เพิ่มความอุ่นใจ ขับขี่ปลอดภัยช่วงหน้าฝน
การขับรถบนท้องถนนช่วงหน้าฝนเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย เนื่องจากคราบสิ่งสกปรกต่าง ๆ บนพื้นถนนเมื่อสัมผัสน้ำฝนทำให้ถนนลื่นมากกว่าปกติ ทำให้รถสูญเสียความสามารถในการยึดเกาะและเกิดการเหินน้ำได้ ยิ่งต้องขับรถลุยน้ำท่วมหรือฝ่าฝนตกหนักยิ่งต้องมีสติและระวังมากเป็นพิเศษ อีกทั้งการขับรถช่วงหน้าฝนทำให้รถยนต์ทำงานหนัก อาจส่งผลให้ระบบต่าง ๆ ขัดข้องหรือเสียหายได้ง่าย ดังนั้นการเตรียมความพร้อมก่อน-หลังเมื่อต้องขับรถช่วงหน้าฝนเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก KTC ขอแนะนำสิ่งที่ต้องรู้เตรียมพร้อมรับมือหน้าฝนอย่างมั่นใจ พร้อมทริกขับรถตอนฝนตกอย่างไรให้ปลอดภัย
ต้องรู้! 7 จุดสำคัญดูแลรถยนต์ช่วงหน้าฝน ขับขี่ปลอดภัย ใช้รถได้นาน
สิ่งที่ต้องดูแลรถยนต์ช่วงหน้าฝน
1. ระบบเบรก
การดูแลรถหน้าฝนไม่ได้มีแค่เรื่องทัศนวิสัยในการขับขี่เพียงอย่างเดียว “ระบบเบรก” เป็นสิ่งสำคัญมากเช่นกัน เนื่องจากการเบรกต้องเผื่อระยะห่างจากรถคันหน้าพอควร และการเหยียบเบรกจะต้องย้ำ ๆ หลายครั้งเพื่อรีดน้ำออกจากเบรก หลังจากลุยน้ำท่วมแล้วอาจมีน้ำเข้าระบบเบรกได้ ต้องนำรถเข้าเช็ก
2. เครื่องยนต์
การขับรถลุยน้ำท่วมช่วงหน้าฝนควรลดความเร็วหรือขับช้า ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเข้าเครื่องยนต์และท่ออไอเสีย กรณีที่น้ำท่วมสูงควรหลีกเลี่ยงการลุยน้ำ และควรหาที่จอดที่พ้นจากระดับน้ำท่วมและต้องระวังท่อหรือหลุมบ่อ
3. กระปุกน้ำฉีดกระจก
เศษฝุ่น คราบโคลน หรือน้ำมัน ที่เกาะติดอยู่บนกระจกบังลมหน้าและหลัง นอกจากจะทำให้คุณมองเห็นเส้นทางไม่ชัดเจนแล้ว ยังเสียงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอในการดูแลรถหน้าฝนคือการตรวจเช็กระดับน้ำในกระปุกน้ำฉีดกระจก โดยเช็กว่ามีน้ำเพียงพอต่อการใช้งานหรือไม่ มีเศษขยะเข้าไปอุดตันไหม เพื่อให้คุณสามารถใช้กดฉีดน้ำทำความสะอาดสิ่งสกปรกต่าง ๆ บนหน้ากระจกรถได้
4. การล้างรถ
ผู้ใช้รถหลายคนอาจเข้าใจผิดว่าหน้าฝนไม่ต้องล้างรถก็ได้ แต่ในความจริงแล้วยิ่งฝนตกยิ่งต้องล้างรถ เนื่องจากฝนจะรวมเอาเศษฝุ่นหรือโคลนเข้าไปอยู่ตามซอกมุมตัวถังต่าง ๆ แม้ว่าฝนจะหยุดตกแต่เศษฝุ่นและโคลนจะยังคงอยู่ไม่หลุดออกไปไหน ส่งผลให้เกิดความชื้นสะสมในมุมอับทำให้รถผุในระยะยาว นอกจากนี้สายฝนที่เทลงมายังรวมสารพิษต่าง ๆ ทำให้เกิดฝนกรดมากขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่อตกลงมาโดนสีรถยนต์แล้วไม่รีบทำความสะอาดคราบดินโคลนและสารพิษอาจทำให้สีรถของคุณเสียหายได้
5. ยางรถยนต์
เปลี่ยนยางรถยนต์ใหม่
ยางรถยนต์เป็นชิ้นส่วนขับเคลื่อนที่สัมผัสกับน้ำฝนโดยตรง ดังนั้นจึงควรตรวจสอบหลายอย่างเริ่มต้นจากความลึกของดอกยาง หากพบว่าดอกยางมีความลึกต่ำว่า 3 มม. ให้เปลี่ยนยางใหม่โดยเร็วที่สุด เนื่องจากดอกยางตื้นจะรีดน้ำออกไม่หมด ขณะรถวิ่งจะมีน้ำแทรกอยู่ระหว่างล้อกับพื้นถนน ส่งผลทำให้เกิดการเหินน้ำ ผู้ขับขี่อาจควบคุมรถได้ยาก อีกทั้งควรหมั่นเช็กลมยางรถยนต์อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ยิ่งช่วงหน้าฝนควรเติมลมยางรถยนต์มากกว่ามาตรฐานไว้ประมาณ 1-2 ปอนด์ เนื่องจากยางแข็งกว่าเดิมจะช่วยรีดน้ำได้ดีขึ้น และสุดท้ายควรทำการสลับยางเมื่อใช้งานครบ 10,000 กิโลเมตร เพื่อให้ล้อรถมีขนาดเท่ากันและยืดอายุการใช้งาน อย่าลืมปรับยางลมใหม่เพราะแรงดันลมยางล้อหน้ากับล้อหลังอาจไม่เหมือนกัน
6. ยางปัดน้ำฝน
ยางปัดน้ำฝนอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นสำหรับรถยนต์ทุกคัน ช่วยปัดสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่เกาะอยู่บนกระจกบังลมหน้าและหลัง เพื่อให้คุณมองเห็นเส้นทางได้ชัดเจน เมื่อเข้าหน้าฝนควรตรวจสอบสภาพยางปัดน้ำบนกระจกหน้ารถให้มีสภาพพร้อมใช้งาน ลองเปิดระบบฉีดล้างกระจกหากพบว่ายางปัดน้ำฝนกวาดน้ำไม่หมด หรือเหลือรอยน้ำบนกระจก แสดงว่ายางแข็งเสื่อมสภาพให้รีบเปลี่ยนใหม่ทันที เนื่องจากน้ำที่เกาะอยู่บริเวณหน้ารถในช่วงฝนตกจะบดบังทัศนวิสัยในการขับขี่ได้
7. ไฟส่องสว่าง
ขับรถตอนกลางคืนช่วงฝนตก
สายฝนที่เทลงมาอาจทำให้ผู้ขับขี่มองเห็นเส้นทางไม่ชัดเจน การเปิดไฟหน้ารถจะช่วยให้คุณมองเห็นเส้นทางได้ดีขึ้น กรณีฝนตกหนักทัศนวิสัยย่ำแย่จนมองไม่เห็นคุณสามารถเปิดไฟหรี ไฟต่ำ ไล่จนไปถึงไฟตัดหมอก ตามอัตราปริมาณฝนตก ไม่ใช่เพื่อส่องเส้นทางให้มองเห็นเท่านั้น แต่ยังส่องให้รถที่ผ่านไปมาได้เห็นว่ามีรถอยู่ตำแหน่งนี้ การดูแลระบบไฟส่องสว่างรถยนต์ทำได้ง่าย ๆ เพียงเปิดใช้งานไฟรถทั้งหมดแล้วลองเดินสำรวจรอบ ๆ รถดูว่ามีไฟตรงไหนไม่ติดหรือมีความผิดปกติ หากพบไฟเสียหายเพียงแค่ถอดเปลี่ยน หรือถ้าถอดไม่เป็นก็ให้ช่างในอู่หรือศูนย์บริการเปลี่ยนให้แทน
5 ทริกขับรถตอนฝนตกถนนลื่นอย่างไรให้ปลอดภัย
- ไฟหน้าและไฟท้ายรถช่วยให้คุณมองเห็นเส้นทางได้อย่างชัดเจน และช่วยให้รถที่ตามมาข้างหลังมองเห็นรถคุณเช่นกัน และยังช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนน การเปิดสัญญาณไฟหน้ารถควรใช้สัญญาณไฟแบบปกติ หากมีไฟตัดหมอกสามารถเปิดไฟตัดหมอกได้ ในขณะฝนตกไม่ควรใช้ไฟฉุกเฉินเพราะรถคันที่ขับตามหลังมาจะไม่รู้ว่ารถของคุณกำลังจอดหรือขับอยู่บนถนน อาจทำให้เกิดการชนท้ายได้ และไม่ควรเปิดไฟสูง เพราะจะทำให้รถที่ขับสวนทางมาโดนไฟส่องแยงตาทำให้มองถนนได้ไม่ชัด
- ขับรถช่วงหน้าฝนถนนลื่นและเต็มไปด้วยน้ำท่วมขัง ส่งผลให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถได้ยาก ดังนั้นควรรักษาระยะห่างจากรถคันหน้ามากกว่าระยะห่างปกติประมาณ 2 เท่า เพื่อให้มีระยะเบรกสามารถหยุดรถได้ทัน รวมถึงป้องกันหากเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นขณะที่กำลังขับรถฝ่าฝน และเพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน
- บนท้องถนนที่เต็มไปด้วยน้ำฝนและคราบสิ่งสกปรกต่าง ๆ ทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างยากลำบาก ถนนลื่นง่ายกว่าปกติ ดังนั้นผู้ใช้รถควรรักษาความเร็วในการขับขี่ประมาณ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เนื่องจากเป็นความเร็วที่สามารถควบคุมรถไม่ให้ลื่นไถล เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน
- ป้องกันการเกิดฝ้าที่กระจกรถ เพราะเป็นสาเหตุทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างยากลำบาก และมักจะเกิดขึ้นเมื่ออุณหภูมิรถเย็นจัด ดังนั้นการขับรถตอนฝนตกจะทำให้เกิดฝ้าที่กระจกรถได้ง่าย หากอากาศภายในรถเย็นกว่าอากาศภายนอกรถจะทำให้เกิดฝ้าที่กระจกด้านนอก แต่ถ้าหากภายนอกรถเย็นกว่าอากาศภายในรถจะทำให้เกิดฝ้าที่กระจกด้านใน กรณีเกิดฝ้ากระจกขึ้นมาให้กดเปิดระบบไล่ฝ้า โดยเฉพาะฝ้าที่เกิดบริเวณกระจกหลัง เพราะความร้อนที่ปล่อยออกมาตามเส้นลวดกระจกหลังของรถจะช่วยลดฝ้าที่เกิดขึ้นได้
- เปิดที่ปัดน้ำฝนในยามที่ฝนตก ช่วยให้มองเห็นเส้นทางบนถนนในขณะที่กำลังขับรถฝ่าฝน สามารถใช้ที่ปัดน้ำฝนแบบครั้งเดียวหรือปัดสองครั้งแล้วหยุดได้ แต่หากขับรถตอนฝนตกหนักอาจจะต้องใช้ที่ปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติอยู่ตลอดเวลา เพื่อทัศนียภาพที่ชัดเจนในการขับขี่
การขับขี่รถยนต์ช่วงหน้าฝนเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ผู้ใช้รถใช้ถนนควรระมัดระวังเป็นพิเศษ หลังจากรถลุยน้ำควรนำรถเข้าเช็ก และล้างรถและช่วงล่างเพื่อป้องกันสนิมและคราบน้ำและสิ่งสกปรก เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัย หากไม่มั่นใจว่ารถยนต์ของคุณอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานหรือต้องซ่อมบำรุงในส่วนใดบ้าง KTC ขอแนะนำศูนย์บำรุงรักษารถยนต์แบบครบวงจรให้บริการผู้ขับขี่รถยนต์ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อได้เลือกใช้บริการทั่วประเทศ พร้อมสิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิกบัตรฯ KTC นำรถเข้าศูนย์บริการรถยนต์ผ่อนชำระ 0% + รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 16% ที่ศูนย์บริการที่ร่วมรายการผ่อนชำระ พร้อมรับสิทธิประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย ที่สำคัญมีโปรโมชั่นตรวจสภาพรถให้เลือกตามความต้องการอีกด้วย
ขับรถลุยน้ำท่วมตรวจเช็กสภาพรถครบทุกรายการ ผ่อนชำระ 0%...ที่นี่