ไม่ว่าคุณจะเป็นพนักงานประจำขององค์กรใด “หนังสือรับรองรายได้” ถือเป็นเอกสารสำคัญที่ควรให้ความใส่ใจ เนื่องจากเอกสารนี้จะเป็นหลักฐานยืนยันสถานะ และความมั่นคงทางด้านรายได้ของแต่ละบุคคล ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการดำเนินกิจกรรมทางการเงินต่างๆ ต่อไปได้ ดังนั้น การทำความเข้าใจรายละเอียดของหนังสือรับรองรายได้ หรือหนังสือรับรองเงินเดือนว่าคืออะไร ประกอบด้วยข้อมูลอะไรบ้าง สามารถขอได้ที่ไหน และนำไปใช้สำหรับอะไรได้บ้าง จึงเป็นสิ่งที่คนทำงานควรรู้ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมด้วย
หนังสือรับรองรายได้ เป็นเอกสารที่ยืนยันสถานะการทำงาน และรายได้
หนังสือรับรองรายได้ คืออะไร? นำไปใช้ประโยชน์อย่างไร?
หนังสือรับรองรายได้ (Salary Certificate) เป็นเอกสารที่ยืนยันสถานะการทำงาน และรายได้ของพนักงานแต่ละคน โดยระบุข้อมูลเงินได้รายเดือน รายได้ประจำ และรายได้พิเศษต่างๆ ซึ่งพนักงานผู้ขอเอกสารสามารถนำไปใช้ เป็นหลักฐานประกอบการทำธุรกรรมทางการเงินได้ ไม่ว่าจะเป็นการสมัครบัตรเครดิต การขอสินเชื่อ การกู้ซื้อบ้าน การกู้ซื้อรถ หรือการขอวีซ่าเพื่อเดินทางไปต่างประเทศ เป็นตัน
โดยทั่วไปแล้ว ทางสถาบันการเงินหรือธนาคารต่างๆ มักจะขอหนังสือรับรองรายได้ เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาการตั้งวงเงินสินเชื่อ หรือวงเงินบัตรเครดิตให้แก่ผู้ที่มาติดต่อทำธุรกรรม
หนังสือรับรองรายได้ ประกอบไปด้วยข้อมูลอะไรบ้าง?
หนังสือรับรองเงินเดือนเป็นเอกสารสำคัญที่ต้องระบุรายละเอียดครบถ้วน เพื่อยืนยันสถานะการทำงานของพนักงาน ทั้งฝ่ายบริษัทผู้ออกเอกสาร และพนักงานผู้ขอต้องตรวจสอบความถูกต้องอย่างรอบคอบ โดยหนังสือรับรองเงินเดือนประกอบไปด้วยข้อมูล ดังนี้
- หัวเอกสารที่ระบุว่าเอกสารฉบับนี้เป็น “หนังสือรับรองเงินเดือน”
- ชื่อ-นามสกุล ของพนักงาน
- ชื่อบริษัทผู้ว่าจ้าง
- ตำแหน่งงานของพนักงาน
- วันที่เริ่มต้นทำงาน จนถึงวันที่ออกหนังสือรับรองเงินเดือน
- อัตราเงินเดือนปัจจุบัน โดยที่ยังไม่หักภาษีและยังไม่รวมค่าตอบแทนอื่นๆ
- วัตถุประสงค์การใช้งานเอกสาร เช่น ใช้เฉพาะงานราชการ หรือใช้ขอสินเชื่อธนาคาร เป็นต้น
- วันที่ในการออกเอกสาร
- ลงชื่อผู้ออกเอกสาร พร้อมตำแหน่ง และลงชื่อหัวหน้างาน หรือเจ้าของที่มีอำนาจในการออกหนังสือเงินเดือน
- ลงตราประทับของบริษัท (ขึ้นอยู่กับนโยบายของบริษัท)
หนังสือรับรองรายได้ ขอได้จากที่ไหน?
หนังสือรับรองรายได้ต้องออกโดยผู้รับมอบอำนาจ เจ้าของกิจการ หรือฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) และจำเป็นต้องระบุข้อมูลที่ตรงตามความเป็นจริงเท่านั้น หากเกิดการปลอมแปลงหรือให้ข้อมูลเท็จในหนังสือรับรองรายได้จะถือเป็นการทุจริต ซึ่งอาจส่งผลให้ไม่สามารถนำไปใช้ในการทำธุรกรรมต่างๆ ได้ ไม่ผ่านการพิจารณาการขอกู้ และกระทบต่อเครดิตและความน่าเชื่อถือในการทำธุรกรรมทางการเงินครั้งต่อไป
หนังสือรับรองรายได้มีอายุกี่เดือน?
หนังสือรับรองรายได้จะมีอายุการใช้งานที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการใช้งานที่ระบุไว้ โดยทั่วไปมีดังนี้
- หนังสือรับรองรายได้ สำหรับยื่นขอวีซ่า จะมีอายุการใช้งานไม่เกิน 30 วัน นับจากวันที่ออกเอกสาร
- หนังสือรับรองรายได้ สำหรับติดต่องานราชการ จะมีอายุการใช้งานไม่เกิน 90 วัน นับจากวันที่ออกเอกสาร
- หนังสือรับรองรายได้ สำหรับทำธุรกรรมทางการเงิน เช่น ขอสินเชื่อ จะมีอายุการใช้งานไม่เกิน 30 วัน นับจากวันที่ออกเอกสาร
โดยทั่วไปแล้ว หน่วยงานหรือสถาบันการเงินต่างๆ จะกำหนดอายุของหนังสือรับรองรายได้เอาไว้ เพื่อให้ข้อมูลมีความเป็นปัจจุบันมากที่สุด
หนังสือรับรองรายได้ หากทำอาชีพอิสระ สามารถขอได้จากบริษัทผู้ว่าจ้างงาน
นอกจากนี้ สำหรับใครที่ประกอบอาชีพอิสระ หรือฟรีแลนซ์อยู่ ก็จำเป็นต้องมีหนังสือรับรองรายได้ อาชีพอิสระ ด้วยเช่นเดียวกับพนักงานประจำ โดยสามารถขอได้จากบริษัทผู้ว่าจ้าง เพื่อใช้เป็นหลักฐานแสดงรายได้ในการทำธุรกรรมทางการเงิน แต่เนื่องจากฟรีแลนซ์นั้น ไม่มีนายจ้างที่จ่ายเงินเดือนประจำ อาจต้องใช้หลักฐานอื่นๆ ประกอบด้วย เช่น สลิปรับเงิน หรือรายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน และนอกเหนือจากประโยชน์ในการทำธุรกรรมทางการเงินแล้ว หนังสือรับรองรายได้ยังจำเป็นในการขอกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา กับกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) โดยแสดงเป็นหลักฐานรายได้ครอบครัวว่าเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่
ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นพนักงานประจำหรือผู้ประกอบอาชีพอิสระ “หนังสือรับรองรายได้” ถือว่าเป็นเอกสารที่มีความสำคัญ ในการแสดงหลักฐานรายได้อย่างเป็นทางการ และใช้ประกอบการพิจารณาในการสมัครบัตรเครดิตอีกด้วย
สำหรับผู้ที่สนใจสมัครบัตรเครดิต KTC หากไม่มีหนังสือรับรองรายได้ สามารถใช้สลิปเงินเดือนล่าสุด (ฉบับจริง) หรือ หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ทวิ 50 เพื่อสมัครบัตรเครดิตได้ พร้อมรับสิทธิประโยชน์มากมายที่เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์คุณ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสมัครบัตรเครดิต KTC ออนไลน์ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง สมัครง่าย อาชีพไหนก็สมัครได้
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC