แม้ว่าหลายคนอาจมองประกันสุขภาพเป็นเพียง "ค่าใช้จ่าย" ที่ต้องจ่ายเพื่อความสบายใจ แต่ความจริงแล้ว การมีประกันสุขภาพลดหย่อนภาษีที่เหมาะสมจึงไม่ใช่แค่เรื่องของการดูแลสุขภาพ เพราะหากเข้าใจหลักการและวางแผนอย่างถูกต้อง และรู้จักใช้ประโยชน์จากสิทธิลดหย่อนภาษีที่กฎหมายให้ไว้ ประกันสุขภาพสามารถกลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยลดภาระภาษีและสร้างประโยชน์ทางการเงินได้อย่างคุ้มค่า ประกันสุขภาพสามารถเป็นทั้งเกราะป้องกันความเสี่ยงด้านสุขภาพ และเป็นเครื่องมือประหยัดภาษีที่มีประสิทธิภาพในเวลาเดียวกัน บทความนี้จะพาไปเจาะลึกเกี่ยวกับการทำประกันสุขภาพลดหย่อนภาษี แบบไหนทำได้ วิธีเลือก วางแผน ไปจนถึงข้อควรระวัง
ประกันสุขภาพแบบไหนลดหย่อนภาษีได้ ?
เนื่องจากรัฐบาลต้องการส่งเสริมให้ประชาชนมีหลักประกันในชีวิต และสุขภาพ จึงอนุญาตให้นำค่าใช้จ่ายจากการซื้อประกันบางประเภทมาลดหย่อนภาษีได้ เพราะมองว่าการซื้อประกันคือการสร้างความมั่นคงอย่างหนึ่ง และถือเป็นการช่วยลดภาระของภาครัฐอีกด้วย โดยประกันที่เข้าเงื่อนไขต้องเป็นไปตามที่สรรพากรกำหนด และแต่ละรูปแบบก็มีเงื่อนไขในการลดหย่อนภาษีที่ต่างกัน ซึ่งในปัจจุบันกฎหมายอนุญาตให้ประกัน 4 ประเภท สามารถนำเบี้ยประกันภัยไปลดหย่อนภาษี ได้แก่ ประกันชีวิตแบบทั่วไปและประกันชีวิตแบบบำนาญ ส่วนอีก 2 ประเภทจะเป็นประกันสุขภาพ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
ประกันสุขภาพตนเอง
ประกันสุขภาพก็สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้เช่นเดียวกับประกันชีวิต โดยใช้ได้ทั้ง
- ประกันสุขภาพ คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล กรณีเจ็บป่วยและการบาดเจ็บ
- ประกันภัยอุบัติเหตุ คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลเมื่อประสบอุบัติเหตุ รวมถึงการสูญเสียอวัยวะ กระดูกแตกหัก ทุพพลภาพ
- ประกันภัยโรคร้ายแรง คุ้มครองเมื่อตรวจเจอโรคร้ายแรงบางชนิด เช่น โรคมะเร็ง
- ประกันภัยการดูแลระยะยาว คุ้มครองกรณีที่ผู้เอาประกันไม่สามารถทำกิจกรรมบางอย่างได้ด้วยตนเอง เช่น การเปลี่ยนจากนอนไปนั่ง การเดิน การแต่งกาย การอาบน้ำชำระร่างกาย การรับประทานอาหาร (ต่อเนื่องติดต่อกันไม่น้อยกว่า 180 วัน)
รายละเอียดสำคัญ
- ลดหย่อนได้สูงสุด : 25,000 บาทต่อปี
- การคำนวณ: หักได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง
ประกันสุขภาพของพ่อแม่
ประกันสุขภาพของพ่อแม่ของเราเองหรือพ่อแม่ของคู่สมรส เป็นอีกประกันสุขภาพที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ โดยผู้มีเงินได้ต้องแจ้งความประสงค์ที่จะใช้สิทธิ์ยกเว้นภาษีเงินได้ต่อผู้รับประกันภัยที่ได้เอาประกันไว้
เงื่อนไขสำคัญ
- เงื่อนไขของบิดามารดา
- บิดามารดาของผู้มีเงินได้ต้องไม่มีเงินได้พึงประเมินในปีภาษีที่ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้เกิน 30,000 บาท
- ต้องมีเลขประจำตัวประชาชนตามกฎหมาย
- ผู้มีเงินได้หรือบิดามารดาคนใดคนหนึ่งต้องอยู่ในไทยไม่น้อยกว่า 180 วันในปีภาษีนั้น
- เงื่อนไขของผู้ขอลดหย่อน
- ผู้มีเงินได้ต้องเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น บุตรบุญธรรมไม่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนนี้ได้
- การแบ่งการจ่าย
- หากผู้มีเงินได้หลายคนร่วมกันทำประกันสุขภาพสำหรับบิดามารดาให้ผู้มีเงินได้ทุกคนได้รับยกเว้นภาษีเงินได้โดยเฉลี่ยเบี้ยประกันที่ผู้มีเงินได้ร่วมกันจ่ายจริงแต่ไม่เกิน 15,000 บาท ตามส่วนจำนวนผู้มีเงินได้
- ในกรณีผู้มีเงินได้ต่างคนต่างทำกรมธรรม์ ให้ใช้สิทธิยกเว้นได้ทุกคน แต่ไม่เกิน 15,000 บาทต่อกรมธรรม์
ประเภทประกันที่ใช้ลดหย่อนได้
- ประกันรักษาพยาบาล - ความคุ้มครองเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลจากการเจ็บป่วยและบาดเจ็บ การชดเชยการทุพพลภาพและการสูญเสียอวัยวะ
- ประกันอุบัติเหตุ - เฉพาะที่ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล การทุพพลภาพ การสูญเสียอวัยวะ และการแตกหักของกระดูก
- ประกันโรคร้ายแรง(Critical Illnesses)
- ประกันการดูแลระยะยาว(Long Term Care)
- ต้องเป็นประกันสุขภาพจากบริษัทประกันในประเทศไทย
เจาะลึกสิทธิของประกันสุขภาพลดหย่อนภาษี
ตามกฎหมายภาษีอากรไทย ผู้มีเงินได้สามารถนำเบี้ยประกันสุขภาพส่วนบุคคลมาใช้เป็นรายการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ โดยมีเงื่อนไขและข้อจำกัดที่สำคัญดังนี้
สามารถยื่นขอลดหย่อนภาษีด้วยเบี้ยประกันสุขภาพได้สูงสุดไม่เกิน 25,000 บาทต่อปี แต่รวมกับเบี้ยประกันชีวิตแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี ซึ่งหมายความว่าหากมีทั้งประกันชีวิตและประกันสุขภาพ ยอดรวมของเบี้ยประกันทั้งสองประเภทต้องไม่เกิน 100,000 บาท
ตัวอย่างการคำนวณ สมมติคุณมีประกันชีวิตที่จ่ายเบี้ยประกันปีละ 80,000 บาท และต้องการซื้อประกันสุขภาพเพิ่ม คุณสามารถซื้อประกันสุขภาพที่มีเบี้ยเพื่อมาลดหย่อนเพิ่มเติมได้สูงสุด 20,000 บาทต่อปี เพื่อให้ใช้สิทธิลดหย่อนได้เต็มวงเงิน หากเบี้ยประกันสุขภาพเกินกว่า 20,000 บาท ส่วนที่เกินจะไม่ถูกมาคำนวณเพราะเกินเพดานการลดหย่อนภาษี
อีกตัวอย่างหนึ่ง หากคุณมีประกันชีวิตเบี้ยปีละ 50,000 บาท คุณสามารถซื้อประกันสุขภาพที่มีเบี้ยได้สูงสุด 25,000 บาท (ตามเพดานประกันสุขภาพ) หรือ 50,000 บาท (เพื่อให้รวมกันไม่เกิน 100,000 บาท) แล้วแต่จำนวนไหนจะน้อยกว่า ในกรณีนี้คือ 25,000 บาท
ประเภทประกันที่ได้สิทธิ ประกันสุขภาพที่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้ต้องเป็นประกันสุขภาพส่วนบุคคลที่ออกโดยบริษัทประกันวินาศภัยหรือประกันชีวิตที่ได้รับใบอนุญาตในประเทศไทย และต้องไม่เป็นประกันแบบคืนเงิน
เลือกประกันสุขภาพลดหย่อนภาษีอย่างไรให้ตอบโจทย์ทั้งความคุ้มครองและการลดหย่อน
- พิจารณาความคุ้มครองที่จำเป็น เริ่มต้นด้วยการประเมินความเสี่ยงด้านสุขภาพของตนเอง ประวัติครอบครัว และโรคที่มักพบในช่วงวัยของเรา เลือกกรมธรรม์ที่ครอบคลุมการรักษาโรคที่เรากังวลและมีความเสี่ยงสูง รวมถึงการตรวจสุขภาพป้องกันที่สำคัญ
- วงเงินและระดับการรักษา กำหนดวงเงินรักษาให้เหมาะสมกับโรงพยาบาลที่เราต้องการใช้บริการ และระดับห้องพักที่ต้องการ อย่าเลือกความคุ้มครองที่สูงเกินความจำเป็นจนทำให้เบี้ยประกันแพงเกินไป แต่ก็อย่าประหยัดจนไม่เพียงพอต่อการรักษา
- เปรียบเทียบเบี้ยประกันและสิทธิลดหย่อน เลือกกรมธรรม์ที่มีเบี้ยประกันเหมาะสมกับงบประมาณ และสามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้อย่างเต็มที่ หากมีประกันชีวิตอยู่แล้ว ให้คำนวณดูว่าสามารถซื้อประกันสุขภาพเพิ่มได้อีกเท่าไหร่โดยไม่เกินเพดานรวม
- ตรวจสอบเงื่อนไขพิเศษ อ่านรายละเอียดเงื่อนไขการยกเว้น ระยะเวลารอคอย และข้อจำกัดต่างๆ ให้ละเอียด เพื่อหวังความไม่คาดหวังเมื่อต้องใช้ประกัน
วางแผนประกันสุขภาพลดหย่อนภาษีให้เกิดประโยชน์สูงสุด
การวางแผนประกันสุขภาพเพื่องานสิทธิลดหย่อนภาษีอย่างมีประสิทธิภาพต้องพิจารณาปัจจัยหลายประการ
1.คำนวณผลตอบแทนจากการลดหย่อน
ประโยชน์ที่ได้จากการลดหย่อนขึ้นอยู่กับอัตราภาษีของเรา ยิ่งมีรายได้สูงและอยู่ในอัตราภาษีสูง ยิ่งได้ประโยชน์จากการลดหย่อนมากขึ้น ตัวอย่างเช่น หากอยู่ในอัตราภาษี 20% และใช้สิทธิลดหย่อนเต็มวงเงิน 25,000 บาท จะช่วยประหยัดภาษีได้ 5,000 บาท
2.เลือกจังหวะซื้อประกันสุขภาพลดหย่อนภาษีทเหมาะสม
หากทราบว่าในปีใดปีหนึ่งจะมีรายได้สูงกว่าปกติ เช่น ได้โบนัส หรือได้เงินจากการขายสินทรัพย์ ควรพิจารณาซื้อประกันสุขภาพลดหย่อนภาษีหรือเพิ่มความคุ้มครองในปีนั้นเพื่อใช้ประโยชน์จากการลดหย่อนให้สูงสุด
3.เปรียบเทียบการจ่ายรายปีกับรายเดือน
การจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพลดหย่อนภาษีแบบรายปีมักจะถูกกว่าแบบรายเดือน และสามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้ทันทีในปีที่จ่าย ในขณะที่การจ่ายรายเดือนอาจจะสะดวกกว่าสำหรับการจัดการกระแสเงินสด
4.วางแผนการเพิ่มความคุ้มครอง
สำหรับผู้ที่มีรายได้สูงและอยู่ในอัตราภาษีสูง การใช้สิทธิลดหย่อนเต็มเพดานจะคุ้มค่ามาก ตัวอย่างเช่น หากมีรายได้ในอัตราภาษี 35% การลดหย่อน 25,000 บาท จะช่วยประหยัดภาษีได้ 8,750 บาท ซึ่งถือว่าเป็นผลตอบแทนที่ดีมาก
ข้อควรระวังและสิ่งที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจซื้อประกันสุขภาพเพื่อลดหย่อนภาษี
แม้ว่าประกันสุขภาพจะให้ประโยชน์ด้านการลดหย่อนภาษี แต่การตัดสินใจซื้อควรคำนึงถึงหลักการสำคัญดังนี้
ความจำเป็นด้านสุขภาพเป็นหลัก อย่าซื้อประกันสุขภาพเพียงเพื่อต้องการสิทธิลดหย่อนเท่านั้น ต้องแน่ใจว่าประกันที่เลือกตอบโจทย์ความต้องการด้านสุขภาพและการเงินของเราจริงๆ การซื้อประกันที่ไม่จำเป็นหรือไม่เหมาะสมอาจจะสิ้นเปลืองมากกว่าประโยชน์ที่ได้รับ
อ่านกรมธรรม์อย่างละเอียด ศึกษาเงื่อนไขการยกเว้น ระยะเวลารอคอย การคุ้มครองซ้ำซ้อนกับประกันหรือสวัสดิการที่มีอยู่แล้ว และข้อจำกัดต่างๆ ให้ละเอียด เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเมื่อต้องใช้ประกัน
ตรวจสอบประกันที่ไม่เข้าข่ายลดหย่อน ประกันบางประเภทไม่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้ เช่น ประกันสุขภาพแบบคืนเงิน ประกันเดินทาง หรือประกันที่ออกโดยบริษัทต่างชาติที่ไม่ได้รับใบอนุญาตในไทย
หลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่พบบ่อย ข้อผิดพลาดที่คนมักพบ ได้แก่ การซื้อประกันสุขภาพลดหย่อนภาษีโดยไม่คำนวณเพดานการลดหย่อน ทำให้ไม่สามารถใช้สิทธิได้เต็มจำนวน หรือการซื้อประกันหลายกรมธรรม์จนเบี้ยรวมเกินเพดาน อีกทั้งการลืมนำใบกรมธรรม์และใบเสร็จมาใช้ในการยื่นแบบยื่นภาษี
วางแผนระยะยาว ประกันสุขภาพลดหย่อนภาษีเป็นความคุ้มครองระยะยาว ควรพิจารณาถึงการเปลี่ยนแปลงของสถานภาพการเงิน สุขภาพ และความต้องการในอนาคต เพื่อให้สามารถปรับแผนได้เหมาะสม
การมีประกันสุขภาพลดหย่อนภาษีที่เหมาะสมไม่เพียงแต่ช่วยคุ้มครองสุขภาพและการเงินของเรา แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการวางแผนภาษีอย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเข้าใจและวางแผนอย่างถูกต้อง ประกันสุขภาพจะกลายเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและยั่งยืนสำหรับอนาคตของเราและครอบครัว
ประกันสุขภาพลดหย่อนภาษีเป็นเครื่องมือช่วยจัดการภาษีที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากกฎหมายไทยอนุญาตให้นำเบี้ยประกันสุขภาพมาใช้เป็นรายการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ดังนั้นอย่าลืมวางแผนการเงินให้ดี เลือกประกันที่ใช้ลดหย่อนภาษีได้ และเลือกจ่ายเบี้ยประกันให้คุ้มที่สุด ซึ่งปัจจุบันบัตรเครดิต KTC ก็มีโปรโมชั่นร่วมกับบริษัทประกันชั้นนำมากมาย ทำให้นอกจากได้ซื้อประกันเพื่อลดหย่อนภาษีแล้วยังได้ความคุ้มค่ากลับมาอีกด้วย
สิทธิพิเศษที่ 1: เลือกรับสิทธิพิเศษที่ตรงใจ เครดิตเงินคืนหรือคะแนนพิเศษ โดยไม่จำกัดยอดรับสูงสุดตลอดรายการ ดังนี้
กรณีเลือกรับเครดิตเงินคืน:
รับเครดิตเงินคืน 1% ของค่าเบี้ยประกันภัย ไม่จํากัดตลอดรายการ เมื่อชําระค่าเบี้ยประกันภัย AIA ทั้งเบี้ยประกันปีแรก และเบี้ยประกันปีต่ออายุ 10,000 บาท ขึ้นไป/เซลล์สลิป
กรณีเลือกรับคะแนนพิเศษ:
25 บาท รับ 1 คะแนน KTC FOREVER / KTC ROP และรับเพิ่มคะแนนพิเศษสูงสุดถึง 25% เมื่อชำระค่าเบี้ยประกันภัย AIA ทั้งเบี้ยประกันปีแรก และเบี้ยประกันปีต่ออายุ ด้วยบัตรเครดิต KTC รับคะแนน KTC FOREVER / KTC ROP พิเศษสูงสุด ของคะแนนปกติ
สิทธิพิเศษที่ 2 : คะแนน KTC FOREVER ทุก 1,000 คะแนน แลกรับเครดิตเงินคืน 13% หรือ 130 บาท เมื่อชำระค่าเบี้ยประกันภัย AIA ทั้งเบี้ยประกันปีแรก และเบี้ยประกันปีต่ออายุ ผ่านบัตรเครดิต KTC ทุก 1,000 บาท/เซลส์สลิป
รับสิทธิ์ใช้คะแนน KTC FOREVER ทุก 1,000 คะแนน แลกรับเครดิตเงินคืน 13% หรือ 130 บาท คืนเข้าบัญชีบัตรเครดิต
ระยะเวลาโปรโมชั่น : 1 ก.ค. 68 – 31 ธ.ค. 68
- เคทีซีไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ประกันภัยตามรายการนี้
เมื่อชำระเบี้ยประกันชีวิตของ บมจ. กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต โดยการชำระแบบเต็มจำนวนทั้งเบี้ยประกันปีแรกและเบี้ยปีต่ออายุผ่านทุกช่องทาง ด้วยบัตรเครดิต KTC รับสิทธิพิเศษ 2 สิทธิ์ดังต่อไปนี้
สิทธิพิเศษที่ 1 : เลือกรับสิทธิพิเศษสุดคุ้ม เครดิตเงินคืน หรือ คะแนนพิเศษ
สำหรับเบี้ยประกันปีแรก รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 1.5%
สำหรับเบี้ยประกันปีต่ออายุ รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 1%
หรือ เลือกรับคะแนนพิเศษสูงสุด 25% : ไม่จำกัดจำนวนคะแนนพิเศษ ตามเงื่อนไขยอดชำระเบี้ยประกันทั้งปีแรกและปีต่ออายุ
สิทธิพิเศษที่ 2 : แลกรับเครดิตเงินคืนเพิ่มอีก 13% ของค่าเบี้ยประกันครบทุก 1,000 บาท ต่อเซลส์สลิป
โดยใช้คะแนน KTC FOREVER ทุกๆ 1,000 คะแนน เพื่อแลกรับเครดิตเงินคืน 130 บาท
ระยะเวลาโปรโมชั่น : 1 ก.ค. 68 – 31 ธ.ค. 68
- เคทีซีไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ประกันภัยตามรายการนี้
สิทธิพิเศษสําหรับสมาชิกบัตรเครดิต KTC ที่ชําระค่าเบี้ยประกันชีวิต หรือประกันสุขภาพ ทั้งเบี้ยปีแรก และ/หรือเบี้ยประกันปีต่ออายุของเอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต ผ่านทุกช่องทางการขาย จะได้รับสิทธิพิเศษสุดคุ้ม สิทธิ์ที่ 1 เลือกรับ เครดิตเงินคืน หรือ คะแนนพิเศษ และสิทธิ์ที่ 2 แลกรับเครดิตเงินคืนได้เพิ่ม 13% รายละเอียดดังนี้
สิทธิพิเศษที่ 1: เลือกรับสิทธิพิเศษที่ตรงใจ เครดิตเงินคืน หรือคะแนนพิเศษ โดยไม่จำกัดยอดรับสูงสุดตลอด
สิทธิพิเศษที่ 2: คะแนน KTC FOREVER ทุก 1,000 คะแนน แลกรับเครดิตเงินคืน 13% หรือ 130 บาท
หมายเหตุ: สมาชิกบัตรฯสามารถใช้คะแนนได้ตามจำนวนที่ต้องการแลกรับเครดิตเงินคืน สูงสุดไม่เกินยอดชำระค่าเบี้ยประกันผ่านบัตรฯ/เซลส์สลิป
ระยะเวลาโปรโมชั่น : 1 ก.ค. 68 – 31 ธ.ค. 68
- เคทีซีไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ประกันภัยตามรายการนี้
พิเศษสำหรับสมาชิกบัตรเครดิต KTC เมื่อชำระค่าเบี้ยประกันภัยแบบรายปี ของ บมจ. กรุงเทพประกันชีวิต ทั้งเบี้ยประกันภัยปีแรก และปีต่ออายุผ่านช่องทางตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาทางการเงิน ตั้งแต่ 10,000 บาท ขึ้นไป ต่อเซลล์สลิป ด้วยบัตรเครดิต KTC รับสิทธิพิเศษ 2 สิทธิ ดังรายละเอียดต่อไปนี้
สิทธิพิเศษที่ 1 : เลือกรับสิทธิพิเศษสุดคุ้ม เครดิตเงินคืน หรือ คะแนนพิเศษ
สิทธิพิเศษที่ 2 : แลกรับเครดิตเงินคืนเพิ่มอีก 13% ของค่าเบี้ยประกันครบทุก 1,000 บาท ต่อเซลส์สลิป โดยใช้คะแนน KTC FOREVER ทุกๆ 1,000 คะแนน เพื่อแลกรับเครดิตเงินคืน 130 บาท
ระยะเวลาโปรโมชั่น : 1 ก.ค. 68 – 31 ธ.ค. 68
- เคทีซีไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ประกันภัยตามรายการนี้
การมีประกันสุขภาพไม่เพียงแต่ช่วยคุ้มครองสุขภาพ แต่ยังช่วยลดภาระภาษีที่ต้องจ่ายในแต่ละปีอีกด้วย ส่วนใครยังไม่มีบัตรเครดิต KTC และไม่อยากพลาดสิทธิประโยชน์ดี ๆ แบบนี้ ก็สามารถสมัครบัตรเครดิต KTC ผ่านช่องทางออนไลน์ได้ ทุกที่ทุกเวลา พร้อมรับคะแนน KTC FOREVER จากทุกการใช้จ่ายผ่านบัตรฯ สะสมได้ไม่จำกัด และไม่มีวันหมดอายุ สามารถใช้คะแนนแลกรับส่วนลดหรือเครดิตเงินคืนได้ สมัครบัตรเครดิต KTC ไม่ยาก กดสมัครได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC KTC