เคล็ดลับง่ายๆ ช่วยลดความเสี่ยงโดนแฮกบัตรเครดิต – บัตรเดบิต
บัตรเครดิต/บัตรเดบิต เป็นตัวช่วยในการชำระค่าสินค้า และบริการที่หลายคนคุ้นเคยกันดี โดยข้อดีของบัตรเครดิตคือ ผู้ใช้จะได้รับความสะดวกสบาย ใช้จ่ายง่าย ไม่ต้องพกเงินสดเป็นจำนวนมาก ทั้งยังได้รับส่วนลดพิเศษและโปรโมชั่นบัตรเครดิตเมื่อซื้อสินค้าหรือบริการต่าง ๆ จากร้านที่ร่วมรายการ ทั้งหมดนี้จึงถือเป็นความสะดวกสบายที่มาพร้อมกับความคุ้มค่า และเป็นเหตุผลทำให้หลายคนนิยมใช้บัตรเครดิต/บัตรเดบิตกันมากขึ้น
แต่ถึงอย่างไรการใช้บัตรเครดิต/บัตรเดบิตต้องใช้งานอย่างระมัดระวังมากที่สุด ซึ่งนอกการเรียนรู้วิธีใช้บัตรเครดิตครั้งแรก สำหรับมือใหม่ที่มีความสำคัญแล้ว ทุกวันนี้มิจฉาชีพมักแฝงตัวและโจรกรรมข้อมูลจนผู้ใช้งานได้รับความเสียหาย แน่นอนว่าไม่ได้มีเพียงมือใหม่เท่านั้นที่ต้องระวัง เพราะแม้จะใช้บัตรเครดิตมานานแต่ทุกคนย่อมมีความเสี่ยงเท่ากันหมด รู้ตัวอีกทีก็สูญเสียเงินเป็นจำนวนมากเสียแล้ว และเพื่อไม่ให้ทุกคนตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ วันนี้ KTC รวมวิธีป้องกันบัตรเครดิต/เดบิตถูกแฮก เพื่อให้คุณใช้จ่ายผ่านบัตรได้อย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
8 วิธีการป้องกันบัตรเครดิต/บัตรเดบิตถูกขโมย ปลอดภัย ไม่ตกเป็นเหยื่อ
1. ตั้งรหัสผ่านให้เดายาก
การตั้งรหัสผ่านเป็นขั้นตอนการป้องกันบัตรเครดิต/เดบิตเบื้องต้น แนะนำว่าไม่ควรตั้งรหัสผ่านเป็นเลขซ้ำกัน เช่น 0000 1111 2222 เป็นต้น รวมไปถึงเลขที่เกี่ยวกับตัวเจ้าของบัตรจนทำให้คนร้ายเดาได้ง่าย (โดยเฉพาะคนร้ายที่เป็นคนใกล้ตัว) เช่น เลขวันเกิด เลขบัตรประชาชน เบอร์โทรศัพท์ เป็นต้น ที่สำคัญแนะนำว่าควรเปลี่ยนรหัสผ่านใหม่ทุก ๆ 3 เดือน และอย่าเผลอจดรหัสบัตรไว้บนซองหรือบนบัตรเด็ดขาด สำหรับสมาชิกบัตรเครดิต KTC สามารถตั้งรหัส ATM PIN ผ่านแอป KTC Mobile ได้ด้วยตัวเอง ใช้งานได้ทันที ไม่ต้องมีรหัสเดิม ไม่มีค่าธรรมเนียม ทั้งยังสามารถเลือกยืนยัน OTP ได้ทั้งหมายเลขโทรศัพท์และอีเมล หรือเลือกตั้งรหัสได้ทั้งแบบ 4 หรือ 6 หลักก็ได้เช่นกัน
หมายเหตุ : รหัส ATM PIN 4 หลัก ใช้เพื่อยืนยันการทำรายการที่เครื่อง ATM หรือที่เครื่องรูดบัตรในบางประเทศ
2. ไม่ควรบอกหมายเลขบัตรเครดิตให้ผู้อื่นทราบ
ให้เลขบัตรเครดิตอันตรายไหม? คำตอบคือ “มีความเสี่ยง” โดยเฉพาะการให้เลขบัตรเครดิตทางโทรศัพท์มือถือที่ไม่มีการขอเอกสารยืนยันที่เป็นลายลักษณ์อักษร รวมไปถึงการบันทึกหมายเลขบัตรเครดิตกับช่องทางซื้อสินค้าออนไลน์ที่ไม่น่าเชื่อถือ เพราะอาจเป็นกลลวงของมิจฉาชีพได้
3. ไม่ให้บัตรเครดิตคลาดสายตา
ไม่ว่าจะเป็นการซื้อสินค้า ชำระค่าน้ำมัน ค่าตั๋วเครื่องบิน หรือค่าบริการใด ๆ แนะนำว่าหลังจากยื่นบัตรเครดิตให้พนักงานแล้ว ควรสังเกตบัตรเครดิตของตัวเองอยู่ตลอดเวลา เพราะเพียงไม่กี่นาทีที่คุณคลาดสายตา อาจกลายเป็นช่องโหว่ทำให้มิจฉาชีพฉกฉวยข้อมูลของคุณได้ง่าย ๆ
เปิดแจ้งเตือน SMS เพื่อตรวจสอบการใช้บัตร
4. เปิดใช้งานการแจ้งเตือนการใช้บัตร
เพื่อเป็นการตรวจสอบการเคลื่อนไหว เมื่อมีการใช้งานบัตรเครดิต/เดบิตแบบเรียลไทม์ หากมียอดใช้จ่ายเงินแบบผิดปกติ จะได้ไหวตัวและแจ้งธนาคารเพื่อทำการอายัติบัตรได้ทันเวลา สำหรับสมาชิกบัตรเครดิต KTC สามารถเปิดรับการแจ้งเตือนได้เองง่าย ๆ ผ่านแอป KTC Mobile รู้ทันทุกธุรกรรมที่มีการทำรายการผ่านบัตรฯ KTC
5. ตรวจสอบยอดใช้จ่ายอยู่เสมอ
หมั่นตรวจสอบยอดใช้จ่ายเสมอว่าตรงกับสินค้าที่เราจ่ายไปจริง ๆ หรือไม่ โดยเช็คยอดจ่ายก่อนลงลายมือชื่อ หากมียอดเรียกเก็บไม่ตรงตามจำนวนที่ซื้อสินค้าจะได้แก้ไขได้ทันเวลา และที่สำคัญอย่าลืมเก็บเซลล์สลิปไว้ทุกครั้งเพื่อนำไปเทียบกับใบแจ้งยอดประจำเดือน สำหรับสมาชิกบัตรเครดิต KTC สามารถตรวจสอบได้ที่ แอป KTC Mobile และ บริการ KTC Online (เข้าผ่านเว็บไซต์)
6. อย่าลืมปิดรหัส CVV หลังบัตร
รหัส CVV เป็นเลข 3 ตัวที่อยู่หลังบัตรเครดิต หากเลขดังกล่าวไปตกอยู่ในมือมิจฉาชีพอาจทำให้เสี่ยงต่อการถูกนำไปทำธุรกรรมผ่านช่องทางออนไลน์ ดังนั้นควรนำสติกเกอร์ปิดรหัสเอาไว้จะเพิ่มความอุ่นใจได้มากกว่า
7. เลือกใช้ Mobile Data แทน Wi-Fi เมื่อต้องทำธุรกรรมออนไลน์
เครือข่าย Wi-Fi โดยเฉพาะ Wi-Fi สาธารณะ อาจมีช่องโหว่ที่ทำให้โจรไซเบอร์เจาะเข้ามาถึงตัวอุปกรณ์ Wi-Fi และเข้าถึงอุปกรณ์ที่คุณใช้เชื่อมต่อ Wi-Fi ส่งผลทำให้อุปกรณ์ดังกล่าวมีโอกาสถูกแฮกได้ง่ายขึ้น ดังนั้นแนะนำว่าควรทำธุรกรรมผ่าน Mobile Data หรือ Wi-Fi ส่วนตัวที่ต้องใช้รหัสผ่านจะช่วยลดความเสี่ยงได้มากกว่า
8. ติดต่อธนาคารเจ้าของบัตรทันทีเมื่อพบความผิดปกติ
ไม่ว่าจะทำบัตรเครดิตหาย บัตรเครดิตถูกขโมย มียอดใช้จ่ายเกิน หรือมีความผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้น ควรรีบติดต่อธนาคารเพื่อให้ทางธนาคารตรวจสอบและอายัดบัตรให้เร็วที่สุด จากนั้นควรรีบแจ้งความที่สถานีตำรวจ เพื่อให้ทางตำรวจติดตามและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ทันท่วงที ที่สำคัญหากเกิดเหตุฉุกเฉินบัตรหาย บัตรถูกขโมย ยอดใช้จ่ายผิดปกติ สมาชิกบัตรเครดิต KTC อุ่นใจแค่มีแอป KTC Mobile ก็สามารถกดอายัดบัตรชั่วคราว เพื่อลดความเสียหายจะเกิดขึ้นได้เลยทันที
ทุกวันนี้กลโกงแฝงตัวมาหลายรูปแบบ ดังนั้นควรตรวจสอบความถูกต้อง ใช้บัตรเครดิต-บัตรเดบิตอย่างมีสติ และระมัดระวังด้วยเสมอ เพื่อป้องกันเงินในบัตรให้ปลอดภัยจากกลโกงมิจฉาชีพมากที่สุด ที่สำคัญร้านค้าที่อยู่ในฐานะผู้ให้บริการ จำเป็นต้องเลือกช่องทางการชำระเงินที่สะดวกสบาย และมีความปลอดภัยให้กับลูกค้าด้วยเช่นกัน แนะนำเครื่องรูดบัตร EDC อุปกรณ์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อรองรับการชำระเงินในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ รองรับการชำระเงินผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิตทุกประเภทจากทุกธนาคารทั่วโลก สแกนคิวอาร์โค้ดผ่าน Mobile Banking แปลงสกุลเงินต่างชาติสำหรับลูกค้าต่างประเทศ เป็นต้น ที่สำคัญการใช้จ่ายผ่านเครื่องรูดบัตร EDC ยังมีความสะดวกสบาย มีหลักฐานยืนยันทุกขั้นตอน จึงมั่นใจได้เลยว่าช่วยลดปัญหาการถูกโจรกรรมได้อย่างแน่นอน
เพิ่มยอดขายให้ธุรกิจ สะดวก ปลอดภัย ใช้งานง่าย สมัครใช้งานเครื่องรูดบัตร EDC…ที่นี่
เครื่องรูดบัตร EDC ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้กับลูกค้าเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการ ช่วยให้ร้านค้ามีรายได้เพิ่มขึ้น อีกทั้งร้านค้ายังสามารถสรุปยอดขายได้ทันทีแบบวันต่อวัน โดย KTC ได้ให้บริการเครื่องรูดบัตร KTC EDC 2 รูปแบบ คือ เครื่องแบบต่อสายโทรศัพท์ / สาย LAN และ เครื่องแบบเชื่อมต่อกับ SIM Card
- ให้บริการร้านค้าแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จ One Stop Service ได้อย่างครบถ้วน
- ร้านค้าได้รับเงินรวดเร็วทันใจภายในวันที่ลูกค้าชำระเงิน ช่วยให้การบริหารจัดการเงินสดในวันต่อไปง่ายขึ้น
- มีบริการช่วยเหลือร้านค้าตลอด 24 ชั่วโมง
- ตรวจสอบยอดขายและจัดการรายการขายต่าง ๆ รวมทั้งขอใบกำกับภาษีผ่านระบบออนไลน์
- ฟรีค่าติดตั้ง ฟรีค่าประกัน และกระดาษเซลล์สลิป
- รองรับทั้งการจ่ายเงินเต็มจำนวน ผ่อนชำระด้วยบัตรเครดิต และแลกคะแนน KTC Forever
เครื่องรูดบัตรเครดิต KTC EDC จึงเป็นอีกหนึ่งบริการที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายให้กับลูกค้าได้แล้ว ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการจำหน่ายสินค้า และบริการให้กับเจ้าของกิจการได้เป็นอย่างดี ทั้งยังมาพร้อมสิทธิประโยชน์มากมาย สมัครง่ายผ่านช่องทางออนไลน์
เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ พร้อมรับสิทธิประโยชน์ สมัครใช้งานเครื่องรูดบัตร EDC…ที่นี่