การขอสินเชื่อเป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้เราสามารถจัดการกับปัญหาทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉิน ค่ารักษาพยาบาล ค่าเทอมลูก หรือค่าศึกษาเรียนต่อแต่การมีความรู้เกี่ยวกับการขอสินเชื่อเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ เพราะเมื่อเราขอสินเชื่อ แน่นอนว่าดอกเบี้ย คือสิ่งที่ตามมา ดังนั้นการทำความเข้าใจวิธีคิดดอกเบี้ยเงินกู้ที่อาจส่งผลกระทบต่อการชำระคืนเงินกู้ในอนาคตจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะฉะนั้น บทความนี้เราจะพาทุกคนมาทำความเข้าใจวิธีคิดดอกเบี้ยเงินกู้ต่อปีและวิธีคิดดอกเบี้ยเงินกู้รายเดือนต้องคำนวณอย่างไร มาดูไปพร้อม ๆ กัน
KEY TAKEAWAY
- ดอกเบี้ยคงที่ คือดอกเบี้ยที่ถูกกำหนดในอัตราเดียวตลอดระยะเวลาของการกู้เงิน
- ดอกเบี้ยทั้งหมด = เงินต้น x อัตราดอกเบี้ยต่อปี x ระยะเวลากู้ (ปี)
- ดอกเบี้ยต่อเดือน = ดอกเบี้ยทั้งหมด / จำนวนงวด
- ดอกเบี้ยลดต้นลดดอก คือดอกเบี้ยที่คิดจากยอดเงินต้นที่เหลืออยู่จริงในแต่ละงวด
- ดอกเบี้ยต่องวด = (เงินต้นคงเหลือ x อัตราดอกเบี้ย x จำนวนวันในงวด) / จำนวนวันต่อปี
เลือกอ่านตามหัวข้อ
วิธีคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่
ดอกเบี้ยคงที่ (Flat Rate) คือดอกเบี้ยที่ถูกกำหนดในอัตราเดียวตลอดระยะเวลาของการกู้เงิน พูดให้เห็นภาพง่าย ๆ ก็คืออัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกำหนดไว้ตายตัวตั้งแต่เริ่มต้นสัญญา และจะไม่เปลี่ยนแปลงตลอดระยะเวลาที่ทำสัญญา หมายความว่าผู้กู้จะสามารถคาดการณ์ค่าใช้จ่ายที่แน่นอนได้ตลอดระยะเวลาของการชำระเงินกู้ ทำให้สามารถวางแผนการเงินได้ดียิ่งขึ้น
สูตรการคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่
วิธีคิดดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่ เป็นวิธีการคำนวณดอกเบี้ยที่มีอัตราคงที่ตลอดระยะเวลาการกู้ โดยทั่วไปแล้วมีวิธีการคำนวณดังนี้
1. ดอกเบี้ยทั้งหมด = เงินต้น x อัตราดอกเบี้ยต่อปี x ระยะเวลากู้ (ปี)
ตัวอย่าง: สมมติเรากู้เงิน 100,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 5% ต่อปี เป็นระยะเวลา 3 ปี
- ดอกเบี้ยทั้งหมด = 100,000 x 5% x 3 = 15,000 บาท ดังนั้น จะต้องจ่ายดอกเบี้ยทั้งหมด 15,000 บาท ตลอดระยะเวลา 3 ปี
เมื่อทราบดอกเบี้ยทั้งหมดแล้ว สามารถนำไปวิธีคิดดอกเงินกู้ต่อเดือนได้โดยใช้สูตร
2. ดอกเบี้ยต่อเดือน = ดอกเบี้ยทั้งหมด / จำนวนงวด
จากตัวอย่างที่เราเคยคำนวณไปว่าดอกเบี้ยทั้งหมดที่ต้องจ่ายคือ 15,000 บาท และระยะเวลาในการผ่อนชำระเป็นรายเดือน 36 งวด (หรือ 3 ปี) เราสามารถหาค่าดอกเบี้ยต่อเดือนได้ดังนี้
- ดอกเบี้ยต่อเดือน = 15,000 บาท / 36 งวด= 416.67 บาท ดังนั้น ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายต่อเดือนสำหรับสินเชื่อนี้คือ 416.67 บาท
3. เงินต้นต่อเดือน = เงินต้นทั้งหมด / จำนวนงวด
เงินต้นทั้งหมด 100,000 บาท และระยะเวลาในการผ่อนชำระเป็นรายเดือน 36 งวด (หรือ 3 ปี)
เราสามารถหาค่าเงินต้นต่อเดือนได้ดังนี้:
- เงินต้นต่อเดือน = 100,000 บาท / 36 งวด= 2,777.78 บาท ดังนั้น เงินต้นต่อเดือนสำหรับสินเชื่อนี้คือ 2,777.78 บาท
4.เงินผ่อนชำระต่อเดือน = ดอกเบี้ยต่อเดือน + เงินต้นต่อเดือน
จากตัวอย่าง ถ้าเรากู้เงินมา 100,000 บาท ต้องผ่อนชำระทั้งหมด 36 งวด (3 ปี) และดอกเบี้ยต่อเดือนที่ต้องจ่ายคือ 416.67 บาท
- เงินผ่อนชำระต่อเดือน = 416.67 บาท + 2,777.78 บาท = 3,194.45 บาท
วิธีคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้แบบลดต้นลดดอก
ดอกเบี้ยลดต้นลดดอก คือ วิธีคิดดอกเบี้ยเงินกู้ที่นิยมใช้ในสินเชื่อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อบ้าน หรือสินเชื่อส่วนบุคคล บางคนอาจจะเคยได้ยินคำว่าดอกเบี้ยทบต้น ซึ่งดอกเบี้ยลดต้นลดดอกและดอกเบี้ยทบต้น คือสิ่งเดียวกัน หลักการสำคัญของดอกเบี้ยนี้คือจะคิดดอกเบี้ยจากยอดเงินต้นที่เหลืออยู่จริงในแต่ละงวด ซึ่งหมายความว่า ยิ่งเราชำระหนี้ไปมากเท่าไหร่ ยอดเงินต้นก็จะลดลง และดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็จะลดลงตามไปด้วย ช่วยให้ผู้กู้สามารถวางแผนการชำระหนี้ได้ง่ายขึ้น และจ่ายดอกเบี้ยรวมน้อยลงในระยะยาว
สูตรการคำนวณดอกเบี้ยลดต้นลดดอก
ก่อนจะไปถึงวิธีคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก เราควรมาทำความรู้จักกับการกู้ สินเชื่อบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน คือสินเชื่อที่ผู้กู้ไม่ต้องใช้ทรัพย์สินหรือหลักประกันใด ๆ มาใช้ค้ำประกันการกู้เงิน ทำให้สามารถสมัครได้ง่ายและไม่ซับซ้อนเหมือนสินเชื่อที่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน โดยเมื่อได้รับการอนุมัติ ผู้กู้จะได้รับเงินก้อนตามที่ตกลง และมีภาระต้องชำระคืนทั้งต้นและดอกเบี้ยตามเงื่อนไขของสถาบันการเงิน
โดยการคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกจะช่วยให้ยอดดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายลดลงตามจำนวนเงินต้นที่เหลืออยู่ หากชำระเงินต้นมากขึ้น ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็จะลดลงตาม ทำให้ระยะเวลาการผ่อนและภาระดอกเบี้ยโดยรวมลดลง
สูตรคำนวณดอกเบี้ยลดต้นลดดอก : ดอกเบี้ยในงวดนั้น = (เงินต้นคงเหลือ x อัตราดอกเบี้ยต่อปี x จำนวนวันในงวด) / จำนวนวันต่อปี
สมมติคุณกู้เงินมา 3,000,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 5% ต่อปี ผ่อนชำระเป็นรายเดือน ระยะเวลา 15 ปี (180 งวด)
ขั้นตอนที่ 1:คำนวณดอกเบี้ยงวดแรก
สมมติว่าในเดือนแรกมี 30 วัน:
ดอกเบี้ยงวดที่ 1 = (3,000,000×5%×30) /365 = 12,328.77 บาท
ขั้นตอนที่ 2:คำนวณเงินต้นที่ชำระในงวดที่ 1
เงินต้นงวดที่ 1 = ค่างวด - ดอกเบี้ยงวดที่ 1
80,000 - 12,328.77 = 67,671.23 บาท
ขั้นตอนที่ 3: คำนวณเงินต้นคงเหลือหลังจากชำระงวดแรก
เงินต้นคงเหลือ = เงินต้นก่อนหน้า - เงินต้นที่ชำระ
3,000,000 - 67,671.23 = 2,932,328.77 บาท
ขั้นตอนที่ 4: คำนวณดอกเบี้ยงวดที่สอง สมมติว่าเดือนที่สองมี 31 วัน:
ดอกเบี้ยงวดที่ 2 = (2,932,328.77×5%×31) /365 = 12,468.15 บาท
จะเห็นได้ว่าเงินต้นคงเหลือจะลดลงจากการผ่อนชำระในเดือนแรก ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็จะลดลงตามไปด้วยนั่นเอง
ดอกเบี้ยคงที่หรือดอกเบี้ยลดต้นลดดอก เลือกกู้แบบไหนดี
เมื่อเราพูดถึงการกู้เงิน สิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งที่เราต้องพิจารณาคือ "ดอกเบี้ย" เพราะดอกเบี้ยเป็นต้นทุนที่เราต้องจ่ายเพิ่มเติมให้กับเงินกู้ของเรา โดยดอกเบี้ยมีหลายแบบ เช่น ดอกเบี้ยคงที่ และดอกเบี้ยลดต้นลดดอก ซึ่งแต่ละแบบก็มีลักษณะเฉพาะและความเหมาะสมที่แตกต่างกัน
ดอกเบี้ยคงที่ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นคงและความแน่นอนในค่าใช้จ่าย เช่น การกู้ซื้อรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ ข้อดีคือผู้กู้จะรู้ชัดเจนว่าต้องจ่ายดอกเบี้ยในจำนวนเท่าใดตลอดอายุของเงินกู้
ดอกเบี้ยลดต้นลดดอก ข้อดีคือยอดดอกเบี้ยจะลดลงตามจำนวนเงินต้นที่ชำระคืน ยิ่งโปะจ่ายมากดอกก็จะยิ่งลดลงตามไปด้วย ส่งผลให้ภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายลดน้อยลงเมื่อเงินต้นลดลง
แต่สำหรับพนักงานเงินเดือน หรือเจ้าของกิจการที่กำลังมองหาตัวช่วยเรื่องเงินในยามฉุกเฉิน แต่กังวลเรื่องดอกเบี้ยเงินกู้ บัตรกดเงินสดเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะบัตรกดเงินสด KTC PROUD ที่มีดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดต่ำ มีการคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก ไม่มีค่าธรรมเนียม 3% ในการเบิกถอนเงินสดเหมือนบัตรเครดิต และใช้ผ่อนสินค้าได้นานสูงสุด 24 เดือนได้อีกด้วย
*กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ย 25% ต่อปี
วิธีคิดดอกเบี้ยเงินกู้ สิ่งที่ควรรู้เพื่อการชำระหนี้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีคิดดอกเบี้ยเงินกู้ เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ผู้ที่กำลังวางแผนจะกู้ขอสินเชื่อควรทำความเข้าใจ และศึกษาอย่างละเอียด เพื่อวางแผนการชำระค่าดอกเบี้ยอย่างมีประสิทธิภาพหลังจากกู้ขอสินเชื่อ นอกจากนี้การเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยและวิธีการคิดของแต่ละธนาคาร เพื่อเลือกสินเชื่อที่มีวิธีคิดดอกเบี้ยเงินกู้ธนาคารที่เหมาะสมกับตนเองก็เป็นอีกสิ่งที่ควรพิจารณาให้ดีก่อนที่จะขอสินเชื่อ เพื่อจะได้รู้วิธีลดภาระหนี้ และวางแผนชำระหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หาตัวช่วยยามฉุกเฉิน ดอกเบี้ยลดต้นลดดอก ด้วยบัตรกดเงินสด KTC PROUD