สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่กำลังมองหาวิธีสร้างรายได้แบบมั่นคงจากการลงทุนในหุ้น “หุ้นปันผล” ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะนอกจากมูลค่าหุ้นที่สามารถเติบโตได้ตามกาลเวลาแล้ว ยังได้รับผลตอบแทนในรูปแบบของเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับหุ้นปันผลว่าแท้จริงแล้วคืออะไร ทำไมถึงเป็นที่นิยมในหมู่นักลงทุน และแนะนำแนวทางการลงทุนหุ้นปันผลอย่างถูกต้อง เพื่อช่วยให้คุณเริ่มต้นได้อย่างมั่นใจ
หุ้นปันผลคืออะไร (Dividend Stocks)
หุ้นปันผล คือ หุ้นของบริษัทที่มีการแบ่งส่วนกำไรให้กับผู้ถือหุ้นในรูปแบบของเงินปันผล (Dividend) โดยทั่วไปแล้วจะเป็นบริษัทที่มีผลประกอบการมั่นคง และมีกระแสเงินสดดี การจ่ายปันผลอาจเกิดขึ้นทุกไตรมาส ครึ่งปี หรือปีละครั้ง ขึ้นอยู่กับนโยบายของบริษัท นักลงทุนที่ถือหุ้นเหล่านี้ไว้จะได้รับผลตอบแทนแม้ราคาหุ้นจะไม่ได้ขึ้นมากก็ตาม
หลักการของหุ้นปันผล
หุ้นปันผลมีบทบาทสำคัญในการสร้างรายได้แบบ Passive Income และช่วยลดความเสี่ยงในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวน นักลงทุนสามารถใช้เงินปันผลที่ได้รับไปต่อยอดหรือสะสมเพื่อสร้างผลตอบแทนทบต้นในระยะยาวได้ นอกจากนี้ หุ้นปันผลยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนแบบเน้นความมั่นคงมากกว่าการเก็งกำไรอย่างรวดเร็ว
โดยทั่วไปแล้วการลงทุนหุ้นปันผลสามารถสร้างผลตอบแทนได้ 2 รูปแบบ คือ
1. กำไรจากส่วนต่างราคา (Capital Gain) หรือการขายหุ้นในราคาสูงกว่าที่ซื้อมา
2. เงินปันผล (Dividend) เมื่อบริษัทมีผลกำไรจากการดำเนินการ และแบ่งเงินบางส่วนจากกำไรมาจ่ายให้ผู้ถือหุ้น โดยหุ้นที่เน้นจ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าเงินก้อนนี้จะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จะเรียกว่าหุ้นปันผล
ที่มา : https://www.setinvestnow.com/th/knowledge/article/397-investhow-must-know-dividend-2023
ประเภทของหุ้นปันผล
แม้คำว่า “หุ้นปันผล” จะดูเหมือนเรียกแบบเดียวกันทั้งหมด แต่ในความเป็นจริงสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท ตามลักษณะการจ่ายปันผลและวัตถุประสงค์ของบริษัท ดังนี้
1. หุ้นปันผลสูง (High Dividend Yield Stocks)
เป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงเมื่อเทียบกับราคาหุ้น เช่น 5% ขึ้นไป เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรายได้ประจำหรือเน้น Passive Income แต่ต้องระวังคุณภาพของบริษัท เพราะบางครั้งหุ้นปันผลสูงอาจมีความเสี่ยงแฝง
2. หุ้นปันผลเติบโต (Dividend Growth Stocks)
เป็นหุ้นที่ไม่เพียงแต่จ่ายปันผลสม่ำเสมอ แต่ยังมีแนวโน้ม “เพิ่ม” จำนวนเงินปันผลในแต่ละปี เช่น หุ้นที่ขึ้นเงินปันผลปีละ 5-10% เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาการเติบโตของรายได้ในระยะยาว
3. หุ้นปันผลสม่ำเสมอ (Stable Dividend Stocks)
หุ้นในกลุ่มนี้จ่ายปันผลในอัตราคงที่ทุกปี มีความเสถียรสูง เช่น หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค พลังงาน ธนาคาร มักเป็นหุ้นที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนสายอนุรักษ์นิยม
4. หุ้นปันผลพิเศษ (Special Dividend Stocks)
คือหุ้นที่จ่ายปันผลแบบไม่สม่ำเสมอ หรือจ่ายเพิ่มพิเศษจากผลกำไรพิเศษในช่วงใดช่วงหนึ่ง เช่น กรณีขายทรัพย์สินหรือมีกำไรพิเศษชั่วคราว เหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับได้กับความไม่แน่นอน
ทำไมต้องลงทุนในหุ้นปันผล?
ข้อดีของหุ้นปันผล
- ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของตลาดต่ำ
- หุ้นที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอมักเป็นบริษัทที่มั่นคง มีรายได้แน่นอน ทำให้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในตลาดอย่างมีเสถียรภาพกว่าหุ้นเติบโต ( ที่มา : https://th.trade.z.com/content-detail?id=Dividend_Stock )
- ผลตอบแทนรวมในระยะยาวสูงขึ้น หากนำเงินปันผลที่ได้รับไป “ลงทุนซ้ำ” หรือเรียกว่า Dividend Reinvestment จะช่วยเพิ่มผลตอบแทนรวมของพอร์ตการลงทุนในระยะยาว
- การล่อลวงด้วย Dividend Yield สูงเกินจริง หุ้นที่มีปันผลสูงผิดปกติ อาจเกิดจากราคาหุ้นที่ลดลงมากจากปัจจัยลบ เช่น ธุรกิจตกต่ำหรือมีปัญหาทางการเงิน
ข้อควรระวังของหุ้นปันผล
- เมื่อได้รับเงินปันผลจากหุ้น บริษัทจะทำการหักภาษี ณ ที่จ่ายตามอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ก่อนจ่ายเงินให้นักลงทุน ดังนั้น นักลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจเรื่องภาษีเงินปันผลให้รอบด้าน เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อผลตอบแทนสุทธิที่ได้รับ
- มีความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับกระแสเงินสด เพราะบางบริษัทอาจมีการจ่ายปันผลเป็นหุ้นแทน
( ที่มา : https://th.trade.z.com/content-detail?id=Dividend_Stock ) - หุ้นปันผลบางตัวอาจอยู่ในอุตสาหกรรมที่กำลังถูก Disrupt หรือมีความเสี่ยงจากกฎหมายและนโยบายรัฐ เช่น พลังงานหรือสื่อสาร
- การล่อลวงด้วย Dividend Yield สูงเกินจริง หุ้นที่มีปันผลสูงผิดปกติ อาจเกิดจากราคาหุ้นที่ลดลงมากจากปัจจัยลบ เช่น ธุรกิจตกต่ำหรือมีปัญหาทางการเงิน
หุ้นปันผลเหมาะกับใคร ?
หุ้นปันผลเหมาะกับนักลงทุนระยะยาว เนื่องจากหุ้นที่พื้นฐานธุรกิจดีมีอนาคตเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงควรมีช่วงระยะเวลาเพียงพอที่จะรอให้กิจการเติบโต และรอผลตอบแทนจากเงินปันผลในอนาคต และยังเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการสภาพคล่องเพราะมีผลตอบแทนสม่ำเสมอเป็นเงินสดทุกๆปี
ที่มา : https://www.setinvestnow.com/th/stock/how-to-pick-dividend-stock
วิธีการเลือกหุ้นปันผล
1. สถานะทางการเงินของบริษัท
การที่บริษัทจะจ่ายปันผลได้ต้องมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยอาจจะดูจาก “หนี้สินต่อทุน” (D/E Ratio) มากเกินไปหรือไม่” และเป็นหนี้ระยะสั้นหรือระยะยาว รวมถึงดูกำไรสะสม หากบริษัทไหนยังขาดทุนสะสมอยู่ถึวแม้จะมีกำไรสุทธิระหว่างงวดแต่บริษัทอาจนำเงินเหล่านั้นไปชดเชยในส่วนที่ยังขาดทุนสะสมอยู่ ทำให้ผู้ถือหุ้นอาจไม่ได้รับเงินปันผลก็ได้ ( ที่มา : https://www.setinvestnow.com/th/stock/how-to-pick-dividend-stock )
2. มีสภาพคล่องในการซื้อขาย
ต่อให้เป็นหุ้นที่ให้ปันผลดี แต่มีสภาพคล่องน้อย การซื้อขายแต่ละครั้งอาจทำได้ยากและต้องใช้เวลานาน ดังนั้น ควรเลือกหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่พอสมควร ( ที่มา : https://www.setinvestnow.com/th/stock/how-to-pick-dividend-stock )
3. อัตราผลตอบแทนจากปันผล (Dividend Yield)
เป็นการวัดว่าเงินปันผลที่ได้รับเทียบกับราคาหุ้นเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ ช่วยให้รู้ว่าการลงทุนในหุ้นนั้นคุ้มค่าหรือไม่ ( ยิ่งสูงยิ่งดี แต่ควรอยู่ในระดับสมเหตุสมผล (เช่น 3–6%))
วิธีการตรวจสอบอัตราผลตอบแทนจากปันผล (Dividend Yield)
Dividend Yield = (เงินปันผลต่อหุ้น ÷ ราคาหุ้นปัจจุบัน) × 100
ตัวอย่าง: หากหุ้น A จ่ายปันผลปีละ 4 บาท และราคาหุ้นปัจจุบันคือ 100 บาท
Dividend Yield = (4 ÷ 100) × 100 = 4%
4. ความต่อเนื่องในการจ่ายปันผลย้อนหลัง
บริษัทที่จ่ายปันผลติดต่อกันหลายปี แสดงถึงเสถียรภาพของกิจการและความใส่ใจต่อผู้ถือหุ้น
วิธีการลงทุนหุ้นปันผลสำหรับมือใหม่
การลงทุนในหุ้นปันผลเป็นแนวทางที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการ “รายได้ประจำ” ควบคู่ไปกับการเติบโตของเงินลงทุนในระยะยาว โดยเฉพาะนักลงทุนมือใหม่ การเริ่มต้นอย่างถูกต้องจะช่วยให้การลงทุนปลอดภัยและมีโอกาสสร้างผลตอบแทนอย่างต่อเนื่อง
ขั้นตอนในการเริ่มต้นซื้อหุ้นปันผล
- เปิดบัญชีซื้อขายหุ้นกับโบรกเกอร์
เลือกโบรกเกอร์ที่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. จากนั้นยืนยันตัวตน และเชื่อมบัญชีธนาคาร
- ศึกษาข้อมูลหุ้นปันผลที่สนใจ
ศึกษาประวัติการจ่ายปันผล, Dividend Yield, Payout Ratio และฐานะการเงินของบริษัทผ่านเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์ (SET) หรือแอปวิเคราะห์หุ้น
- กำหนดงบประมาณและเป้าหมายการลงทุน
เช่น ต้องการรายได้เดือนละ 3,000 บาทจากเงินปันผล ต้องวางแผนว่าจะต้องถือหุ้นเท่าไหร่ และใช้เงินลงทุนเท่าใด
- เริ่มต้นซื้อหุ้นตามแผนที่วางไว้
แนะนำให้เริ่มจากหุ้นพื้นฐานดี ปันผลสม่ำเสมอ และไม่หวือหวา เช่น กลุ่มสาธารณูปโภค หรือ REITs
ช่องทางการลงทุนในหุ้นปันผล
- ผ่านโบรกเกอร์หรือแอปพลิเคชันลงทุน
เช่น แอป Krungthai NEXT โดยใช้ฟีเจอร์ NEXT INVEST, Streaming, Finnomena ฯลฯ ซึ่งช่วยให้ซื้อ-ขายหุ้นได้สะดวก พร้อมดูข้อมูลประกอบการตัดสินใจได้แบบเรียลไทม์ - การลงทุนแบบ DCA (Dollar-Cost Averaging)
คือการทยอยลงทุนด้วยจำนวนเงินเท่า ๆ กันทุกเดือน เช่น เดือนละ 3,000 บาท โดยไม่ต้องกังวลกับราคาหุ้นในแต่ละช่วง ช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด และสะสมหุ้นได้ในระยะยาว
เคล็ดลับการเล่นหุ้นปันผลให้ได้กำไรสำหรับมือใหม่
แม้หุ้นปันผลจะขึ้นชื่อเรื่องความมั่นคงและรายได้สม่ำเสมอ แต่การจะ “ได้กำไร” อย่างแท้จริงจากหุ้นประเภทนี้ ยังต้องอาศัยการวางแผนและกลยุทธ์ที่ดี บทนี้จะพาไปดูเคล็ดลับที่ช่วยให้การลงทุนในหุ้นปันผลออกผลเต็มเม็ดเต็มหน่วย
1. กระจายความเสี่ยง
การกระจายความเสี่ยง เป็นหัวใจของการลงทุนทุกประเภท รวมถึงหุ้นปันผล การถือหุ้นปันผลเพียงตัวเดียวอาจเสี่ยงหากบริษัทมีปัญหาหรือหยุดจ่ายปันผลชั่วคราว
2. การตรวจสอบผลประกอบการของบริษัท
ควรเลือกบริษัทที่มีกำไรสุทธิเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 3–5 ปี และมีประวัติการจ่ายปันผลสม่ำเสมอ
3. การเลือกหุ้นปันผลจากหลายอุตสาหกรรม
ตลาดหุ้นมีความผันผวนตามวัฏจักรเศรษฐกิจ หากลงทุนกระจุกตัวในอุตสาหกรรมเดียว อาจได้รับผลกระทบในช่วงที่อุตสาหกรรมนั้นชะลอตัว ควรกระจายการลงทุนไปในหลายๆอุตสาหกรรม เช่น กลุ่มสาธารณูปโภค (EGCO, BGRIM) กลุ่มพลังงาน (ปตท., GPSC) เป็นต้น
4. การใช้ Dividend Reinvestment Plans (DRIPs)
DRIPs คือกลยุทธ์การนำเงินปันผลที่ได้รับ “กลับไปซื้อหุ้นเพิ่ม” โดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยเพิ่มจำนวนหุ้นที่ถืออยู่แบบไม่ต้องเติมเงินเพิ่ม แม้ในไทยจะยังไม่มี DRIP แบบอัตโนมัติเหมือนบางประเทศ แต่คุณสามารถสร้าง “DRIP ด้วยตัวเอง” ได้ โดยนำเงินปันผลมาซื้อหุ้นเดิมในช่วงเวลาที่เหมาะสม
หุ้นปันผลคือทางเลือกการลงทุนที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างรายได้อย่างมั่นคงในระยะยาว โดยเน้นการได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผลควบคู่ไปกับโอกาสเติบโตของมูลค่าหุ้น การเล่นหุ้นปันผลให้ได้กำไรนั้นไม่ใช่เรื่องยาก หากเริ่มต้นด้วยการศึกษาข้อมูลพื้นฐาน เลือกหุ้นที่มีผลประกอบการดี กระจายความเสี่ยง และมีวินัยในการลงทุนระยะยาว สำหรับมือใหม่ที่เริ่มวางแผนการลงทุนอย่างจริงจัง อย่าลืมบริหารค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันให้มีประสิทธิภาพควบคู่กันไปด้วย โดยการใช้บัตรเครดิต KTC ที่มอบทั้งความสะดวกสบาย สิทธิพิเศษ และโปรโมชั่นที่ช่วยให้คุณใช้จ่ายคุ้มค่า พร้อมวางแผนทางการเงินอย่างมืออาชีพ หากยังไม่มีบัตร สามารถสมัครบัตรเครดิต KTC ได้ด้วยตัวเองง่าย ๆ ออนไลน์ทุกที่ทุกเวลา
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC