สังคมไร้เงินสด (Cashless Society) คืออะไร ข้อดี-ข้อเสียมีอะไรบ้าง

ทุกวันนี้ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ “สังคมไร้เงินสด” มากขึ้น หลายคนหันมาใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชันกันเยอะขึ้น ร้านค้าก็มีบริการสแกนจ่ายเพื่ออำนวยความสะดวก ในปัจจุบันการจ่ายเงินยังสามารถทำได้หลายวิธี ทั้งการจ่ายผ่านแอปพลิเคชันธนาคารโดยตรง การชำระเงินผ่าน TrueMoney หรือ LINE Pay รวมถึงการชำระเงินด้วยบัตรเดบิตที่ผูกกับบัญชีธนาคาร และโดยเฉพาะอย่างยิ่งบัตรเครดิต KTC ที่ช่วยให้ทุกการใช้จ่ายคุ้มค่ากว่าเดิม เพราะได้รับสิทธิประโยชน์ที่มากกว่า ทั้งคะแนน KTC FOREVER ทุกยอดใช้จ่าย ที่ไม่มีวันหมดอายุ และไม่จำกัดยอดสะสมสูงสุด สามารถแลกรับสิทธิประโยชน์ได้มากมาย หรือจะใช้เป็นส่วนลด โดย 1,000 คะแนน KTC FOREVER = 100 บาท สามารถเลือกเปลี่ยนยอดชำระเต็ม เป็นผ่อนชำระด้วยดอกเบี้ยพิเศษ 0.74% นานสูงสุด 10 เดือน พิเศษกับฟรีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปีตลอดชีพ ด้วยประโยชน์จากการใช้จ่ายที่มีให้เลือกหลากหลาย จึงทำให้การชำระสินค้าและบริการแบบไม่ต้องใช้เงินสดได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว

สังคมไร้เงินสด คืออะไร

สังคมไร้เงินสด หรือ Cashless Society คือสังคมที่ลดการใช้จ่ายด้วยการชำระเงินสด แล้วหันมาใช้การจ่ายเงินด้วยสมาร์ทโฟน ผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ ซึ่งในประเทศไทยเองก็มีแพลตฟอร์มสำหรับชำระเงินค่อนข้างหลากหลาย อาทิ การสแกนจ่ายผ่าน QR Code การจ่ายเงินผ่านพร้อมเพย์ (PromptPay) และการจ่ายเงินผ่านแอปพลิเคชันอื่นๆ ซึ่งสะดวกทั้งผู้จ่ายและผู้รับเงิน แม้ว่าปัจจุบันสังคมไร้เงินสดในประเทศไทยอาจจะยังไม่เต็มรูปแบบ แต่ความนิยมในการชำระค่าสินค้าและบริการด้วยการสแกนจ่ายแทนการชำระด้วยเงินสดก็เพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกวัน แม้แต่ร้านค้าปลีกเล็กๆ ร้านอาหารตามสั่ง หรือกระทั่งรถเข็นข้างทางก็มี QR Code สำหรับสแกนจ่ายให้บริการแล้ว

การชำระเงินด้วยแอปพลิเคชันในปัจจุบันสามารถทำธุรกรรมได้หลากหลาย

สังคมไร้เงินสดเกิดขึ้นได้อย่างไร

สังคมไร้เงินสดในประเทศไทยเริ่มมีขึ้นในช่วง 3-4 ปีก่อนหน้านี้ เมื่อระบบพร้อมเพย์ (PromptPay) เริ่มเข้ามา ทำให้การทำธุรกรรมต่างๆ โดยเฉพาะการจ่ายค่าสาธารณูปโภค การซื้อของกินของใช้ หรือแม้แต่การโอนเงิน กลายเป็นเรื่องที่สะดวกสบายมากขึ้น ซึ่งสังคมไร้เงินสดนี้เป็นแนวคิดสังคมเศรษฐกิจที่เข้ามาแทนที่การใช้เงินสด ความสำคัญของเงินสดจะลดน้อยลงในอนาคต และผู้คนจะหันมาใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชันและบัตรเครดิตมากขึ้น

ปัจจุบันประเทศผู้นำที่เข้าสู่สังคมไร้เงินสดอย่างเต็มรูปแบบ ได้แก่ เบลเยียม แคนาดา สวีเดน ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา เยอรมนี เกาหลีใต้ และจีน โดยมีเปอร์เซ็นต์การใช้จ่ายด้วยเงินสดน้อยกว่า 4% เชื่อว่าในอนาคตการใช้เงินสดในประเทศไทยก็จะลดน้อยลงและเข้าสู่สังคมแบบไร้เงินสดด้วยเช่นกัน

แม้สังคมไร้เงินสดจะสะดวกสบาย ไม่ยุ่งยาก และมีข้อดีหลายอย่าง แต่หากไทยจะเข้าสู่สังคมไร้เงินสดเต็มรูปแบบก็อาจมีข้อควรระวังเช่นกัน

สังคมไร้เงินสด มีข้อดี-ข้อด้อย อย่างไรบ้าง

แม้ว่าสังคมไร้เงินสดจะสะดวกสบาย ไม่ยุ่งยาก และมีข้อดีหลายอย่าง แต่ก็มีข้อด้อยด้วยเช่นกัน หากไทยจะกลายเป็นสังคมไร้เงินสดเต็มรูปแบบจะมีข้อควรระวังอย่างไรบ้าง

ข้อดีของสังคมไร้เงินสด

1. สะดวก และรวดเร็ว ต้องยกให้ความสะดวกมาเป็นอันดับหนึ่งเพราะไม่ต้องพกเงินสด ไม่ต้องรอทอนเงิน ทุกอย่างสามารถทำได้ด้วยมือถือเพียงเครื่องเดียว
2. ลดการสัมผัส เพราะเงินสดที่คุณใช้จ่ายนั้นผ่านการหยิบจับมานับครั้งไม่ถ้วน หลังจากสถานการณ์ COVID-19 ที่ผู้คนหันมาใช้มือถือในการชำระเงินแทนการหยิบใช้เงินสด เพื่อลดการสัมผัส ลดความเสี่ยงในการรับเชื้อโรค ทำให้หลายคนตระหนักถึงการหยิบจับเงินและสัมผัสสิ่งของต่างๆ ที่เป็นสาธารณะมากขึ้น แม้ในปัจจุบันที่ความรุนแรงของโรคลดลงแล้ว แต่ก็ยังมีคนที่เคยชินกับการใช้จ่ายผ่านสมาร์ทโฟนมากกว่าการหยิบจับเงินสด เพราะรู้สึกไม่มั่นใจในความสะอาด
3. ได้ประโยชน์จากการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต เพราะจุดเด่นของการใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิต นอกจากจะง่ายและสะดวกแล้ว ยังได้รับสิทธิประโยชน์ที่มากกว่าการชำระด้วยเงินสด ทั้งการผ่อนจ่ายกับร้านค้าที่ร่วมรายการ ได้รับคะแนนสะสม โดยเฉพาะบัตรเครดิต KTC ที่สามารถผ่อนชำระด้วยดอกเบี้ยพิเศษ 0.74% นานสูงสุดถึง 10 เดือนหรือมีโปรโมชั่นผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือนที่ร้านค้าที่ร่วมรายการ และรับคะแนน KTC FOREVER ทุกการใช้จ่าย โดยคะแนนไม่มีวันหมดอายุ และไม่จำกัดยอดสะสมสูงสุด สามารถนำไปแลกรับสิทธิประโยชน์หรือส่วนลดได้ นอกจากนี้ไม่ฟรีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปีตลอดชีพ ดูข้อมูลบัตรเครดิต KTC เพิ่มเติม หรือสนใจสมัครบัตรเครดิต KTC ออนไลน์คลิกที่นี่ได้เลย 
4. ไม่ต้องกลัวเงินหาย โดยเฉพาะผู้ที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งสิ่งที่ต้องระวังมากที่สุดนอกจากพาสปอร์ตแล้วก็คือกระเป๋าสตางค์ การใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิตแบบไร้เงินสดจึงเป็นวิธีที่ปลอดภัย ช่วยลดปัญหาเงินหาย ไม่มีใช้จ่ายระหว่างเดินทางได้ เห็นยอดแจ้งเตือนเพื่อป้องกันและสามารถระงับได้ทันที
5. ลดปัญหาการชำระเงินผิดพลาด ในการชำระสินค้าและบริการด้วยเงินสด หลายครั้งอาจเกิดปัญหาการทอนเงินผิดพลาด หรือความเข้าใจผิดในจำนวนเงินที่ได้รับ ทั้งได้รับไม่ครบ ทอนเงินขาด หรือปัญหาธนบัตรปลอม การชำระด้วยบัตรเครดิตจึงช่วยลดปัญหาตรงนี้ไปได้ เพราะสามารถตรวจสอบรายการได้ ทั้งผู้รับและผู้จ่าย มีบริการแจ้งเตือนผ่าน SMS หรือแอปพลิเคชัน ทำให้สบายใจทั้งสองฝ่าย

ข้อด้อยของสังคมไร้เงินสด

1. ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ ทุกวันนี้มีมิจฉาชีพมากมายที่แฝงตัวมาเพื่อต้องการเจาะรหัสความปลอดภัยจากแอปพลิเคชันออนไลน์ของคุณ ดังนั้นการมีเงินฝากในบัญชีธนาคาร และการตั้งรหัสที่ง่ายเกินไปก็อาจทำให้ไม่ปลอดภัย 100%
2. ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยได้ง่าย เมื่อการโอนเงินไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป และความรู้สึกที่ว่าเราไม่ได้หยิบเงินออกมา ทำให้การใช้จ่ายเป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว จนบางครั้งเราอาจลืมตัว เผลอใช้จ่ายไปโดยไม่ทันระวัง ซึ่งจะเป็นการเพิ่มรายจ่ายแบบไม่รู้ตัว ทางที่ดีควรทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายเอาไว้ด้วยเสมอ
3. ไม่เหมาะกับผู้สูงอายุ แม้ว่าสังคมไร้เงินสดจะสะดวกสบาย แต่ก็อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่อาจใช้สมาร์ทโฟนไม่ถนัด ไม่เข้าใจขั้นตอนการทำธุรกรรม จึงอาจทำให้เกิดปัญหาเมื่อต้องการใช้จ่ายได้ 
4. บางร้านอาจยังไม่พร้อม แม้คนส่วนใหญ่จะเริ่มหันมาชำระเงินผ่านการโอนจ่ายมากขึ้น แต่ไม่ใช่ทุกร้านค้าจะพร้อมบริการรับชำระแบบไร้เงินสด โดยเฉพาะร้านค้าเล็กๆ และผู้ค้ารายย่อยที่อาจยังไม่พร้อมทั้งการเปิดบัญชีรับชำระ หรือการมีสมาร์ทโฟนพร้อมอินเทอร์เน็ตที่คอยแจ้งเตือนเมื่อมียอดเงินเข้า และหลายคนก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจ ว่าได้รับชำระจริง หรืออาจไม่สะดวกในการต้องไปถอนเงินเพื่อมาใช้จ่ายหมุนเวียนภายในร้าน การรับชำระด้วยเงินสด จึงยังคงสะดวกกว่า
5. ระบบแอปพลิเคชันไม่เสถียร การชำระด้วยแอปพลิเคชันนั้นรวดเร็ว แต่หากแอปฯ มีปัญหา หรือเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไม่สามารถใช้งานได้ ก็จะไม่สามารถชำระเงินด้วยสมาร์ทโฟนได้ทันที หรือหากแอปฯ มีการอัพเดตในขณะที่ต้องชำระเงิน ก็จะทำให้เกิดความล่าช้าได้

รูปแบบการใช้จ่ายในปัจจุบันมีหลากหลาย โดยเราอาจเลือกเฉพาะช่องทางที่ตรงกับไลฟ์สไตล์และรู้สึกสะดวกสบายในการใช้งาน

รูปแบบการใช้จ่ายในสังคมไร้เงินสดมีอะไรบ้าง

สังคมไร้เงินสดในประเทศไทยตอนนี้มีให้เลือกใช้หลายรูปแบบ ดังนี้

1. บัตรเครดิต KTC หมดปัญหาต้องคอยกดเงินสดพกติดตัว ด้วยบัตรเครดิต KTC ที่สามารถใช้ชำระได้ทั้งสินค้าและบริการ ไม่ว่าจะร้านค้า ร้านอาหาร พร้อมโปรโมชั่นส่วนลดสำหรับบัตรเครดิต KTC ณ ร้านค้าที่ร่วมรายการ พกบัตรเดียวครบ ใช้จ่ายคุ้ม
2. แอปพลิเคชัน KTC Mobile นอกจากจะสามารถตรวจสอบรายการใช้จ่าย เช็กคะแนนสะสม เช็กวงเงินคงเหลือ ฯลฯ ของบัตรเครดิตได้แล้ว KTC Mobile ยังสามารถใช้ชำระเงินด้วยการสแกน QR Pay และเพิ่มบัตรไปที่แอป Google pay ได้อีกด้วย
3. บัตรเดบิต หากยังไม่มีบัตรเครดิต ก็สามารถใช้บัตรเดบิตที่ผูกกับบัญชีธนาคารเพื่อชำระเงินได้ ซึ่งปัจจุบันบัตรเอทีเอ็มส่วนมากจะเป็นบัตรเดบิตในตัว เพียงเปิดใช้บริการกับธนาคารเจ้าของบัตร นอกจากจะสามารถใช้กดเงินสดได้แล้ว ยังซื้อสินค้าออนไลน์ได้ และใช้รูดซื้อที่หน้าร้านได้เหมือนบัตรเครดิตอีกด้วย
4. จ่ายผ่านแอปพลิเคชันธนาคารโดยตรง ทุกธนาคารในประเทศไทยจะมีแอปพลิเคชันให้ดาวน์โหลดสำหรับทำธุรกรรมทางการเงิน ตั้งแต่การโอนเงิน รับเงิน ชำระค่าน้ำ ค่าไฟ ขอ Statement หรือแม้แต่การซื้อประกันออนไลน์กับธนาคาร แน่นอนว่าสามารถใช้สแกนจ่ายเพื่อชำระค่าสินค้าและบริการได้ 
5. พร้อมเพย์ (PromptPay) ระบบโอนเงินและรับเงินที่เป็นที่นิยม โดยเฉพาะร้านค้า เพราะสะดวกและใช้งานง่าย ไม่ต้องใช้เลขที่บัญชีธนาคารแต่อย่างใด สามารถโอนจ่ายหรือรับเงินผ่านเบอร์โทรศัพท์ และเลขบัตรประชาชนได้
6. ทรูมันนี่ วอลเล็ท (TrueMoney Wallet) แอปพลิเคชันยอดนิยม โดยเฉพาะผู้ที่ชอบใช้จ่ายร้านสะดวกซื้อ 7-11 ปัจจุบันสามารถใช้ทรูมันนี่ วอลเล็ท เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการได้หลากหลาย ทั้งอุปโภคและบริโภค สามารถเติมเงินได้ หรือจะผูกกับบัตรเครดิตก็ได้ ล่าสุดสามารถใช้ชำระเงินที่ประเทศจีนได้แล้วด้วย
7. LINE Pay อีกหนึ่งแอปพลิเคชันที่สะดวกไม่แพ้กัน กับการจ่ายเงินผ่าน LINE Pay ที่สามารถเติมเงินได้ หรือจะผูกกับบัตรเครดิตก็ได้ พร้อมรับคะแนนสะสมกับร้านค้าและบริการที่ร่วมรายการ สามารถนำไปแลกรับของสมนาคุณหรือโปรโมชั่นต่างๆ ได้ โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นประจำ

เตรียมตัวให้พร้อมกับการเข้าสู่สังคมไร้เงินสด ด้วยความรู้ด้านการเงิน และเทคโนโลยีที่สามารถใช้จ่ายได้สะดวกและปลอดภัย เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตนเอง และหมดกังวลกับการใช้จ่ายเกินความจำเป็นด้วยการควบคุมค่าใช้จ่ายผ่านเมนูควบคุมวงเงิน (Spending Control) ในแอปพลิเคชัน KTC Mobile ให้คุณไม่ต้องกังวลใจ เพราะช่วยควบคุมวงเงินใช้จ่ายไม่ให้เกินกำหนดได้ ด้วยรูปแบบการใช้จ่ายในปัจจุบันนั้นมีหลากหลาย เราจึงควรเลือกช่องทางที่ปลอดภัย ตรงกับไลฟ์สไตล์การใช้จ่าย และให้ความรู้สึกสะดวกสบายในการใช้งานมากที่สุด

ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC