หลายๆคนสงสัย ยิ่งเฉพาะเมื่อได้รับบัตรเครดิตมาแล้ว หรือคนที่กำลังสนใจสมัครบัตรเครดิตสักใบ สิ่งที่ต้องรู้และจำเป็นคือ เมื่อได้รับบัตรเครดิตมาแล้วนำบัตรเครดิตไปใช้รูดซื้อสินค้า ถึงเวลาที่ใบแจ้งยอดค่าบัตรเครดิตมาถึง “การจ่ายบัตรเครดิตภายในเวลาที่กำหนด คือสิ่งที่ต้องทำ” และถ้าจะให้ดีที่สุดคือการจ่ายครบเต็มจำนวน แต่หลายๆครั้งก็อาจมีเรื่องฉุกเฉินทางการเงิน ที่ทำให้ไม่สามารถทำแบบนั้นได้ มาดูกันว่าเราสามารถจ่ายบัตรเครดิตแบบไหนได้บ้าง ผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร แบบไหนไม่เป็นหนี้ และจ่ายบัตรเครดิตแบบไหนก่อหนี้
รูดบัตรเครดิตแล้วต้องรู้วิธีการจ่ายบัตรเครดิต
1) กรณีจ่ายบัตรเครดิต : จ่ายตรง ครบเต็มจำนวน
เป็นวิธีที่แนะนำมากที่สุด เพื่อใช้ประโยชน์จากบัตรเครดิตมากที่สุด เพราะการชำระคืนเต็มจำนวน ทำให้เราไม่ต้องเสียดอกเบี้ยฯสักบาทเดียว จากระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยฯในรอบบัญชีถัดไป(ไม่รวมการเบิกถอนเงินสดนะ) อีกทั้งยังเป็นการสร้างเครดิตทางการเงินที่ดีอีกด้วย
ช่องทางการชำระที่นิยม..
• จ่ายบัตรเครดิตด้วย Internet Banking
ยุคความสะดวกสบาย ที่สามารถทำได้เองไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ด้วยคอมพิวเตอร์หรือมือถือในมือ ในเวลาที่สะดวก ไม่ต้องเสียวเวลาต่อคิวนานๆ เพียงแค่คลิกปลายนิ้วสายเทคโนโลยี
• จ่ายบัตรเครดิตที่ตู้ ATM
มองไปไหนก็เจอแต่ตู้ ATM เป็นอีกช่องทางที่สะดวกเหมือนกัน ซึ่งตู้ ATM ก็มักจะไปตั้งอยู่ตามสถานที่ที่มีผู้คนอาศัยอยู่
• จ่ายบัตรเครดิตผ่านเคาน์เตอร์รับชำระเงินต่าง ๆ
เป็นอีกช่องทางสำหรับคนชอบพบปะผู้คน มีข้อมูลสอบถาม และบริการเพิ่มเติมเรื่องอื่นได้อีกจากพนักงาน เคาน์เตอร์แต่ละสถาบันการเงินเป็นอีกวิธีที่คนนิยม
• ตัดผ่านบัญชีไปเลย
สำหรับคนที่ไม่อยากกังวลว่า เดือนนี้จ่ายค่าบัตรเครดิตหรือยังนะ? เลือกแบบหักบัญชีเงินฝากอัตโนมัติ (Direct debit) สะดวก และไม่เสียเวลา อย่างบัตรเครดิต KTC ติดต่อสมัครใช้บริการได้ที่ KTC Call Center (02-123-5000) หรือสามารถ ดาวน์โหลดแบบฟอร์ม ด้วยตนเอง
KTC TIP
ตรวจสอบค่าบริการช่องทางการจ่ายค่าบัตรเครดิต KTC ได้ที่นี่..ช่องทางการชำระเงินบัตรเครดิต KTC (แนะนำให้เลือกธนาคารกรุงไทย ไม่ว่าอยู่กรุงเทพฯหรือจังหวัดไหน ไม่เสียค่าบริการแน่นอน)
|
2) กรณีจ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำ จ่ายตรงแต่ไม่ครบ
เมื่อเรารูดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต แล้วจ่ายคืนไม่เต็มยอด หรือ จ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำ เราจะถูกคิดดอกเบี้ยฯทันที (สูงสุด 16%ต่อปี) ตั้งแต่วันแรกที่เราซื้อสินค้าหรือบริการ โดยการรูดจ่ายด้วยบัตรเครดิต หรือ ตั้งแต่วันที่สถาบันการเงินเจ้าของบัตร ได้จ่ายเงินค่าสินค้าหรือบริการแทนเรา โดยจะถูกคิดเป็นรายวัน จากยอดเงินที่ค้างชำระ และยอดค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นทั้งหมดในรอบบัญชีนั้นด้วย จนกว่าเราจะชำระหนี้ที่ค้างอยู่จนหมด ไม่ใช่วันที่ค้างชำระบัตรเครดิตอย่างที่เข้าใจผิดกัน ซึ่งแน่นอนว่าจะถูกยกเลิกระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยฯในรอบบัญชีถัดไป แนะนำว่าให้หยุดใช้บัตรเครดิต หากยังชำระไม่ครบยอดค้างชำระ เพราะยอดค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นใหม่จะถูกคิดดอกเบี้ยไปด้วย
KTC TIP
เนื่องจากสถานการณ์โควิด มีการปรับลดอัตราผ่อนชำระขั้นตํ่าของบัตรเครดิต KTC จาก 10% เป็น 5% ให้สมาชิกบัตรฯ ทุกท่านอัตโนมัติ โดยไม่ต้องแจ้งความประสงค์ ตั้งแต่ 26 มีนาคม 2563 ถึง 31 ธันวาคม 2564
|
3) กรณีจ่ายบัตรเครดิตเกินจำนวน(จ่ายบัตรเครดิตก่อนกำหนด)
ไม่มีดอกเบี้ยฯแน่นอน..กรณีนี้อาจเกินจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะดูจำนวนเงินผิดบ้าง หรือบางคนตั้งใจใส่เงินไว้เกินก็มี (ฝากเงินไว้ไม่มีดอกเบี้ยเงินฝากเหมือนออมทรัพย์ให้นะ) แต่หากไม่ได้ตั้งใจ แนะนำว่าให้ปล่อยยอดที่เกินนั้นค้างอยู่ในบัตรเครดิตเลย โดยยอดจะหักคืนจากการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในครั้งต่อไปเอง หรือหากจำเป็นต้องการเงินคืนจริงๆ ก็สามารถทำการติดต่อกับสถาบันการเงินได้ เพื่อโอนเงินส่วนที่เกิดเข้าบัญชีคุณ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย แต่อย่าเผลอกดเงินสดจากบัตรเครดิตจากตู้ ATM เชียว เพราะจะถือเป็นการกดเงินสดจากบัตรเครดิตปกติ ซึ่งจะมีดอกเบี้ยฯตามมาแน่นอน
4) กรณีจ่ายบัตรเครดิตช้าเกินกำหนด
ถ้าหากถึงวันกำหนดชำระแล้ว เราจ่ายช้าไม่ตรงตามเวลาที่กำหนดแล้ว แน่นอนว่าดอกเบี้ยฯบัตรเครดิตจะตามมาแน่นอน และไม่เป็นผลดีต่อประวัติชำระหนี้ของเรา และถ้าทิ้งไว้หลายวันก็จะเกิดดอกเบี้ยฯ สำหรับลูกค้า KTC แนะนำว่า ถ้าหากคิดว่าจ่ายบัตรเครดิตช้าไม่ทันกำหนด ขอให้ติดต่อกับมาที่ KTC ก่อน
5) กรณีจ่ายบัตรเครดิตไม่ไหว
ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย มีผลตามมามากกว่าที่คิด ไม่ควรเงียบ หรือหยุดจ่ายเด็ดขาด เพราะก่อให้เกิดผลเสียต่อมา! โดยปกติเมื่อรู้ตัวว่าจะเกิดเหตุการณ์จ่ายบัตรเครดิตไม่ไหว สิ่งแรกที่ควรทำ คือ โทรไปเจรจากับสถาบันการเงินก่อน ว่ามีทางช่วยเหลืออะไรได้บ้าง แต่แน่นอนว่าบัตรเครดิตของคุณ เมื่อไม่มีการชำระตามกำหนด จะถูกระงับการใช้งาน ซึ่งเวลาการดำเนินการจะเริ่มด้วยการออกจดหมาย ส่งSMS และเจ้าหน้าที่ติดต่อไปทวงถาม (ค่าทวงถามประมาณ 107 บาทต่อรอบบิล) แน่นอนว่า ดอกเบี้ยฯเกิดขึ้น ซึ่งถ้าหากเกินช่วงเวลา 90 วันขึ้นไป(ถือเป็นหนี้เสีย NPL) จะเสียประวัติการชำระหนี้ที่ดี การกู้เงินหรือขอสินเชื่อยามจำเป็นในอนาคตก็ยากอีก
การจ่ายบัตรเครดิตในปัจจุบัน สามารถจ่ายผ่านแอปพลิเคชั่นได้ทันทีสะดวกรวดเร็ว จึงไม่ต้องกังวลกับการจ่ายล่าช้า ยิ่งถ้าไม่อยากโดนดอกเบี้ยฯควรมีวินัยทางการเงินจ่ายเต็มจำนวน ในแต่ละรอบบิล ใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นคือสิ่งสำคัญ เพื่อจะได้ไม่เกิดหนี้สั่งสม จำไว้ว่าบัตรเครดิตมีประโยชน์ และเป็นตัวช่วยที่ดี ถ้ารู้จักใช้รู้จักจ่าย ฉลาดใช้ก็จะมีแต่สิทธิประโยชน์เต็มๆ กลับมาจริงๆ คราวนี้อยู่ที่คุณแล้วละว่าอยากให้บัตรเครดิตเป็นพระเอก หรือตัวร้าย
สมัครบัตรเครดิต…ที่นี่
เลือกบัตรเครดิต KTC ให้ประโยชน์กับคุณ
ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้า และรายปีให้กังวล