การสมัครบัตรเครดิตในปัจจุบันเป็นสิ่งที่หลายคนให้ความสนใจ เพราะนอกจากจะช่วยให้การใช้จ่ายสะดวกขึ้นแล้ว ยังสามารถสร้างประวัติเครดิตที่ดีได้ด้วย แต่หากคุณมีประวัติชำระช้า การสมัครบัตรเครดิตอาจไม่ง่ายอย่างที่คิด บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจเรื่องเครดิตบูโรมากขึ้น รวมถึงแนะนำวิธีเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการสมัครบัตรเครดิตได้อย่างมั่นใจอีกด้วย
เครดิตบูโรคืออะไร ?
เครดิตบูโร (Credit Bureau) คือ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่รวบรวมข้อมูลประวัติการชำระหนี้สินเชื่อของบุคคลและนิติบุคคล เช่น บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อบ้าน เป็นต้น โดยข้อมูลเหล่านี้เป็นตัวบ่งบอกถึงความน่าเชื่อถือทางการเงินของผู้สมัครสินเชื่อหรือบัตรเครดิต ซึ่งจะถูกนำมาใช้ประกอบการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อของธนาคาร/สถาบันการเงินต่างๆ หากคุณมีประวัติการชำระหนี้ล่าช้าหรือผิดนัดชำระ ข้อมูลดังกล่าวจะถูกบันทึกไว้ในเครดิตบูโร และอาจส่งผลต่อการอนุมัติสินเชื่อในอนาคตได้
เช็กเครดิตบูโรได้ที่ไหน ?
คุณสามารถตรวจสอบประวัติเครดิตบูโรของคุณได้ด้วยช่องทางต่างๆ ดังนี้
รายงานข้อมูลเครดิตแบบสรุป (ไม่เสียค่าบริการ)
- แอปพลิเคชัน “ทางรัฐ”
- ตู้บริการอเนกประสงค์ภาครัฐ (Government Smart Kiosk) โดยคุณสามารถตรวจสอบตู้บริการได้ที่ www.dga.or.th
- ที่ทำการไปรษณีย์ และเคาน์เตอร์บริการไปรษณีย์ทุกแห่งทั่วประเทศ
- ตู้ตรวจเครดิตบูโรด้วยตนเอง (ตู้คีออส)
- ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร อาคาร เดอะไนน์ ทาวเวอร์ส แกรนด์ พระรามเก้า ชั้น 2 โซนพลาซ่า
- เครดิตบูโรคาเฟ่ อาคารเพิร์ล แบงก์ค็อก ชั้น 3 (BTS สถานีอารีย์ ทางออก 1)
- ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร ห้างเจ-เวนิว (นวนคร) ชั้น 1
- สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ (สถานีกลางบางซื่อ) บริเวณด้านหลังเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ประตูทางเข้า 1 จุดติดตั้งนาฬิกาประจำสถานี
- ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (สำนักงานใหญ่) อาคารเคเคพีทาวเวอร์ ชั้น 1 ใกล้ประตูทางเข้าอาคาร
- อาคารสาธรนครทาวเวอร์ ชั้น 1 โซนตู้เอทีเอ็ม (BTS สถานีช่องนนทรี ทางออก 2)
- ศูนย์การเรียนรู้ธนาคารแห่งประเทศไทย (อาคาร A) ชั้น 2 โถงต้อนรับเยื้องจุดสอบถาม
บริการศูนย์ตรวจเครดิตบูโร กรุงเทพฯ และปริมณฑล แบบรอรับได้เลย (ค่าบริการ 100 บาท) ภายใน 15 นาที
- ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร อาคาร เดอะไนน์ ทาวเวอร์ส แกรนด์ พระรามเก้า ชั้น 2 โซนพลาซ่า
- วันเวลาทำการ : จันทร์ - ศุกร์ เวลา 09.00 - 16.30 น. หยุดวันนักขัตฤกษ์
- หมายเหตุ : ใช้บัตรประชาชนของตนเอง
- ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร สถานีรถไฟฟ้า BTS ศาลาแดง (ภายในสถานี)
- วันเวลาทำการ : วันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 09.00 – 18.00 น. หยุดวันนักขัตฤกษ์
- หมายเหตุ : ใช้บัตรประชาชนของตนเอง
- ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร ห้างเจ-เวนิว (นวนคร) ชั้น 1
- วันเวลาทำการ : วันจันทร์ – อาทิตย์ เวลา 09.00 – 15.00 น.
- หมายเหตุ : ใช้บัตรประชาชนของตนเอง
ตู้ตรวจเครดิตบูโรด้วยตนเอง (ตู้คีออส)
สามารถรับรายงานทางอีเมลได้ทันที
- ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร อาคาร เดอะไนน์ ทาวเวอร์ส แกรนด์ พระรามเก้า ชั้น 2 โซนพลาซ่า
- เครดิตบูโรคาเฟ่ อาคารเพิร์ล แบงก์ค็อก ชั้น 3 (BTS สถานีอารีย์ ทางออก 1)
- ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร ห้างเจ-เวนิว (นวนคร) ชั้น 1
- สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ (สถานีกลางบางซื่อ) บริเวณด้านหลังเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ประตูทางเข้า 1 จุดติดตั้งนาฬิกาประจำสถานี
- ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (สำนักงานใหญ่) อาคารเคเคพีทาวเวอร์ ชั้น 1 ใกล้ประตูทางเข้าอาคาร
- อาคารสาธรนครทาวเวอร์ ชั้น 1 โซนตู้เอทีเอ็ม (BTS ช่องนนทรี ทางออก 2)
- ศูนย์การเรียนรู้ธนาคารแห่งประเทศไทย (อาคาร A) ชั้น 2 โถงต้อนรับเยื้องจุดสอบถาม
กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด แบบส่งรายงานรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (NCB e-Credit Report)
สามารถรับรายงานทางอีเมลได้ทันที ได้แก่
- ผ่าน Mobile Banking ธนาคารกรุงเทพ
- ผ่านแอป“KKP Mobile” ธนาคารเกียรตินาคินภัทร
สามารถรับรายงานทางอีเมลได้ภายใน 24 ชั่วโมง (เป็นไปตามเงื่อนไขที่เครดิตบูโรกำหนด)
- ผ่านแอป “Krungthai NEXT” ธนาคารกรุงไทย
- ผ่านแอป “MyMo” ธนาคารออมสิน
- ผ่านเป๋าตังเปย์ บนแอปเป๋าตัง
- ผ่านแอป “Flash Express” (Flash Money)
สามารถรับรายงานทางอีเมลได้ภายใน 3 วันทำการ
- ผ่านแอป “BAAC Mobile” ธ.ก.ส.
- ผ่านแอป SME D BANK ธนาคาร SME D BANK (กรณีที่เป็นลูกค้าที่มีสินเชื่อและบัญชีเงินฝากแล้ว)
- ผ่านแอป “ttb touch” ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน)
ที่มา : https://www.ncb.co.th/check-your-credit-bureau/where-to-check-credit-bureau
ติดเครดิตบูโร หรือ ติดแบล็กลิสต์บูโร มีจริงไหม ?
การติดเครดิตบูโรหรือแบล็กลิสต์บูโรไม่มีอยู่จริง เพราะเครดิตบูโรไม่ได้มีจัดทำบัญชีดำ มีเพียงแต่การจัดเก็บรายงานข้อมูลการชำระหนี้ตามความเป็นจริงเท่านั้น และจะมีสถานะระบุว่ามีการชำระหนี้ “ปกติ” หรือ “ค้างชำระ” เท่าไหร่
ทั้งนี้ เครดิตบูโรจะเก็บข้อมูลย้อนหลังไม่เกิน 3 ปีตามที่กฎหมายกำหนด หากชำระหนี้เก่าที่ค้างครบแล้ว หรือปิดหนี้แล้ว และไม่ได้มีการค้างชำระอีก ผ่านไป 3 ปี (36 เดือน) ประวัติค้างชำระก็จะหายไปจากระบบ
ติดเครดิตบูโรสมัครบัตรเครดิตได้ไหม ?
“ติดเครดิตบูโร ไม่มีอยู่จริง” อย่างที่ได้อธิบายไว้เบื้องต้น เป็นเพียงข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการชำระหนี้ โดยจัดเก็บไว้ในระบบฐานข้อมูลของบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) และจะปรากฏในรายงานข้อมูลเครดิต เมื่อมีผู้ขอเรียกดู โดยมีสถานะกำกับไว้ ว่า มีการชำระปกติ หรือค้างชำระมาแล้วกี่วัน
หากคุณมีประวัติค้างชำระ ย่อมมีผลต่อการพิจารณา แต่ทั้งนี้คุณยังสามารถสมัครบัตรเครดิตได้ เพราะการอนุมัติขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยที่ธนาคาร/สถาบันการเงินแต่ละแห่งเป็นผู้กำหนด เช่น ประวัติการชำระหนี้ที่ค้างอยู่อย่างสม่ำเสมอ ภาระการผ่อนชำระหนี้ก้อนอื่นที่มีอยู่เมื่อเทียบกับสัดส่วนรายได้ของผู้สมัครบัตรเครดิต ฯลฯ
สมัครบัตรเครดิตควรเตรียมพร้อมอย่างไร ?
หากคุณต้องการสมัครบัตรเครดิต แม้จะมีประวัติติดเครดิตบูโรอยู่ เราขอแนะนำให้เตรียมตัวดังนี้
- ตรวจสอบประวัติเครดิตบูโร : ตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูลในเครดิตบูโรถูกต้อง หากพบข้อมูลที่ไม่ถูกต้องให้รีบแจ้งไปยังบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด เพื่อทำการแก้ไข
- ชำระหนี้ที่ค้างอยู่ : หากมีหนี้ที่ค้างชำระอยู่ ควรเร่งชำระให้หมดก่อน เพื่อแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการปรับปรุงประวัติเครดิต และช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาธนาคาร/สถาบันการเงินอีกด้วย
- เลือกสมัครบัตรเครดิตที่ตรงกับคุณสมบัติตนเอง : เช่น หากต้องการสมัครบัตรเครดิต KTC ก็ควรเช็กคุณสมบัติผู้สมัครบัตรเครดิต KTC ใบนั้นๆ ก่อน ว่าสามารถสมัครได้ไหม รวมไปถึงศึกษารายละเอียด เงื่อนไขต่างๆ และค่าธรรมเนียมที่คุณสามารถรับผิดชอบได้ ที่สำคัญต้องเลือกบัตรเครดิตที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์การใช้จ่ายของคุณด้วย
- เตรียมเอกสารให้พร้อม : เตรียมเอกสารที่จำเป็นสำหรับการสมัครบัตรเครดิต เช่น บัตรประชาชน สลิปเงินเดือน หรือเอกสารแสดงรายได้อื่นๆ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือในการสมัคร
แนะนำบัตรเครดิต KTC สมัครง่าย ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี
1. KTC DIGITAL PLATINUM VISA
บัตรเครดิต KTC DIGITAL PLATINUM VISA เป็นบัตรเครดิตที่สมัครง่าย ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปีตลอดชีพ เหมาะมากสำหรับขาช้อปออนไลน์ เพราะมาพร้อมกับระบบ Dynamic CVV ที่รหัสหลังบัตรจะเปลี่ยนภายใน 24 ชั่วโมง หรือทุกครั้งที่มีการขอ เพื่อป้องกันการขโมยข้อมูล ทำให้ปลอดภัยต่อการช้อปออนไลน์สุดๆ อีกทั้งมาพร้อมสิทธิประโยชน์สุดคุ้มค่ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นการได้รับเครดิตเงินคืน การชำระสินค้า/บริการด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% สูงสุด 10 เดือน รวมไปถึงโปรโมชั่นพิเศษต่างๆ ที่สำคัญ คือ สามารถเลือกรับเป็นบัตรพลาสติกไร้หมายเลขและแถบแม่เหล็กได้เพิ่มความปลอดภัยในการทำธุรกรรม
2. KTC VISA PLATINUM
สำหรับใครที่อยากมีบัตรเครดิต แต่ติดบูโร บัตรเครดิต KTC VISA PLATINUM ใบนี้ เป็นอีกหนึ่งใบที่สมัครง่าย และจะช่วยให้คุณคล่องตัวทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต นอกจากจะไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปีตลอดชีพแล้ว ยังมาพร้อมสิทธิพิเศษมากมาย เช่น ส่วนลดสำหรับร้านอาหาร ร้านค้า และบริการต่างๆ, ประกันอุบัติเหตุการเดินทางทั้งในและต่างประเทศ, ทุก 25 บาท ที่ใช้จ่ายผ่านบัตรฯ รับ 1 คะแนน KTC FOREVER เพื่อแลกสินค้า / บริการ ณ ร้านค้าที่ร่วมรายการ และคะแนนไม่มีวันหมดอายุ เป็นต้น
3. KTC PLATINUM MASTERCARD
สำหรับใครที่ชอบช้อปออนไลน์และชอบท่องเที่ยวด้วย บัตรเครดิต KTC PLATINUM MASTERCARD ใบนี้ตอบโจทย์คุณได้อย่างแน่นอน เพราะมาพร้อมส่วนลดตลอดปีเมื่อช้อปผ่านพันธมิตรออนไลน์ที่ร่วมรายการตามเงื่อนไขที่กำหนด และยังมีประกันการซื้อสินค้าทุกครั้งที่ช้อปออนไลน์โดย Mastercard
ด้วยวงเงินประกันสูงสุดถึง 200 ดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ยังมอบสิทธิพิเศษอื่นๆ อีก เช่น บริการผ่อนชำระด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0.69% ที่ประเทศที่กำหนด, ประกันการเดินทาง 8 ล้านบาท, รับส่วนลดร้านค้าออนไลน์ทุกเดือน, รับสิทธิพิเศษที่ร้านอาหารหรูในไทยตลอดปี
สำหรับผู้ที่สนใจอยากมีบัตรเครดิต KTC ไว้ครอบครองสักใบ สามารถสมัครบัตรเครดิต KTC ออนไลน์ได้ง่ายๆ อาชีพไหนก็สมัครได้ สมัครได้ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC