ปัจจุบันนี้การลงทุนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของใครหลายคน โดยเฉพาะการเทรดหุ้น หรือการซื้อขายหุ้น ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการเพิ่มมูลค่าเงินออมให้เติบโต หลายคนมองว่าการเทรดหุ้นนั้นให้โอกาสในการสร้างกำไรอย่างรวดเร็ว แต่สำหรับนักเทรดหุ้นมือใหม่ การเทรดหุ้นอาจเป็นเรื่องซับซ้อน และยังต้องการศึกษาข้อมูลที่มากขึ้น ดังนั้น บทความนี้จะช่วยแนะนำสิ่งที่นักเทรดหุ้นมือใหม่ควรรู้ เช่น วิธีเทรดหุ้น มือใหม่ต้องรู้อะไรบ้าง ความเสี่ยงต่างๆ เหตุผลที่ราคาหุ้นขึ้นลง ฯลฯ เพื่อให้สามารถตัดสินใจลงทุนได้อย่างมั่นใจ
เทรดหุ้น คืออะไร ?
การเทรดหุ้นคือการซื้อขายหุ้นของบริษัทที่มีการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยผู้ซื้อหุ้นจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นเจ้าของบริษัทนั้นๆ และมีสิทธิ์ได้รับส่วนแบ่งกำไรในรูปของเงินปันผล ในทางกลับกัน ผู้ขายหุ้นคือผู้ที่ตัดสินใจขายหุ้นเพื่อรับผลกำไร หรือเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด
หุ้นมีกี่ประเภท ?
หุ้นแบ่งออกเป็นหลายประเภท แต่ที่พบเห็นทั่วไป คือ
- หุ้นสามัญ (Common Stock) : หุ้นประเภทนี้มักจะให้สิทธิ์ในการออกเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้นและมีส่วนร่วมในผลกำไรของบริษัท แต่มีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นในตลาด
- หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock) : เป็นหุ้นที่ให้สิทธิ์ในการรับเงินปันผลก่อนหุ้นสามัญ แต่ไม่มีสิทธิ์ออกเสียง และราคามักจะมีเสถียรภาพมากกว่าเล็กน้อย
ในประเทศไทยมีผลิตภัณฑ์ทางการเงินอะไรให้เทรดบ้าง ?
นอกจากการซื้อขายหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิแล้ว ในประเทศไทยยังมีผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ อีก เช่น
- กองทุนรวม : การลงทุนผ่านกองทุนรวมเป็นการรวมเงินจากนักลงทุนหลายๆ คน เพื่อนำไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เช่น หุ้น ตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ ทำให้นักลงทุนได้กระจายความเสี่ยงและไม่ต้องจัดการการลงทุนด้วยตนเอง เพราะมีผู้จัดการกองทุนควรดูแล
- ตราสารหนี้ : ตราสารทางการเงินที่รัฐบาลหรือบริษัทเอกชนออกขายให้กับนักลงทุนเพื่อระดมทุน โดยผู้ลงทุนในตราสารหนี้จะได้รับผลตอบแทนในรูปแบบดอกเบี้ยตามอัตราที่กำหนดไว้ในสัญญา และจะได้รับเงินต้นคืนเต็มจำนวนเมื่อครบกำหนดอายุของตราสาร ทั้งนี้ ตราสารหนี้ถือเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าเมื่อเทียบกับหุ้น เนื่องจากมีการจ่ายดอกเบี้ยที่แน่นอนและระยะเวลาที่ชัดเจน จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกระแสเงินสดสม่ำเสมอและรับความเสี่ยงได้ต่ำ
การเลือกผลิตภัณฑ์การลงทุนให้เหมาะสมกับเป้าหมายและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ จะช่วยให้คุณสร้างโอกาสในการเติบโตทางการเงินและสามารถบริหารจัดการพอร์ตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เทรดหุ้นมือใหม่ สิ่งสำคัญคือ ศึกษาความรู้พื้นฐาน คำศัพท์, ทำความเข้าใจวิธีวิเคราะห์หุ้นเบื้องต้น
ก่อนเริ่มเทรดหุ้น มือใหม่ต้องรู้อะไรบ้าง ?
ก่อนเริ่มเทรดหุ้น นักเทรดหุ้นมือใหม่จำเป็นต้องวางแผนการเทรดให้รอบคอบ ด้วยวิธีการต่างๆ ดังต่อไปนี้
- ตั้งเป้าหมายการลงทุนที่ชัดเจนว่าต้องการอะไรจากการลงทุน เช่น ต้องการสร้างรายได้ระยะยาว ต้องการเก็งกำไรระยะสั้น
- ศึกษาตลาดหุ้นและทำความเข้าใจพื้นฐานการลงทุน เช่น การอ่านกราฟและดัชนีที่เกี่ยวข้อง กลไกการซื้อขาย ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาหุ้น และข่าวสารที่เกี่ยวข้อง
- วางแผนการลงทุน โดยกำหนดเป้าหมายและงบประมาณ รวมถึงระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
- เรียนรู้เกี่ยวกับการวิเคราะห์หุ้น เช่น การวิเคราะห์หุ้นทั้งแบบพื้นฐาน (Fundamental Analysis) และแบบทางเทคนิค (Technical Analysis) เพื่อเลือกหุ้นที่น่าลงทุน และเหมาะกับตนเอง
- เปิดบัญชีการลงทุนกับบริษัทหลักทรัพย์ที่น่าเชื่อถือ มีระบบการซื้อขายที่สะดวก และมีค่าธรรมเนียมที่เหมาะสม
- มือใหม่ที่ชอบเทรดหุ้นผ่านแอป แล้วไม่รู้ว่าจะพิจารณาเทรดหุ้นแอปไหนดี แนะนำให้เลือกแอปเทรดหุ้นที่เหมาะกับความต้องการและสไตล์การลงทุนของคุณ โดยพิจารณาจากความสะดวกในการใช้งาน ความน่าเชื่อถือ และบริการเสริมที่ตรงกับเป้าหมายการลงทุน
ความเสี่ยงของการลงทุนหุ้นมีอะไรบ้าง ?
การลงทุนในหุ้นมีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่สูง แต่ก็มีความเสี่ยงที่นักลงทุนควรตระหนักและเตรียมพร้อมรับมือด้วยเช่นกัน ดังนี้
- ความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหุ้น : ราคาหุ้นอาจขึ้นลงอย่างรวดเร็วตามภาวะตลาด ข่าวสาร และปัจจัยต่างๆ ทำให้ผู้ลงทุนต้องพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด
- ความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจ : การเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ สามารถส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นได้ เช่น ในช่วงเศรษฐกิจถดถอย นักลงทุนอาจเผชิญกับการลดลงของมูลค่าพอร์ตการลงทุน
- ความเสี่ยงจากอุตสาหกรรม : แต่ละอุตสาหกรรมมีความเสี่ยงเฉพาะตัวที่แตกต่างกัน เช่น อุตสาหกรรมเทคโนโลยีอาจได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของนวัตกรรม ในขณะที่อุตสาหกรรมพลังงานอาจได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงราคาน้ำมัน การศึกษาลักษณะเฉพาะของแต่ละอุตสาหกรรมจะช่วยให้นักลงทุนเข้าใจความเสี่ยงในภาพรวม
- ความเสี่ยงจากการจัดการภายในบริษัท : ผลการดำเนินงานและการบริหารจัดการของบริษัทมีผลต่อราคาหุ้นอย่างมาก ปัญหาภายในองค์กร เช่น การตัดสินใจบริหารที่ไม่ดี หรือการเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อราคาหุ้น
ราคาหุ้นขึ้นลงเพราะอะไร ?
ราคาหุ้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยปัจจัยหลักๆ ที่มีอิทธิพลต่อการขึ้นลงของราคาหุ้น ได้แก่
- อุปสงค์และอุปทาน : หากมีผู้ต้องการซื้อหุ้นมากกว่าผู้ขาย ราคาหุ้นจะมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น แต่หากมีผู้ขายมากกว่าผู้ซื้อ ราคาหุ้นก็จะลดลงตามธรรมชาติของตลาด
- ข่าวสารและเหตุการณ์สำคัญ : ข้อมูลหรือข่าวสารต่างๆ สามารถกระทบต่อราคาหุ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ ยกตัวอย่างเช่น หากมีข่าวเกี่ยวกับผลประกอบการที่ดีของบริษัท มักจะส่งผลให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น ขณะที่ข่าวร้าย เช่น ข่าวปัญหาภายในองค์กร หรือข่าวการเปลี่ยนแปลงในทีมบริหาร ก็อาจทำให้ราคาหุ้นตกลงได้เช่นกัน
- ภาวะเศรษฐกิจและการเมือง : เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งหรือสถานการณ์การเมืองที่มีเสถียรภาพ มักช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นเติบโต ในทางกลับกันหากภาวะเศรษฐกิจถดถอย เกิดวิกฤตการณ์ทางการเมือง หรือมีปัจจัยเสี่ยงภายนอก เช่น ภัยธรรมชาติ หรือการเปลี่ยนแปลงนโยบายจากรัฐบาล ก็จะสร้างความผันผวนให้กับราคาหุ้นได้
การลงทุนในหุ้นมีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน และไม่ควรลงทุนเกินกว่าที่ตัวเองสามารถรับความเสี่ยงได้ ทั้งนี้ การลงทุนในหุ้นอาจต้องใช้เวลาและความรู้ในการตัดสินใจ แต่การมีบัตรเครดิตที่เปรียบเสมือนเครื่องมือที่ช่วยให้การจัดการการเงินสะดวกขึ้นก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เพราะช่วยให้คุณสามารถจัดการการเงินในการลงทุนได้สะดวกยิ่งขึ้น อีกทั้งได้รับสิทธิประโยชน์ที่มากมาย
สำหรับสมาชิกบัตรเครดิต KTC โดยทุกการใช้จ่ายผ่านบัตร 25 บาท รับ 1 คะแนน KTC FOREVER โดยสามารถนำไปแลกรับส่วนลดหรือสิทธิประโยชน์ต่างๆ ได้ หรือต้องการใช้เงินสดก็เบิกถอนผ่านแอป KTC Mobile โอนตรงเข้าบัญชีได้เลย ซึ่งทำให้การลงทุนของคุณคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น
หากใครสนใจ สามารถสมัครบัตรเครดิต KTC ออนไลน์ได้ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC