะต้องลงมือทำเองทั้งหมด เรียกว่าเป็นเหมือนตัวเชื่อมต่อระหว่างธุรกิจคุณและบริษัทขนส่ง รวมถึงมาร์เก็ตเพลสต่าง ๆ อย่างครบวงจร ตอบโจทย์อย่างมากสำหรับธุรกิจขนาดกลาง ไปจนถึงธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีช่องทางขายของออนไลน์หลายรูปแบบทั้ง Shopee, Lazada, Website, Social Commerce และช่องทางอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งบริการ Fulfillment นี้มีราคาที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละผู้ให้บริการครับ
ลงทุนกับระบบการชำระเงินที่ปลอดภัยและสะดวก
สิ่งสุดท้ายที่พ่อค้าแม่ขายไม่ควรมองข้ามเมื่อหันมาทำตลาดออนไลน์ก็คือ การจัดเตรียมช่องทางการชำระเงินที่มีความหลากหลาย ปลอดภัยและสะดวกต่อลูกค้ามากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการโอนจ่ายค่าสินค้าผ่าน Mobile Banking การจ่ายค่าสินค้าผ่านบัตรเครดิต/เดบิต การจ่ายผ่านบัญชีออนไลน์ อาทิ Rabbit LINE pay, Paypal, TRUE Wallet หรือ mPay ตลอดไปจนถึงการเก็บเงินปลายทาง เพื่อให้ช่องทางขายของออนไลน์เป็นเรื่องง่ายสำหรับผู้บริโภคมากที่สุด
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเทคนิคง่าย ๆ ที่เหล่าพ่อค้าแม่ขายต้องรู้ในการทำธุรกิจผ่านช่องทางขายของออนไลน์ เพื่อสร้างกำไรงาม ๆ ในช่วงสถานการณ์โควิด หากคุณกำลังเริ่มต้นลงทุนกับการสร้างแบรนด์บนโลกออนไลน์และต้องการเงินทุนเพิ่ม พี่เบิ้มก็มีบริการดี ๆ อย่างสินเชื่อทะเบียนรถ KTC พี่เบิ้ม ที่ให้เงินก้อนใหญ่ ไม่ต้องเตรียมเอกสารมากมายก็สามารถสมัครได้ทุกอาชีพ ไม่ต้องมีสลิปเงินเดือน หรือทะเบียนการค้าใดมายื่น แถมยังอนุมัติไว รู้ผลภายใน 2 ชั่วโมงแล้วรับเงินโอนเข้าบัญชีทันที ลงทะเบียนเพื่อให้พี่เบิ้มติดต่อกลับได้ที่นี่ หรือจะนัดพี่เบิ้มไปหาที่บ้านก็ได้เช่นกัน พี่เบิ้มยินดีให้บริการ พร้อมช่วยเจ้าของธุรกิจทุกคนตลอดเวลาครับ!