ป่วยกายน่ากังวล แต่ป่วยใจน่ากังวลกว่า
ช่วงที่โควิด-19 กำลังระบาด ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตเป็นอย่างมาก และสร้างความเครียดให้กับคนหลายกลุ่มไม่น้อย ซึ่งตอนนี้สายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโคโรนาได้มีการกลายพันธุ์เพื่อความอยู่รอด ทำให้วัคซีนบางตัวด้อยประสิทธิภาพลง ขณะที่วัคซีนบางตัวไม่สามารถต้านไวรัสได้ ยังไม่รวมผลข้างเคียงจากวัคซีนโควิดหรือที่เรียกว่าแพ้วัคซีนโควิด เรื่องนี้สร้างความหวั่นใจให้กับผู้คนอย่างมากมาย ทำให้สถานการณ์ในตอนนี้เต็มไปด้วยความตึงเครียดและสิ้นหวัง ส่งผลให้จิตแพทย์เข้ามามีบทบาทในการสร้างพลังใจและปลุกพลังบวกให้เกิดขึ้นแก่ผู้คนในสังคม
ผลกระทบจากโควิด-19 ในชีวิตประจำวัน
ร้านค้าปิดเร็วกว่ากำหนดในช่วงโควิด-19
โควิด-19 ไม่ใช่เรื่องไกลตัว ทุกคนมีโอกาสติดเชื้อหากไม่รู้จักป้องกันตนเองให้ดี ทั้งการเว้นระยะห่าง การหลีกเลี่ยงพื้นที่แออัด หมั่นล้างมือบ่อย ๆ ใช้เจลแอลกอฮอล์เช็ดสิ่งที่จับร่วมกับผู้อื่น ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่อยู่ในสถานที่ชุมชน และปฏิบัติตัวตามมาตรการที่รัฐบาลขอความร่วมมืออย่างเคร่งครัด เพื่อลดโอกาสติดเชื้อ แต่ถึงจะป้องกันตัวดีอย่างไร ก็เป็นเพียงการป้องกันร่างกายไม่ให้ติดเชื้อ แต่จิตใจที่ต้องรับรู้สถานการณ์การระบาด COVID-19 เรื่อย ๆ ก็ได้รับผลกระทบไม่น้อย ทำให้อาชีพจิตแพทย์เข้ามามีบทบาทมากขึ้น โดยผลกระทบที่ส่งผลต่อจิตใจในช่วงโควิด ได้แก่
- ธุรกิจปิดตัวลง
เจ้าของกิจการ โดยเฉพาะกิจการเล็ก ๆ เช่น ร้านอาหารเล็ก ๆ ร้านขายของชำ เป็นผู้ได้รับผลกระทบเป็นกลุ่มแรก ๆ เพราะโควิดทำให้คนออกจากบ้านน้อยลง ประกอบกับมาตรการล็อกดาวน์ทำให้ร้านค้าต่างปิดเร็วกว่าเดิม รายได้ลดน้อยลง แต่รายจ่ายเท่าเดิม ทำให้หลายร้านต้องทยอยปิดตัวลง เพราะแบกภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหว ขณะเดียวกันพฤติกรรมการใช้จ่ายที่เปลี่ยนไป ผู้คนนิยมซื้อของหรือสั่งอาหารผ่านช่องทางออนไลน์เพื่อหลีกเลี่ยงโควิด ทำให้ร้านค้าที่ไม่มีช่องทางออนไลน์ต้องขาดลูกค้าไปเป็นจำนวนมากและจบที่ปิดตัวลงเช่นกัน
สมัครบัตรเครดิต เพื่อการช้อปปิ้งออนไลน์ที่คุ้มค่ามากขึ้น
- การถูกเลิกจ้างหรือลดเงินเดือน
มีหลายสายงานที่ได้รับผลกระทบช่วงโควิด ไม่ว่าจะเป็นแคชเชียร์ พนักงานโรงแรม บริษัททัวร์ โดยบางบริษัทแก้ปัญหาด้วยการจ้างคนออก ใช้วิธีปรับลดเงินเดือน เพื่อลดต้นทุนในเดือนต่อไป รวมถึงขอให้พนักงานหยุดงานเพิ่มขึ้น จากเดิมสัปดาห์ละ 2 วัน เพิ่มเติม 3 วัน และหยุด 4 วัน/สัปดาห์ เรื่องนี้ส่งผลให้เจ้าขององค์กรและพนักงาน
เกิดความเครียดไม่น้อยทีเดียว
- การทำงานที่บ้าน (Work From Home : WFH)
การทำงานที่บ้านไม่ได้สบายอย่างที่คิด หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าการทำงานที่บ้าน ทำให้ทำงานไม่เป็นเวลา ทั้งยังเป็นการเบียดบังเวลาพักผ่อน แถมเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้า เพราะไม่สามารถปรับตัวกับการทำงานคนเดียวที่บ้านได้
- ข่าวการสูญเสียจากโควิด-19
สาเหตุหลักของความเครียดสะสมมาจากการเสพข่าวโควิดเป็นเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นข่าวตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด ความล่าช้าในการแก้ปัญหาที่นำไปสู่เรื่องเศร้ามากมาย เรื่องเหล่านี้ส่งผลโดยตรงต่อความรู้สึกของผู้คนในสังคมเป็นอย่างมาก
ความสำคัญของจิตแพทย์ในสถานการณ์โควิด-19
การใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุกวัน
จิตแพทย์ คือ ผู้ที่มีความชำนาญในเรื่องจิตใจ ทำงานเกี่ยวกับการฟื้นฟูและรักษาสภาพจิตใจ อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าในช่วงโควิดระบาด ประชาชนมีความเสี่ยงเกิดภาวะเครียดและหมดหวัง จนถึงขั้นป่วยเป็นโรคซึมเศร้าได้ โดยเฉพาะผู้ที่ติดเชื้อและผู้ใกล้ชิดที่มีความเสี่ยงสูง บทบาทของจิตแพทย์ในช่วงนี้จึงเกี่ยวกับการให้คำแนะนำเพื่อรับมือกับความเครียดเป็นหลัก ๆ โดยประเด็นที่ถูกหยิบมาพูดเพื่อให้คำแนะนำ มีดังนี้
- ติดตามข่าวสารเท่าที่จำเป็น
การติดตามข่าวสารเป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่ควรเกาะติดหน้าจอทีวีหรือสื่อโวเชียลตลอดเวลา เพราะอาจเกิดความวิตกจริตและเครียดสะสมได้ ทางที่ดีควรติดตามข่าวที่เป็นไฮไลท์สำคัญหรือประเด็นหลักแทน เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องจมอยู่กับข่าวโควิดนานเกินไป
- เข้าใจธรรมชาติของโรคระบาด
โรคระบาดเป็นโรคที่เกิดขึ้นแล้วแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว เมื่อมีการสร้างภูมิคุ้มกัน ไวรัสสายพันธุ์ปรับตัวและกลายพันธุ์เพื่อเอาตัวรอดเช่นกัน ทำให้การควบคุมโรคระบาดจำต้องใช้เวลา เพื่อทำความเข้าใจในตัวไวรัส ถ้าคุณเข้าใจธรรมชาติของโรค ช่วยให้มองการแพร่ระบาดได้อย่างมีสติยิ่งขึ้น
- มองโลกในแง่บวกเข้าไว้
การมีโรคระบาดเป็นเรื่องแย่ ส่งผลกระทบต่อชีวิตหลายอย่าง และการปล่อยให้ตัวเองติดอยู่กับความรู้สึกแย่ ๆ ทำให้สภาพจิตใจยิ่งแย่ตามไปด้วย ฉะนั้นการพยายามมองหาสิ่งดี ๆ ในแต่ละวัน หรือหากิจกรรมคลายเครียดเพื่อช่วยลดความฟุ้งซ่าน
- ตรวจสอบสภาพอารมณ์และจิตใจของตนเองเสมอ
การรู้เท่าทันตัวเองเป็นสิ่งที่จิตแพทย์พยายามบอกให้ระลึกถึง การเข้าใจตัวเองและยอมรับความเป็นตัวเองถือเป็นวิธีที่ช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจได้ดีในช่วงโควิดแบบนี้ เมื่อเกิดอาการเครียด ควรพิจารณาความเครียดของตัวเอง หากอยู่ในระดับที่ไม่สามารถหยุดได้ ยิ่งปล่อยไว้สภาพจิตใจแย่ลงเรื่อย ๆ มองไปทางไหนก็เห็นแต่สิ่งร้าย ๆ อาการแบบนี้ควรรีบพบแพทย์โดยด่วน
ปัญหาของจิตใจเป็นเรื่องที่ซับซ้อน การมีจิตแพทย์เข้ามาช่วยเยียวยาสภาพจิตใจ พร้อมเพิ่มกำลังใจให้สามารถใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความหวัง ช่วยให้หลายคนก้าวผ่านวิกฤตโควิดไปได้
ช่องทางการปรึกษาจิตแพทย์
หลาย ๆ หน่วยงานพยายามปรับตัวด้วยการเพิ่มช่องทางสื่อสาร อย่างช่องทางออนไลน์เพื่อให้เข้าถึงผู้ใช้บริการมากขึ้น โดยช่องทางในการพบจิตแพทย์ หรือช่องทางของคำปรึกษา สามารถติดต่อได้ ดังนี้
- จิตแพทย์ออนไลน์
ปัจจุบันการติดต่อสื่อสารผ่านทางออนไลน์สามารถทำได้ง่าย ๆ แน่นอนการพบจิตแพทย์ก็เช่นกัน โดยมีช่องทางให้เลือกใช้บริการทั้งปรึกษาจิตแพทย์ฟรี และมีค่าใช้จ่าย ซึ่งช่องทางที่ได้รับความนิยมทางออนไลน์ เช่น
- สายด่วนกรมสุขภาพจิต โทร.1323 ตลอด 24 ชั่วโมง ปรึกษาได้ฟรี ไม่มีค่าบริการ
- ปรึกษาผ่านศูนย์สุขภาวะทางจิต (Center for Psychological Wellness) ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ใช้บริการสามารถจองคิวผ่านแบบฟอร์มในเพจเฟซบุ๊ก ก่อนพบจิตแพทย์ออนไลน์ เวลาทำการ 09.00 – 17.00 น. ทุกวัน ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ค่าบริการเริ่มต้น 800 บาท/90-120 นาที
- ปรึกษาผ่านแอปพลิเคชัน ooca ค่าบริการเริ่มต้น 1,000 บาท/30 นาที
- จิตแพทย์ออฟไลน์
การติดต่อจิตแพทย์แบบออฟไลน์ คือ การเข้าพบจิตแพทย์โดยตรงที่โรงพยาบาลทั้งของรัฐและเอกชน แต่ไม่ใช่โรงพยาบาลทุกแห่งจะมีจิตแพทย์ประจำการ ฉะนั้นควรตรวจสอบก่อนทุกครั้ง รวมถึงตรวจสอบสิทธิการรักษาด้วย เช่น สิทธิบัตรทอง สิทธิประกันสังคม เพื่อรักษาสิทธิของตัวเอง ค่าปรึกษาจิตแพทย์ขึ้นอยู่กับโรงพยาบาล โดยมากค่าปรึกษาอยู่ที่ประมาณ 500 – 1,000 บาท/ครั้ง
การปรึกษาจิตแพทย์มีทั้งการปรึกษาฟรีและมีค่าใช้จ่าย เบื้องต้นสามารถเลือกปรึกษาผ่านทางออนไลน์ เพื่อสำรวจตัวเองคร่าว ๆ หากแพทย์มีความเห็นให้เข้ารับการรักษาค่อยติดต่อขอรักษาตัวในโรงพยาบาล
ช่วงโควิดแบบนี้การห้ามความเครียดเป็นไปได้ยาก แต่ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไปพร้อมแผนสำรองใหม่ ๆ เช่น ผู้ที่ถูกลดเงินเดือนก็ควรหารายได้เสริมผ่านช่องทางต่าง ๆ อย่างการขายอาหารออนไลน์ โดยอาจใช้บัตรกดเงินสดในการเริ่มต้นลงทุน แล้วผ่อนชำระค่าบัตรกดเงินสดแทน หรือหันมาซื้อสินค้าผ่านการผ่อนชำระของบัตรเครดิต เพื่อลดการใช้เงินก้อน รวมถึงอาจได้โปรโมชั่นดี ๆ จากบัตรเครดิตด้วย
สมัครบัตรเครดิต เพื่อผ่อนชำระสินค้าในช่วงเศรษฐกิจฝืดเคือง
ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปี
เก็บเงินสดสำรองไว้ใช้จ่ายฉุกเฉินในยุคโควิด
เบิกถอนเงินสด แบ่งผ่อนชำระได้ทุกที่ทุกเวลา