ในช่วงสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ พี่เบิ้มเชื่อเลยว่าหลายคนคงกำลังตกอยู่ในภาวะชักหน้าไม่ถึงหลัง มีรายได้ไม่พอรายจ่าย ส่งผลให้การใช้เงินติดขัดไปหมด จนต้องไปหยิบยืมจากสถาบันการเงินด้วยการขอสินเชื่อรูปแบบต่าง ๆ รวมถึงหนี้บัตรเครดิต หรือหนี้ที่ไปยืมคนอื่นเขามา ทำให้หนี้สินพอกพูนเหมือนดินพอกหางหมู ขาดสภาพคล่องทางการเงิน วันนี้พี่เบิ้มเลยอยากมาแชร์เคล็ดลับการวางแผนชำระหนี้อย่างเป็นระบบ ปลดภาระบนบ่าลง และนำเงินไปสร้างอนาคตได้ดังที่ตั้งใจกันครับ
ทำรายการหนี้สินที่ต้องชำระทั้งหมด
อย่างแรกที่พี่เบิ้มขอแนะนำในการเริ่มวางแผนชำระหนี้ คือ การลิสต์รายการต่าง ๆ ออกมาว่ามีหนี้สินอะไรที่ต้องชำระบ้าง และแต่ละอย่างต้องจ่ายกี่เดือน วันครบกำหนดชำระเมื่อไหร่ รวมถึงตรวจสอบอัตราดอกเบี้ย พร้อมทั้งจัดลำดับความสำคัญอย่างรอบคอบ โดยหลักการสำคัญของการวางแผนชำระหนี้ คือ เราจะต้องแบ่งประเภทและหมวดหมู่ของหนี้สิน เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าจำนวนเงินที่ต้องจ่ายทั้งหมดมียอดรวมเท่าไร และรายการไหนควรจ่ายก่อนจ่ายหลัง เนื่องจากบางคนอาจจะมีทั้งหนี้สำหรับการผ่อนชำระสินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์ หนี้บัตรเครดิต หรือหนี้รูปแบบอื่น ๆ
ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้เรารู้ภาระค่าใช้จ่ายของเราทั้งหมดว่ามีเท่าไร เพื่อเริ่มวางแผนชำระหนี้อย่างเป็นระบบ
แยกหนี้ระยะยาวกับหนี้ระยะสั้นออกจากกัน
ขั้นตอนถัดมาที่พี่เบิ้มอยากแนะนำให้ทุกคนทำในการวางแผนชำระหนี้ คือ การแยกหนี้ระยะยาวกับหนี้ระยะสั้นออกจากกัน ใครที่กำลังสงสัยว่าหนี้แบบไหนคือหนี้ระยะยาวแล้วแบบไหนคือหนี้ระยะสั้น
สำหรับหนี้ระยะยาว จะเป็นสินเชื่อกู้ซื้อบ้านหรือสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่มีระยะเวลาการผ่อนชำระเงินสินเชื่อที่ค่อนข้างนานกว่า ส่วนหนี้ระยะสั้น ยกตัวอย่างเช่น หนี้บัตรเครดิต ยอดคงค้างสินเชื่อแบบผ่อนชำระรายงวด หรือค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภคอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ หากทุกคนสามารถแยกประเภทหนี้ได้ถูกต้อง ก็จะช่วยให้การวางแผนชำระหนี้เป็นระบบมากยิ่งขึ้น และทำให้สามารถปลดหนี้ได้เร็วขึ้นนั่นเอง
พยายามปลดหนี้ระยะสั้นที่มีดอกเบี้ยสูงก่อนหนี้ระยะยาวที่มีดอกเบี้ยต่ำ
ใครที่มีหนี้หลายก้อน จ่ายบิลหลายใบจนปวดหัว ไม่รู้จะจ่ายอันไหนก่อนดี พี่เบิ้มแนะนำให้ดูแบบง่าย ๆ ได้เลยว่า ให้วางแผนชำระหนี้โดยการชำระหนี้ระยะสั้นที่มีงวดชำระน้อย แต่มีอัตราดอกเบี้ยสูงก่อน เช่น หนี้บัตรเครดิต หรือสินเชื่อแบบผ่อนชำระรายงวด เพื่อลดจำนวนเงินที่ต้องจ่าย และช่วยให้ปิดบัญชีสินเชื่อได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นครับ หลังจากนั้นค่อยวางแผนชำระหนี้ระยะยาวอย่าง สินเชื่อบ้าน หรือสินเชื่อรถยนต์ เพราะหนี้ประเภทนี้มักมีงวดผ่อนชำระมาก และมีอัตราดอกเบี้ยต่ำ รวมถึงยังสามารถขอเจรจาประนอมหนี้ หรือทำรีไฟแนนซ์กับทางสถาบันเงินในภายหลังได้
ลดค่าใช้จ่าย เพิ่มสภาพคล่อง
อีกหนึ่งเคล็ดลับของการวางแผนชำระหนี้ที่พี่เบิ้มขอแชร์แบบรัว ๆ คือ การเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน คือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่ายของตนเอง โดยการหลีกเลี่ยงการเป็นราชาเงินผ่อน และตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไปแบบไม่ต้องเสียดาย เพื่อหยุดอาการเสพติดการเป็นหนี้ของเรา
ทริคง่าย ๆ ที่พี่เบิ้มอยากให้ทุกคนลองไปทำตามก็คือ ให้แบ่งเงิน หรือกำหนดคร่าว ๆ ว่าแต่ละวันเรามีงบในการใช้จ่ายเท่าไรบ้าง และพยายามใช้จ่ายไม่ให้เกินกว่าที่กำหนด ส่วนเงินที่เหลือก็แยกเก็บเข้าบัญชีออมทรัพย์ เพื่อให้การวางแผนชำระหนี้เป็นระบบมากขึ้น
ขอพักชำระหนี้ในกรณีจ่ายต่อไม่ไหว
หากว่าใครพยายามจนสุดกำลังแล้วแต่ยังจ่ายต่อไม่ไหว การขอพักชำระหนี้กับทางธนาคาร หรือสถาบันการเงินก็เป็นตัวเลือกอย่างหนึ่ง ซึ่งวิธีนี้พี่เบิ้มแนะนำให้เป็นทางเลือกสุดท้ายครับ เพราะท้ายที่สุดแล้วเราก็ต้องจ่ายหนี้ต่าง ๆ อยู่ดี เพียงแต่การพักชำระหนี้จะช่วยให้เราชะลอการจ่ายหนี้เอาไว้ก่อนชั่วคราว โดยทุกคนสามารถขอคำปรึกษากับทางเจ้าหน้าที่ในฐานะลูกหนี้ ซึ่งจะช่วยไม่ให้เราเสียประวัติทางการเงิน
ทั้งหมดนี้เป็นเคล็ดลับการวางแผนชำระหนี้อย่างเป็นระบบ ที่สามารถลองนำไปปรับใช้ในช่วงเศรษฐกิจถดถอยหรือในช่วงที่ขาดรายได้ สำหรับพี่เบิ้มแล้วพี่เบิ้มเชื่อว่าหากทุกคนมีวินัยในการใช้จ่ายอย่างสม่ำเสมอ และมีการวางแผนที่ดี ปัญหาเรื่องหนี้สินก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะแก้ไข แต่ถ้าหากใครที่กำลังเผชิญกับปัญหาทางการเงิน และไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี พี่เบิ้มคนนี้ก็พร้อมยินดีให้คำปรึกษาและให้คำแนะนำกับทุกคนเสมอครับ หรือหากว่าใครสนใจที่จะรวมสินเชื่อเป็นก้อนเดียวกันหรือชำระดอกเบี้ยในเงินในอัตราที่ต่ำกว่า สามารถติดต่อพี่เบิ้มและเพื่อน ๆ ได้ สามารถกรอกข้อมูลที่นี่ หรือไปที่จุดบริการ KTC TOUCH ถ้าใครไม่สะดวก เราก็มีบริการพี่เบิ้ม Delivery ไปประเมินสภาพรถและอนุมัติวงเงินถึงบ้านเลย