ปลอดภัยไว้ก่อน นั่งในรถยนต์ตรงไหนก็ต้องคาดเข็มขัด
การคาดเข็มขัดนิรภัยเป็นการส่งเสริมความปลอดภัยในการเดินทางด้วยรถยนต์ แต่เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นชินกับการคาดเข็มขัดนิรภัยเมื่อนั่งเบาะหน้า แต่ปัจจุบันผู้โดยสารทุกคนต้องใส่ใจเรื่องเข็มขัดนิรภัยมากขึ้น เพราะกฎหมายการจราจรทางบกฉบับล่าสุด กำหนดให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารที่นั่งเบาะหน้าและหลังต้องคาดเข็มขัดนิรภัยทุกคน พร้อมระบุโทษของผู้ฝ่าฝืนไว้ชัดเจน ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับกฎหมายการจราจรทางบกที่ว่านี้ มีสาระสำคัญอะไรน่าสนใจบ้าง ตามพี่เบิ้มไปหาคำตอบกันครับ
ข้อควรรู้เกี่ยวกับราชกิจจานุเบกษาสำหรับผู้นั่งเบาะหลัง
พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ.2565 ได้กำหนดข้อบังคับเกี่ยวกับความปลอดภัยภายในรถไว้เพิ่มเติม ทั้งในส่วนของคาร์ซีทสำหรับเด็กและการคาดเข็มขัดนิรภัยของผู้โดยสารตอนหลัง โดยสาระสำคัญของประกาศฉบับนี้ แบ่งเป็น 3 ประเด็น ดังนี้
- ผู้ที่นั่งในรถยนต์จะต้องคาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง
แต่เดิมบังคับเฉพาะผู้ขับขี่เท่านั้นที่ต้องคาดเข็มขัดนิรภัย ต่อมามีการปรับแก้กฎหมายโดยระบุให้ผู้โดยสารตอนหน้าคาดเข็มขัดนิรภัยด้วย กระทั่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ.2565 ที่มีการแก้ไขประเด็นเกี่ยวกับเข็มขัดนิรภัยเพิ่มเติม คือ ผู้ที่อยู่ภายในรถทุกคนต้องคาดเข็มขัดนิรภัยโดยไม่มีข้อยกเว้น ซึ่งเรื่องนี้ก่อให้เกิดการถกเถียงเป็นวงกว้าง เพราะมีรถยนต์ส่วนตัวและรถแท็กซี่บางรุ่นไม่มีการติดตั้งเข็มขัดนิรภัยในเบาะหลัง โดยเรื่องนี้มีคำแนะนำว่าให้ติดตั้งเข็มขัดนิรภัยเพิ่ม เพื่อความปลอดภัยขณะเดินทางด้วยรถยนต์
- คนนั่งไม่คาดเข็มขัดนิรภัย มีโทษปรับ
สำหรับโทษปรับของผู้ที่ไม่คาดเข็มขัดนิรภัยขณะขับขี่เฉพาะรถยนต์ 4 ประตูส่วนบุคคล แบ่งได้ดังนี้ ผู้ขับขี่ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ค่าปรับไม่เกิน 500 บาท ผู้โดยสารตอนหน้าไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ค่าปรับไม่เกิน 500 บาท หากผู้ขับขี่ไม่จัดให้ผู้โดยสารคาดเข็มขัดนิรภัย ถูกปรับเพิ่มอีก 500 บาท ขณะเดียวกันกฎหมายการจราจรทางบกฉบับล่าสุดได้ระบุโทษปรับผู้โดยสารตอนหลังที่ไม่ยอมคาดเข็มขัดนิรภัย คือ ปรับไม่เกิน 2,000 บาท
- ราชกิจจานุเบกษาฉบับนี้ มีผลบังคับใช้ภายใน 120 วัน หลังจากประกาศ
การบังคับใช้กฎหมายผู้ที่นั่งหลังต้องคาดเข็มขัดนิรภัย มีผลบังคับใช้ในอีก 120 วันหลังจากประกาศ หรือมีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 กันยายน 2565 ฉะนั้นใครรู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่ต้องคาดเข็มขัด อาจต้องปรับตัวให้ได้ก่อนกฎหมายการจราจรทางบกฉบับนี้มีผลบังคับใช้ นอกจากไม่ต้องเสียค่าปรับหลักพัน ยังลดโอกาสบาดเจ็บเวลาเกิดอุบัติเหตุ
การเคารพกฎจราจรเป็นอีกคุณสมบัติของผู้ใช้รถใช้ถนน เมื่อกฎหมายบังคับให้คาดเข็มขัดนิรภัย ผู้ขับขี่จึงควรปฏิบัติตาม เพื่อความปลอดภัยของตนเองและผู้ใช้ถนนคนอื่น ๆ ด้วย
ข้อปฏิบัติเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่รถยนต์
ผู้ที่นั่งเบาะหลังต้องคาดเข็มขัดนิรภัยและหากเป็นเด็กต้องมีคาร์ซีทด้วย
นอกจากกำหนดให้การคาดเข็มขัดนิรภัยเป็นหนึ่งในมาตรการเพิ่มความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ผู้ที่ขับขี่รถยนต์ยังต้องใส่ใจเรื่องความปลอดภัยในการขับขี่อยู่เสมอ ดังนี้
- ตรวจเช็ครถเป็นประจำ
ควรหมั่นตรวจสภาพรถอยู่เสมอ เพราะวิธีนี้ช่วยแก้ปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับรถยนต์ได้ หากพบอะไหล่ใกล้ชำรุด หรือชิ้นส่วนที่ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ก็สามารถซ่อมบำรุงหรือเปลี่ยนอะไหล่ใหม่ได้ทันที
- สอบใบขับขี่และต่ออายุใบขับขี่
การสอบใบขับขี่เป็นการสอบเพื่อประเมินศักยภาพในการขับรถของตนเอง หากสอบใบขับขี่ผ่านอย่างน้อยผู้ใช้ถนนรายอื่นจะได้อุ่นใจว่า เพื่อนร่วมถนนมีความสามารถในการขับรถจริง
- คาดเข็มขัดนิรภัยทุกคน
การคาดเข็มขัดนิรภัยช่วยลดโอกาสบาดเจ็บหนักเมื่อรถเกิดอุบัติเหตุรุนแรง เนื่องจากส่วนมากผู้ที่ประสบอุบัติรถยนต์อย่างหนักเป็นเพราะไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย ส่งผลให้ผู้โดยสารกระเด็นออกนอกตัวรถหรือไปกระแทกกับส่วนอื่น ๆ ของตัวรถยนต์ ฉะนั้นการคาดเข็มขัดนิรภัยจึงเป็นวิธีป้องกันง่าย ๆ ที่ทุกคนสามารถทำได้
- ให้สัญญาณไฟทุกครั้งก่อนเลี้ยว
รถที่เลี้ยวกะทันหันมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุหรือเป็นสาเหตุให้ผู้อื่นเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ฉะนั้นก่อนการเลี้ยวหรือเปลี่ยนเลน ผู้ขับขี่ควรให้สัญญาณไฟทุกครั้ง เพื่อนร่วมทางจะได้ทราบว่า คุณกำลังจะเลี้ยวรถเข้าซอยหรือต้องการเปลี่ยนเลน
- มีสติในการขับขี่อยู่เสมอ
สติของผู้ขับขี่มีความสำคัญมาก ก่อนการขับขี่จะต้องมั่นใจว่าพักผ่อนเพียงพอ ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และไม่อยู่ในอารมณ์ที่เป็นอันตรายต่อการขับขี่ เพื่อลดโอกาสในการประสบอุบติเหตุ
การใส่ใจเรื่องความปลอกภัยในการขับขี่นี้นอกจากจะเพื่อช่วยให้ถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพแล้ว ยังเป็นการให้ความใส่ใจกับรถยนต์ที่เป็นยานพาหนะในการขับขี่ไม่ให้ประสบอุบัติเหตุร้ายแรงด้วย ถ้าต้องการนำรถยนต์ไปกู้สินเชื่อ KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน จะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะกู้ไม่ผ่านเพราะรถสภาพไม่ดี การถนอมรถเอาไว้อย่างไรก็ดีกว่าการปล่อยปละละเลยแน่นอน เพราะสินเชื่อ KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงินให้วงเงินใหญ่สูงสุดถึง 1 ล้านบาท รู้ผลอนุมัติภายใน 2 ชั่วโมง พร้อมรับเงินโอนเข้าบัญชีทันทีที่อนุมัติ มีบริการพี่เบิ้ม Delivery ไปหาถึงที่ เพิ่มความสะดวกสบายให้คนมีรถที่มองหาเงินด่วน
อ้างอิงข้อมูล พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ๑๓) พ.ศ. ๒๕๖๕, ราชกิจจานุเบกษา
ลดอุบัติเหตุให้รถยังสภาพดี กู้ KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงินได้แบบไม่ต้องกังวล