โปรโมชั่น 
บริการท่องเที่ยว
ช้อปสินค้าออนไลน์
เข้าสู่ระบบ
รู้ก่อนสมัคร ดอกเบี้ยแบบคงที่กับลดต้นลดดอกต่างกันยังไง
สำหรับคนมีทรัพย์สินมูลค่าสูงแบบปลอดภาระอยู่ในครอบครอง ไม่ว่าจะเป็นบ้าน คอนโด รถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์ และมีความจำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่หรือต้องใช้เงินด่วนฉุกเฉิน ผลิตภัณฑ์สินเชื่อทางการเงินต่าง ๆ จึงกลายเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ความต้องการคนที่กำลังมองหาแหล่งสินเชื่อเงินด่วนไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน โดยปัจจุบันมีตัวเลือกผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่หลากหลาย แต่ก่อนตัดสินว่าสมัครสินเชื่อประเภทไหนดี ? มีอีกสิ่งที่ต้องนำมาพิจารณาควบคู่กันไป นั่นคือ อัตราดอกเบี้ย เนื่องจากสินเชื่อแต่ละประเภทมีรูปแบบการคำนวณอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกันออกไป สำหรับอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ดอกเบี้ยแบบคงที่และดอกเบี้ยลดต้นลดดอก แต่รู้ไหมว่าดอกเบี้ยทั้งสองประเภทมีความแตกต่างกันยังไง ควรเลือกสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยแบบไหนดี ถึงช่วยให้ผู้กู้ยืมเงินจ่ายดอกเบี้ยได้ถูกลง และเพื่อให้ทุกคนตัดสินใจได้ง่ายขึ้น บทความนี้พี่เบิ้มมีเกร็ดความรู้ที่น่าสนใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อมาฝากกันครับ
อัตราดอกเบี้ยแบบดอกเบี้ยคงที่ คืออะไร?
อัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ (Fixed Rate) คือ อัตราดอกเบี้ยที่กำหนดไว้ตายตัว โดยไม่มีการปรับขึ้นลง ดอกเบี้ยถูกคิดในอัตราคงที่ตลอดอายุสัญญาการกู้สินเชื่อหรือช่วงเวลาที่กำหนด วิธีการคำนวณจากจำนวนเงินต้นของสินเชื่อจะถูกนำมาหารกับจำนวนงวดที่ต้องจ่ายกับอัตราการคิดดอกเบี้ยที่เท่ากัน ทำให้อัตราดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายจะเท่ากันในทุก ๆ งวด จนกว่าผู้ขอสินเชื่อจะจ่ายครบตามสัญญาที่กำหนด หากอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ คือ อัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ จะมีการคิดอัตราดอกเบี้ยแค่ครั้งเดียวนับตั้งแต่วันทำสัญญากู้ เพื่อคำนวณยอดอัตราดอกเบี้ยและค่างวดในแต่ละเดือนไปจนถึงวันสิ้นสุดสัญญา ถึงแม้มีการจ่ายในส่วนของเงินต้นไปบ้างแล้วแต่อัตราดอกเบี้ยยังเท่าเดิม ส่วนใหญ่แล้วดอกเบี้ยประเภทนี้นิยมใช้กับสินเชื่อรถใหม่
คำนวณอัตราดอกเบี้ย
ข้อดีของอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่
ดอกเบี้ยแบบคงที่จะมีการคำนวณดอกเบี้ยในอัตราเท่าเดิมตลอดทั้งสัญญา เหมาะกับคนที่ต้องการผ่อนชำระไปเรื่อย ๆ และไม่มีแผนที่จะโปะยอดเงินต้นหรือปิดยอดหนี้ก่อนถึงช่วงเวลาที่กำหนด ซึ่งข้อดีคือมีการจ่ายอัตราดอกเบี้ยยอดเดียวเท่ากันทุกงาด ทำให้สามารถผ่อนชำระได้เรื่อย ๆ สามารถวางแผนการเงินได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการผ่อนชำระ ทั้งอัตราดอกเบี้ยยังต่ำกว่าแบบลดต้นลดดอกอีกด้วย
วิธีคิดคำนวณอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่
ในการคิดอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ สามารถคำนวณเบื้องต้นด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ เพราะมีอัตราดอกเบี้ยแต่ละงวดที่กำหนดตายตัว โดยวิธีคิดอัตราดอกเบี้ยด้วยวิธีดังนี้
เงินต้น x อัตราดอกเบี้ย x จำนวนปี = ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายทั้งหมด
ตัวอย่างการคำนวณดอกเบี้ยแบบคงที่
เงินต้น 200,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 7% โดยผ่อนเป็นระยะเวลา 3 ปี จำนวนดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายทั้งหมด = 200,000 x 7% x 3 ดังนั้นดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายคือ 42,000 บาท
อัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก คืออะไร
อัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate) คือ ดอกเบี้ยที่คำนวณจากเงินต้นที่คงเหลือในแต่ละงวด โดยดอกเบี้ยจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามจำนวนเงินต้นที่ผู้ขอสินเชื่อได้ทำการผ่อนชำระ หมายความว่าดอกเบี้ยจะลดลงเรื่อย ๆ ตามจำนวนเงินต้นที่ลดลง เช่น ได้รับอนุมัติวงเงินสินเชื่อ จำนวน 300,000 บาท งวดแรกผ่อนชําระเงินต้นไปแล้ว 10,000 บาท สำหรับอัตราดอกเบี้ยที่คิดในงวดถัดไป จะถูกคำนวณจากยอดเงินต้น 290,000 บาท ส่วนใหญ่ดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกจะถูกนำมาใช้กับสินเชื่อบ้าน สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อรถแลกเงิน เป็นต้น
ข้อดีของอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก
อัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก เหมาะกับคนที่มีการวางแผนที่จะปิดยอดหนี้ก่อนกำหนดหรือโปะยอดหนี้ให้ลดลง เพื่อให้การชำระหนี้เป็นไปตามแผนหรือหมดเร็วกว่าเดิม ข้อดีหลัก ๆ คือเมื่อยอดเงินต้นลดลงดอกเบี้ยก็จะลดลงตามไปด้วย แน่นอนว่าข้อดีของการผ่อนแบบดอกเบี้ยลดต้นลดดอกคือ เมื่อผ่อนไปในแต่ละงวด ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็จะถูกลงเรื่อย ๆ ถ้าเดือนไหนสามารถโปะยอดหนี้ได้ก็จะทำให้ยอดเงินต้นคงเหลือและดอกเบี้ยลดลงในงวดถัดไป
วิธีคิดคำนวณอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก
การคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก จะเป็นการคิดยอดชำระในแต่ละงวดโดยอิงจากยอดเงินต้นคงเหลือ โดยใช้สูตรดังนี้
(เงินต้นคงเหลือ x อัตราดอกเบี้ยต่อปี x จำนวนวันในงวด) / จำนวนวันต่อปี = ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในงวดนั้น
ตัวอย่างการคำนวณดอกเบี้ยลดต้นลดดอก
เงินต้นคงเหลือ 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 10% ต่อปี ซึ่งเดือนนั้นมี 30 วัน และปีนั้นมี 365 วัน จะสามารถคำนวณดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในงวดนั้นได้ดังนี้ (50,000 x 10% x 30) / 365 = 410.95 บาท สำหรับงวดถัดไปให้คำนวณโดยเริ่มต้นจากเยอดเงินต้นคงเหลือ ณ ขณะนั้น ดังนั้นยิ่งจ่ายเงินต้นมากเท่าไร จำนวนเงินที่ต้องจ่ายในส่วนของดอกเบี้ยก็ยิ่งลดลงตามไปด้วย
สินเชื่อรถแลกเงินกับการคำนวณดอกเบี้ย
เลือกดอกเบี้ยคงที่หรือลดต้นลดดอก แบบไหนคุ้มค่ากว่ากัน
เมื่อทำความรู้จักกับอัตราดอกเบี้ยทั้ง 2 ประเภทแล้ว แต่เชื่อว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่ยังลังเลว่า ควรเลือกดอกเบี้ยแบบไหนดีถึงจะคุ้มค่ามากกว่า? เพราะหลายคนมองว่าดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกนั้นดีกว่าเห็น ๆ แต่ความจริงแล้วอัตราดอกเบี้ยลดต้นลดดอกกับดอกเบี้ยคงที่นั้นแทบไม่แตกต่างกัน ดังนั้นก่อนตัดสินใจควรลองคำนวณอัตราดอกเบี้ยทั้ง 2 รูปแบบอีกครั้ง ว่าอัตราดอกเบี้ยที่ต้องผ่อนชำระตลอดอายุสัญญาเท่ากันจริงหรือไม่
กรณีที่อัตราดอกเบี้ยเท่ากัน
หากอัตราดอกเบี้ยทั้งแบบคงที่และแบบลดต้นลดดอกนั้นเท่ากัน คือ อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 7% ต่อปี ใช้ระยะเวลาผ่อนชำระ 2 ปีเท่ากัน จะถือว่าอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกนั้นถูกกว่า เนื่องจากดอกเบี้ยที่คำนวณจากเงินต้นคงเหลือแต่ละงวดจะลดลงเรื่อย ๆ ต่างจากดอกเบี้ยแบบคงที่ ที่ต้องจ่ายในส่วนของอัตราดอกเบี้ยเท่าเดิมไปจนถึงระยะเวลาสิ้นสุดสัญญา และหากต้องการปิดยอดหนี้ก็สามารถโปะยอดหนี้ได้ในส่วนของสินเชื่อแบบลดต้นลดดอก
กรณีอัตราดอกเบี้ยไม่เท่ากัน
ส่วนกรณีที่อัตราดอกเบี้ยแบบคงที่กับแบบลดต้นลดดอกไม่เท่ากัน สามารถนำอัตราดอกเบี้ยคงที่ไปคูณ 1.8 เพื่อแปลงอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ไปเป็นแบบลดต้นลดดอก เช่น อัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกอยู่ที่ 10% และอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่อยู่ที่ 5% ระยะเวลาผ่อนชำระเท่ากัน เมื่อนำไปแปลงค่าแล้ว 5% x 1.8 = 9% หมายความว่าอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่นั้นถูกกว่านั่นเอง (เป็นการคำนวณจากการประมาณเท่านั้น ไม่ใช่อัตราที่แท้จริง)
ต้องการเงินด่วน อยากขอสินเชื่อรถแลกเงิน เลือกดอกเบี้ยแบบไหนดี
สินเชื่อรถแลกเงินกลายมาเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบันจากคนมีรถปลอดภาระ ที่นำมาขอสินเชื่อในยามที่ต้องการเงินก้อน เงินด่วนฉุกเฉิน หรือเงินสำรองในการใช้จ่ายที่จำเป็น โดยใช้รถปลอดภาระมาเป็นประกันในการยื่นขอสินเชื่อจากธนาคาร สถาบันการเงิน หรือบริษัทไฟแนนซ์ ทั้งนี้ยังสามารถใช้งานรถยนต์ได้ตามปกติ โดยสินเชื่อรถแลกเงินมีทั้งแบบอัตราดอกเบี้ยคงที่และอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก แต่จะเลือกแบบไหนดี ลองมาดูเรื่องที่ควรพิจารณากัน
สินเชื่อรถแลกเงินอัตราดอกเบี้ย
1. ค่างวดประกอบด้วยอะไรบ้าง
สำหรับสินเชื่อรถแลกเงินจะถูกแบ่งออกเป็นสินเชื่อรถแลกเงินไม่ต้องโอนเล่มและสินเชื่อรถแลกเงินแบบโอนเล่ม หากเป็นการคิดด้วยอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่หรืออัตราดอกเบี้ยรายปีนอกจากเงินต้นและดอกเบี้ยแล้ว ยังมีในส่วนของภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT) 7% ด้วย แต่หากเป็นในส่วนของดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกคิดดอกเบี้ยต่อเดือนจะไม่มีในส่วนของภาษีมูลค่าเพิ่ม
2. ดอกเบี้ยคงที่กับลดต้นลดดอกแบบไหนแพงกว่ากัน
หากต้องการเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยทั้ง 2 ประเภทว่าแบบไหนแพงกว่ากัน สำหรับประเด็นนี้ไม่สามารถดูได้แค่ตัวเลขของอัตราดอกเบี้ยที่ปรากฎ เนื่องจากดอกเบี้ยแต่ละแบบจะมีวิธีการคำนวณที่แตกต่างกัน ดังนั้นควรทำการคำนวณสูตร บวกกับระยะเวลาในการผ่อนชำระ เพื่อคำนวณหาอัตราดอกเบี้ยที่ถูกที่สุดหรือเหมาะสมตามความความต้องการ
3. เลือกให้เหมาะกับรูปแบบการผ่อน
หนึ่งในสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม คือ การเลือกรูปแบบอัตราดอกเบี้ยให้เหมาะสมกับการเลือกผ่อนชำระ เพราะหากวัตถุประสงค์ของคุณคือการผ่อนชำระไปเรื่อย ๆ แบบไม่รีบร้อนในอัตราค่างวดที่เท่ากันในทุก ๆ เดือนจนกว่าจะหมดยอดหนี้อัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ ถือเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ได้มากกว่า แต่ถ้าคุณมีเงินก้อนที่สามารถนำมาโปะยอดหนี้ได้และต้องการให้ยอดหนี้หมดเร็ว ๆ สามารถเลือกอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกได้
สินเชื่อรถแลกเงินที่ไหนดี?
สำหรับคนที่กำลังมองหาช่องทางเสริมสภาพคล่องทางการเงิน เงินด่วนฉุกเฉิน และมีรถปลอดภาระพี่เบิ้มแนะนำ KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน ที่รับทั้งรถเก๋ง กระบะ รถตู้ รถ SUV รวมถึงรถจักรยานยนต์ สามารถยื่นสมัครพร้อมผลอนุมัติไวภายใน 1 ชั่วโมง ได้วงเงินสูงถึง 1 ล้านบาท แถมยังมีรถไว้ขับขี่เหมือนเดิม ตอบโจทย์คนต้องการวงเงินฉุกเฉิน เงินก้อนใหญ่ เพื่อนำไปใช้จ่ายสิ่งต่าง ๆ ที่จำเป็น เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าซ่อมบ้าน เลือกสมัครได้ง่าย ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์เพียงกรอกข้อมูลให้ครบถ้วนจากนั้นรอเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ พี่เบิ้มจะทำการนัดวันเวลาในการเข้าไปตรวจเช็คสภาพรถยนต์ ผ่านบริการพี่เบิ้ม Delivery ให้ถึงหน้าบ้าน เมื่อผ่านการอนุมัติจะได้รับเงินโอนเข้าบัญชีทันที พร้อมรับบัตรกดเงินสด KTC พี่เบิ้ม ที่เหมือนมีวงเงินสำรองติดตัวเพราะค่างวดจะคืนเข้าบัตรหลังชำระเงิน และนำบัตรไปใช้ต่อเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินต่าง ๆ สามารถกดเงินจากตู้ ATM ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งรูดซื้อของ กดเงินสด โอนเงินก้อน แบบไม่มีค่าธรรมเนียม
มาถึงตรงนี้คงพอได้คำตอบแล้วว่าในการเลือกขอสินเชื่อรถแลกเงิน ควรเลือกดอกเบี้ยแบบไหนดี ที่ตอบโจทย์ความสามารถในการชำระเงินเพื่อให้ผู้กู้ยืมเงินไม่ต้องแบกภาระหนักเกินไป ดังนั้นผู้กู้จึงควรพิจารณาความพร้อมทางด้านการเงินของตัวเองให้ดี ก่อนตัดสินใจยื่นขอสินเชื่อเพื่อไม่ให้กระทบต่อรายจ่ายและสภาพคล่องในแต่ละเดือน ทั้งนี้ก่อนทำการยื่นขอสินเชื่อต้องไม่ลืมตรวจเช็ครายละเอียดและเงื่อนไขการสมัครทุกครั้งเพื่อประโยชน์ของตัวคุณเอง ให้ทุกการขอสินเชื่อในยามขาดสภาพคล่องกลายเป็นเรื่องที่ไม่น่ากังวลอีกต่อไป
สมัคร KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน ทุกสถานการ์ด้านการเงินพี่เบิ้มช่วยได้…ที่นี่
