ทำไมสมัครบัตรเครดิตถึงไม่ผ่าน?
หลายคนอาจเคยเจอปัญหา "สมัครบัตรเครดิตไม่ผ่าน" ทั้งที่ดูเหมือนมีคุณสมบัติครบถ้วนแล้ว แต่จริงๆ แล้วเบื้องหลังการอนุมัติบัตรเครดิตนั้นมีปัจจัยหลากหลายที่ธนาคาร/สถาบันการเงินพิจารณา ทั้งด้านรายได้ ความมั่นคงทางการเงิน และประวัติเครดิต ซึ่งถ้าขาดความเข้าใจในรายละเอียดเหล่านี้ ก็อาจทำให้การสมัครไม่สำเร็จได้ บทความนี้จะพาคุณไปดู 8 เหตุผลหลักที่ทำให้สมัครบัตรเครดิตไม่ผ่าน และวิธีปรับปรุงให้คุณมีโอกาสได้รับการอนุมัติในครั้งถัดไป
8 เหตุผลที่ทำให้การสมัครบัตรเครดิตไม่ผ่าน
1. ประวัติเครดิตไม่ดี
หนึ่งในเกณฑ์การพิจารณา คือประวัติการชำระสินเชื่อ หากมีประวัติค้างชำระ, เคยผิดนัดชำระหรือมีประวัติการชำระเงินล่าช้า สถานบันการเงินจะจัดว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงเรื่องวินัยทางการเงิน หากคุณเคยมีประวัติค้างชำระหรือมีการชำระเงินที่ล่าช้าบ่อยครั้ง จะถูกจัดว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงด้วย
2. รายได้ไม่ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำ
ถือเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้การสมัครบัตรเครดิตไม่ผ่าน เพราะธนาคาร/สถาบันการเงินแต่ละแห่งจะกำหนดเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำไว้ชัดเจน ตามประเภทของบัตรเครดิตที่เลือกสมัคร หากรายได้ของผู้สมัครต่ำกว่าที่กำหนดทำให้สมัครบัตรเครดิตไม่ผ่าน
3. ยื่นเอกสารประกอบการสมัครไม่ครบ หรือข้อมูลไม่ถูกต้อง
เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ทำให้การสมัครบัตรเครดิตไม่ผ่าน เพราะธนาคาร/สถาบันการเงินต้องใช้เอกสารเหล่านี้ในการตรวจสอบตัวตน รายได้ และความน่าเชื่อถือของผู้สมัคร เช่น สำเนาบัตรประชาชน สลิปเงินเดือน หนังสือรับรองเงินเดือน หรือรายการเดินบัญชี (Statement) หากยื่นเอกสารไม่ครบ หรือกรอกข้อมูลผิด เช่น รายได้ไม่ตรงกับเอกสารจริง ที่อยู่ผิด เบอร์โทรติดต่อไม่ได้ หรือลายเซ็นในใบสมัครไม่ตรงกับเอกสารประกอบการสมัคร ธนาคาร/สถาบันการเงินจะไม่สามารถดำเนินการพิจารณาได้อย่างสมบูรณ์ และอาจปฏิเสธคำขอได้ทันที ดังนั้นก่อนส่งใบสมัคร ควรตรวจสอบความถูกต้องและความครบถ้วนของเอกสารทุกครั้ง
4. อายุงานน้อยเกินไป
โดยทั่วไปสถาบันการเงินจะกำหนดคุณสมบัติของผู้สมัครไว้ว่า มีอายุงานเท่าไรถึงจะสามารถสมัครได้ หากตรงตามคุณสมบัติ การสมัครบัตรเครดิตให้ผ่านฉลุยก็ไม่ใช่เรื่องยาก แนะนำว่าควรมีอายุงานขั้นต่ำ 4 เดือนขึ้นไป
5. สมัครบัตรเครดิตหลายใบในระยะเวลาใกล้กัน
เป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมที่ทำให้การขออนุมัติบัตรเครดิตใหม่มีโอกาสไม่ผ่านสูงขึ้น เพราะทุกครั้งที่มีการยื่นสมัครบัตรเครดิต ธนาคาร/สถาบันการเงินจะตรวจสอบข้อมูลเครดิตผ่านเครดิตบูโร และเห็นประวัติการสมัครก่อนหน้า หากพบว่ามีการสมัครหลายใบติดๆ กันภายในช่วงเวลาไม่กี่สัปดาห์หรือไม่กี่เดือน จะถูกตีความว่าผู้สมัครมีความต้องการใช้วงเงินสูงผิดปกติ หรือมีความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น ซึ่งธนาคารอาจเลือกปฏิเสธเพื่อป้องกันปัญหาหนี้เสียในอนาคต ดังนั้นควรวางแผนการสมัครให้ดี เลือกสมัครเฉพาะบัตรที่เหมาะกับตัวเองจริงๆ และเว้นระยะเวลาแต่ละการสมัครให้ห่างกันพอสมควร เพื่อเพิ่มโอกาสผ่านอนุมัติ
6. มีหนี้สินมากเกินไป
นอกจากจะพิจารณารายได้แล้ว สถาบันการเงินจะประเมินภาระหนี้สินทั้งหมดเทียบกับรายได้ของคุณด้วย หากคุณมีหนี้สินหลายประเภท เช่น สินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์ บัตรเครดิตหลายใบ และมีภาระผ่อนชำระรวมกันมากเกินไป โอกาสในการสมัครบัตรเครดิตไม่ผ่านก็จะสูงมากขึ้น
7. ไม่มีประวัติสินเชื่อ (เครดิตบูโรว่างเปล่า)
อาจเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่สมัครบัตรเครดิตไม่ผ่าน แม้ว่าคุณจะไม่เคยมีประวัติเครดิตเสียมาก่อนก็ตาม ส่วนใหญ่มักเกิดกับคนที่ไม่เคยมีประวัติสินเชื่อ ไม่เคยยื่นกู้ หรือทำเรื่องผ่อนมาก่อน คนที่เพิ่งเริ่มทำงาน หรือเด็กจบใหม่ เนื่องจากธนาคารหรือสถาบันการเงินอาจมีข้อมูลไม่พอที่จะนำมาประเมินความน่าเชื่อถือความเสี่ยงต่าง ๆ
8. รายได้ไม่สม่ำเสมอ
สำหรับผู้มีอาชีพอิสระ เช่น ฟรีแลนซ์ เจ้าของกิจการ ค้าขายออนไลน์ หรือพนักงานที่มีรายได้เป็นค่าคอมมิชชั่น รายได้ในแต่ละเดือนอาจขึ้นลงไม่แน่นอน ซึ่งธนาคาร/สถาบันการเงินมักจะพิจารณาความสม่ำเสมอและที่มาของรายได้ถือเป็นหนึ่งในเกณฑ์สำคัญ เพราะสะท้อนถึง "ความมั่นคงทางการเงิน" ของผู้สมัคร ธนาคาร/สถาบันการเงินผู้ออกบัตรอาจมองว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะไม่สามารถชำระยอดบัตรเครดิตได้อย่างสม่ำเสมอทำให้การสมัครบัตรเครดิตผ่านได้ยาก
วิธีการสมัครบัตรเครดิตให้ผ่าน
หลายคนอาจคิดว่าการสมัครบัตรเครดิตเป็นเรื่องง่าย แค่กรอกข้อมูลและแนบเอกสารก็พอ ถึงแม้จะมีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก แต่ธนาคาร/สถาบันการเงินก็มีเกณฑ์และกระบวนการพิจารณาที่ละเอียดมาก เพื่อประเมินความสามารถทางการเงินและความเสี่ยงของผู้สมัคร ดังนั้นหากอยากเพิ่มโอกาสให้สมัครบัตรเครดิตผ่านตั้งแต่ครั้งแรก ควรเตรียมตัวให้พร้อม ดังนี้
- เลือกบัตรเครดิตให้เหมาะสมกับรายได้
เลือกบัตรที่กำหนดเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำสอดคล้องกับรายได้ปัจจุบัน
- ตรวจสอบคุณสมบัต
ิว่าตรงตามกับที่ธนาคาร/สถาบันการเงินกำหนดหรือไม่
ก่อนยื่นสมัครบัตรเครดิต ผู้สมัครควรตรวจสอบคุณสมบัติของตัวเองให้สอดคล้องกับเงื่อนไขที่ธนาคาร/สถาบันการเงินกำหนดอย่างละเอียด เพราะบัตรเครดิตแต่ละใบจะมีข้อกำหนดที่แตกต่างกัน เช่น อายุงาน เอกสารประกอบสำหรับบางอาชีพ หากคุณสมบัติบางข้อไม่เข้าเกณฑ์ เช่น อายุงานไม่ถึง ก็มีโอกาสสูงที่คำขอจะไม่ผ่านการพิจารณา ดังนั้นควรอ่านรายละเอียดของบัตรเครดิตแต่ละใบให้ชัดเจน และเลือกสมัครเฉพาะบัตรที่คุณสมบัติของเราตรงตามข้อกำหนด เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับการอนุมัติ
- เตรียมเอกสารให้ครบและพร้อม
การเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนและถูกต้อง เป็นอีกขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้การสมัครบัตรเครดิตมีโอกาสผ่านง่ายขึ้น เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน, เอกสารแสดงรายได้ (อย่างใดอย่างหนึ่ง) หนังสือรับรองเงินเดือน หรือสลิปเงินเดือนล่าสุด (ฉบับจริง) หรือหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย 50 ทวิ, สำเนาบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน พร้อมหน้าสมุดบัญชีที่ระบุชื่อ-นามสกุล และเลขที่บัญชี เป็นต้น เหล่านี้เป็นเอกสารเบื้องต้นที่ธนาคาร/สถาบันการเงินใช้ประกอบการสมัคร
- หลีกเลี่ยงการสมัครบัตรเครดิตหลายใบในระยะเวลาใกล้กัน
เว้นระยะห่างระหว่างการสมัครบัตรแต่ละใบอย่างน้อย 3-6 เดือน เพื่อไม่ให้ธนาคารมองว่าคุณมีความเสี่ยงจากการก่อหนี้เกินตัว - สร้างประวัติการใช้สินเชื่อที่ดี
หากมีสินเชื่ออื่น เช่น ผ่อนสินค้า ผ่อนรถยนต์ หรือสินเชื่อบุคคล ควรรักษาประวัติการชำระเงินให้ตรงเวลา เพื่อเสริมความน่าเชื่อถือ - หากเคยยกเลิกบัตรเครดิตเก่า ให้เว้นระยะเวลาก่อนสมัครบัตรใหม่
การที่ผู้สมัครเคยยกเลิกบัตรเครดิตไปก่อนหน้านี้ อาจส่งผลต่อการสมัครบัตรเครดิตใหม่กับสถาบันการเงินแห่งเดิมได้ เนื่องจากสถาบันการเงินแต่ละแห่งมีนโยบาย และระยะเวลารอคอยที่แตกต่างกันไป ในการสมัครใหม่ บางแห่งอาจต้องรอถึง 2 ปีถึงจะสมัครใหม่ได้ ซึ่งเป็นมาตรการเพื่อป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์ จากโปรโมชั่นสำหรับลูกค้ารายใหม่ ดังนั้นหากผู้สมัครมีประวัติการยกเลิกบัตรเครดิตมาก่อน ควรศึกษารายละเอียดจากสถาบันการเงินนั้นๆ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการสมัครไม่ผ่านนั่นเอง
สมัครบัตรเครดิตไม่ผ่าน ต้องรอกี่เดือนถึงสมัครใหม่ได้
หากเคยสมัครบัตรเครดิตแล้วไม่ผ่าน ต้องรอระยะเวลาตามที่ธนาคาร/สถาบันการเงินแต่ละแห่งกำหนด โดยทั่วไปคือ รอ 6 เดือน จากนั้นจึงค่อยสมัครใหม่ พร้อมแนบเอกสารหลักฐานประกอบการพิจารณาให้ครบถ้วน
ข้อควรระวังในการสมัครบัตรเครดิต
แม้การสมัครบัตรเครดิตจะดูเป็นเรื่องง่าย แต่หากไม่ระมัดระวังในบางจุด ก็อาจทำให้ใบสมัครถูกปฏิเสธหรือมีปัญหาตามมาได้ เพื่อป้องกันความผิดพลาด และเพิ่มโอกาสให้การสมัครผ่านอย่างราบรื่น ควรใส่ใจข้อควรระวังเหล่านี้
- อย่ากรอกข้อมูลเท็จหรือเกินจริง
ไม่ควรแจ้งรายได้สูงเกินจริง หรือปกปิดข้อมูลสำคัญ เพราะธนาคารสามารถตรวจสอบได้ หากพบข้อมูลไม่ตรง อาจถูกปฏิเสธทันที
- ตรวจสอบเอกสารและข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนยื่น
เอกสารไม่ครบหรือข้อมูลไม่ถูกต้อง เป็นสาเหตุที่ทำให้ธนาคาร/สถาบันการเงินไม่สามารถพิจารณาใบสมัครได้
- รักษาประวัติเครดิตให้ดีอยู่เสมอ
แม้จะสมัครผ่านแล้ว หากมีประวัติชำระล่าช้า ก็จะส่งผลต่อโอกาสอนุมัติบัตรใหม่หรือสินเชื่ออื่น ๆ ในอนาคต
สมัครบัตรเครดิต KTC ใหม่ทางไหนได้บ้าง
1. สมัครบัตรเครดิต KTC ผ่านระบบออนไลน์ ด้วยตนเอง
เข้าไปที่เว็บไซต์ https://www.ktc.co.th/apply-online (ด้วยสมาร์ทโฟน) แล้วทำตามขั้นตอนดังนี้
- เลือก “สมัครผลิตภัณฑ์”
- เลือกแถบเมนู “สมัครบัตรเครดิต KTC หรือบัตรกดเงินสด KTC PROUD” แล้วระบุช่วงเงินเดือนในขั้นตอนถัดไป
- เลือกผลิตภัณฑ์ Credit Card แล้วเลือกบัตรที่ต้องการสมัคร
- ยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไข
- ให้ความยินยอมใน การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล โดยการกรอกเบอร์โทรศัพท์มือถือ และยืนยันด้วย OTP ที่ได้รับทาง SMS
- วางบัตรประชาชนตัวจริงให้ตรงกรอบ แล้วกดถ่ายภาพ
- ตรวจสอบข้อมูล กรอกรหัสหลังบัตรประชาชน และอีเมล
- ตั้งรหัส PIN 6 หลัก
- กรอกข้อมูลที่อยู่บนบัตรประชาชน และข้อมูลส่วนตัว (อาชีพ, ที่ทำงาน, รายได้ เป็นต้น)
- อัพโหลดเอกสารแสดงรายได้
- เลือกช่องทางยืนยันตัวตน ผู้ใช้งานแอป Krungthai Next สามารถเลือกช่องทางนี้ได้ หากต้องการเลือกแอปธนาคารอื่นให้เลือกยืนยันตัวตนผ่าน NDID โดยคุณต้องเคยสมัครบริการ NDID มาก่อน
- ทำการยืนยันตัวตน โดยเปิดแอปธนาคารที่เลือก แล้วไปที่ข้อความแจ้งเตือน และทำการยืนยันตัวตน เมื่อยืนยันตัวตนสำเร็จให้กลับมาที่ลิงก์เดิม
- ยืนยันข้อมูล
- ยอมรับข้อตกลงและเงื่อนไขการสมัคร พร้อมให้ความยินยอมในขั้นตอนถัดไป
- ยืนยันการสมัคร ด้วย รหัส PIN
- การสมัครสำเร็จ
2. สมัครบัตรเครดิต KTC ผ่านระบบออนไลน์ ให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ
ช่องทางออนไลน์ สามารถกดสมัครผ่านเว็บไซต์ https://www.ktc.co.th/credit-card ได้ โดยกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน แล้วรอการติดต่อกลับจากเจ้าหน้าที่เพื่อยืนยันข้อมูล พร้อมนัดหมายวันเข้ารับเอกสารผ่านทางเมสเซนเจอร์ ประมาณ 1-2 วันทำการ จากนั้นรอผลการอนุมัติ ระหว่างนี้เจ้าหน้าที่อาจจะมีการโทรติดต่อเพื่อสอบถามข้อมูล, ยืนยันการสมัคร หรือขอเอกสารเพิ่มเติม และเมื่อผ่านการอนุมัติแล้ว จะได้รับบัตรตามที่อยู่ที่ได้แจ้งไว้ โดยจะใช้เวลาโดยรวมประมาณ 1-2 สัปดาห์จึงรู้ผล
3. สมัครบัตรเครดิต KTC ที่ธนาคารกรุงไทย หรือ KTC TOUCH
สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครบัตรเครดิตที่ธนาคารกรุงไทย หรือ KTC TOUCH ด้วยตนเอง สามารถเข้าติดต่อเพื่อขอทำบัตรเครดิต โดยกรอกเอกสารแล้วทำการยื่นสมัครพร้อมแนบเอกสารที่ใช้ประกอบการสมัคร และรอเจ้าหน้าที่สาขาธนาคารกรุงไทย หรือ KTC TOUCH ดำเนินการ ใช้เวลาประมาณ 7 วันทำการ เมื่อเอกสารเข้าสู่ระบบแล้ว จะใช้เวลาอีกประมาณ 3 วันทำการเพื่อพิจารณาอนุมัติ ซึ่งในระหว่างนี้เจ้าหน้าที่อาจจะติดต่อเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ จากนั้นก็รอแจ้งผลการอนุมัติและดำเนินการจัดส่งบัตรไปยังที่อยู่ที่แจ้งไว้
สาเหตุที่หลายคนสมัครบัตรเครดิตไม่ผ่าน มักเกิดจากปัจจัยที่สามารถป้องกันได้ เช่น รายได้ไม่ถึงเกณฑ์ ประวัติเครดิตมีปัญหา เอกสารไม่ครบ หรือสมัครหลายใบในช่วงเวลาใกล้กัน แต่หากเตรียมตัวให้พร้อม ตรวจสอบคุณสมบัติให้ตรงกับข้อกำหนดของธนาคาร และเลือกบัตรเครดิตให้เหมาะสมกับตัวเอง โอกาสสมัครผ่านก็ไม่ใช่เรื่องยาก สำหรับใครที่กำลังมองหาบัตรเครดิตที่ใช้งานง่าย และสมัครได้ด้วยตัวเอง แนะนำ บัตรเครดิต KTC ที่มีหลายแบบให้เลือกตามไลฟ์สไตล์ พร้อมสิทธิประโยชน์คุ้มค่า สมัครออนไลน์ง่ายๆ ด้วยตัวเองผ่านเว็บไซต์ KTC ได้เลยวันนี้!
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC