การพัฒนาทักษะตนเองเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะในโลกของการทำงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความสามารถที่เราเคยมีอาจไม่เพียงพอในปัจจุบัน ดังนั้นการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และการพัฒนาทักษะเดิมที่มีอยู่ จึงเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้เราก้าวทันความเปลี่ยนแปลงได้
บทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับ Upskill Reskill แนวคิดที่จะช่วยเพิ่มโอกาสและความมั่นคงในสายอาชีพ พร้อมทั้งแนะวิธีการนำไปใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
Upskill คืออะไร ?
Upskill หมายถึง การพัฒนาทักษะที่มีอยู่ให้ดีขึ้นหรือเชี่ยวชาญมากยิ่งขึ้น เป็นการเพิ่มพูนความรู้และทักษะในด้านที่เราทำอยู่แล้ว เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น ยกตัวอย่างเช่น หากประกอบอาชีพเป็นโปรแกรมเมอร์ ก็อาจลงคอร์สเรียนภาษาโปรแกรมใหม่ๆ หรือหากประกอบอาชีพ Content writer ก็อาจศึกษาวิธีการใช้โปรแกรม AI ในการช่วยคิดคอนเทนต์ เป็นต้น
ทั้งนี้ การ Upskill ไม่ใช่แค่การเรียนรู้ทักษะใหม่เท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างโอกาสให้กับตัวเอง เพราะการพัฒนาทักษะใหม่ๆ ให้กับตนเองคือก้าวสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จของหน้าที่การงานในอนาคตได้
Upskill มีอะไรบ้าง ?
การ Upskill คือกระบวนการพัฒนาทักษะที่มีอยู่แล้วให้มีความเชี่ยวชาญมากยิ่งขึ้น หรือการเรียนรู้ทักษะใหม่ที่จำเป็นในการทำงานในยุคปัจจุบัน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการทำงานและยกระดับอาชีพตนเองให้ก้าวหน้า ยกตัวอย่างการ Upskill เช่น
- การเรียนหลักสูตรใหม่
การเรียนรู้เทคโนโลยีหรือเครื่องมือใหม่ๆ เป็นการ Upskill ที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เช่น นักบัญชีเรียนรู้การใช้ฟังก์ชันที่ซับซ้อนขึ้นใน Excel เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน วิเคราะห์ตัวเลข และวิเคราะห์ข้อมูล
- การอบรมเพื่อพัฒนาทักษะเฉพาะในสายงาน
สำหรับคนที่ทำงานในสายอาชีพที่ต้องการทักษะเฉพาะ เช่น การพัฒนาโปรแกรม การออกแบบ การอบรมเพื่อพัฒนาทักษะที่ลึกซึ้งมากขึ้นจะช่วยให้คุณสามารถทำงานในระดับที่สูงขึ้นได้ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ใช้ภาษาโปรแกรมพื้นฐานแล้ว การเรียนรู้เทคนิคการเขียนโค้ดที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น หรือการเรียนรู้เทคโนโลยีที่กำลังมาแรง จะช่วยยกระดับทักษะการพัฒนาโปรแกรมของคุณให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
- การฝึกฝน Soft Skills
นอกจากทักษะทางเทคนิคแล้ว การฝึกฝน Soft Skills ก็มีความสำคัญอย่างมากในการ Upskill เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกับผู้อื่นและการจัดการงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การเจรจาต่อรอง การทำงานเป็นทีม การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
Upskill ทำอย่างไร ?
การ Upskill หรือการพัฒนาทักษะที่มีอยู่ให้ดียิ่งขึ้นนั้น ต้องอาศัยการวางแผนและความมุ่งมั่นเพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของงานในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถทำได้ดังนี้
1.วิเคราะห์ทักษะที่ต้องการ
ก่อนเริ่มต้นพัฒนาตนเอง คุณควรสำรวจว่าทักษะใดมีความสำคัญต่องานของคุณ วิเคราะห์ว่าองค์กรหรืออุตสาหกรรมของคุณกำลังมุ่งไปในทิศทางใด และสิ่งใดคือความรู้หรือทักษะที่จำเป็น เช่น หากคุณอยู่ในสายงานผลิตคอนเทนต์ ก็อาจต้องศึกษาเครื่องมือ AI ที่ใช้ในงานเขียนที่กำลังเป็นที่นิยมอย่าง ChatGPT, Claude.ai
2.แหล่งเรียนรู้
เมื่อทราบแล้วว่าต้องพัฒนาทักษะใด การหาแหล่งเรียนรู้ที่เหมาะสมก็เป็นสิ่งสำคัญ ปัจจุบันมีหลากหลายช่องทางที่ช่วยให้คุณเรียนรู้ได้อย่างสะดวก เช่น
- ลงเรียนคอร์ส Upskill Reskill Online กับเว็บไซต์ชื่อดัง เช่น Coursera, Udemy, Skillshare
- เวิร์กช็อปเข้าร่วมกิจกรรมเฉพาะทางที่สนใจ
- เข้าร่วมอบรมความรู้เรื่องต่างๆ ที่องค์กรจัดขึ้น
3.ตั้งเป้าหมายในการพัฒนา
การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้การพัฒนาทักษะของคุณมีทิศทางชัดเจนและสามารถวัดผลได้ คุณควรกำหนดเป้าหมายระยะสั้น เช่น เรียนจบคอร์สภายใน 3 เดือน หรือการนำทักษะใหม่ไปทดลองใช้ในโปรเจกต์เล็กๆ หรือวางเป้าหมายระยะยาว เช่น การเลื่อนตำแหน่งหรือขยายขอบเขตความรับผิดชอบในสายงาน
4.ฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง
การฝึกฝนเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้ทักษะใหม่ของคุณแข็งแกร่งขึ้น คุณควรทำอย่างสม่ำเสมอและมีวินัยในตนเอง เช่น การจัดตารางเวลาเพื่อเรียนรู้ทุกวันหรือทุกสัปดาห์ และทดลองนำสิ่งที่เรียนรู้ไปใช้ในงานจริง
5.ขอคำแนะนำและติดตามผล
การขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในสายงาน หรือเพื่อนร่วมงานที่มีประสบการณ์ เพื่อช่วยชี้แนะแนวทางที่เหมาะสม รวมถึงช่วยประเมินผลงานของคุณ นอกจากนี้ การเก็บบันทึกความคืบหน้าหรือการใช้เครื่องมือวัดผล เช่น การสอบออนไลน์ หรือการประเมินจากหัวหน้างาน จะช่วยให้คุณเห็นความก้าวหน้าของตนเองได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
6.ปรับปรุงและพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง
การเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และมีความพร้อมในการปรับตัวคือหัวใจสำคัญของการ Upskill ให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานระยะยาว
Reskill คืออะไร ?
Upskill Reskill นั้นมีความแตกต่างกัน โดย Reskill คือ กระบวนการเรียนรู้ทักษะใหม่ เพื่อเปลี่ยนแปลงสายงานหรือหน้าที่การงานที่แตกต่างจากเดิม โดยส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับการปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น พนักงานฝ่ายการตลาดที่เรียนรู้การเขียนโปรแกรมเพื่อเปลี่ยนสายงานไปทำงานในสาย IT หรือผู้ที่เคยทำงานในตำแหน่งบัญชีเรียนรู้ทักษะด้านการออกแบบ UX/UI เพิ่ม เพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรมการพัฒนาเว็บไซต์
การ Reskill ไม่เพียงแต่จะช่วยให้สามารถหางานใหม่ได้ แต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีประสบการณ์ในอาชีพอื่นๆ สามารถปรับตัวและใช้ทักษะที่มีในการทำงานในสาขาที่แตกต่างออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Upskill คือ การพัฒนาทักษะที่มีอยู่ให้ดียิ่งขึ้น และ Reskill คือ การเรียนรู้สายงานอะไรใหม่ๆ ให้ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน
Reskill มีอะไรบ้าง ?
การ Reskill มีหลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาดแรงงานและสายงานที่คุณต้องการเปลี่ยนไป เช่น
- การเรียนหลักสูตรใหม่ที่แตกต่างจากสายงานเดิม
หากคุณทำงานในสายงานที่ไม่ใช่ด้านเทคโนโลยี เช่น ฝ่ายการตลาดหรือการขาย แต่สนใจที่จะย้ายไปทำงานในสาขาที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ข้อมูล การเรียนหลักสูตรใหม่ๆ เช่น Data Analysis จะช่วยให้คุณพัฒนาทักษะที่จำเป็นในการเข้าสู่สายงานนี้ได้
- การฝึกฝนทักษะที่ตอบสนองต่ออาชีพที่กำลังมาแรง
การพัฒนาเทคโนโลยีทำให้บางอาชีพเติบโตอย่างรวดเร็ว เช่น UX/UI Design, Digital Marketing, หรือ Cyber Security หากคุณสนใจในสาขาเหล่านี้ การเข้าเรียนในคอร์สออนไลน์หรือเวิร์กช็อปที่มุ่งเน้นทักษะใหม่ๆ เหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถเปลี่ยนสายงานได้
- การทดลองทำงานในตำแหน่งใหม่ที่องค์กรจัดให้
บางองค์กรอาจมีโครงการที่ช่วยพัฒนาความสามารถของพนักงานให้สามารถย้ายไปทำงานในตำแหน่งใหม่ได้ เช่น โครงการ Job Rotation ที่ให้พนักงานได้ทดลองทำงานในตำแหน่งที่ไม่คุ้นเคยหรือไม่เคยทำมาก่อน ซึ่งช่วยให้พนักงานได้รับประสบการณ์ในหลากหลายด้าน
Reskill ทำอย่างไร ?
การ Reskill ต้องใช้เวลานานและความมุ่งมั่นในการเรียนรู้สิ่งใหม่ แต่เมื่อทำสำเร็จแล้ว จะเป็นการเปิดโอกาสใหม่ๆ ในอาชีพได้อย่างไม่จำกัด ซึ่งการ Reskill สามารถทำได้ดังนี้
1.ประเมินความต้องการของตลาด
ก่อนเริ่มต้นการ Reskill คุณควรศึกษาว่าทักษะใดที่ตลาดแรงงานกำลังต้องการ เพื่อให้แน่ใจว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะทำให้คุณมีโอกาสในการหางานใหม่ หรือเติบโตในสายงานที่มีอนาคตได้
2.เลือกสายงานที่เหมาะสม
เมื่อทราบแล้วว่าทักษะใดที่มีความต้องการในตลาดแรงงานสูง ขั้นตอนต่อมาคือการพิจารณาว่าสายงานไหนที่เหมาะสมกับคุณ โดยพิจารณาจากความถนัด ความสนใจ และประสบการณ์เดิมที่คุณมี
3.ลงทุนในความรู้ใหม่
การเรียนรู้ทักษะใหม่ต้องอาศัยการลงทุนทั้งเวลาและทรัพยากรต่างๆ เช่น การเข้าเรียนในคอร์สออนไลน์ที่ได้รับการยอมรับจากองค์กรหรือผู้เชี่ยวชาญในสาขานั้นๆ นอกจากนี้ การฝึกงานหรือลองทำงานในสายงานใหม่ จะช่วยให้คุณได้รับประสบการณ์จริงด้วย
4.เชื่อมโยงกับประสบการณ์เดิม
แม้ว่าคุณจะเรียนรู้ทักษะใหม่ แต่ไม่ควรลืมนำประสบการณ์เดิมที่มีมาผสมผสาน เช่น หากคุณเคยทำงานในสายการขาย การเรียนรู้ทักษะใหม่ในด้าน Digital Marketing จะทำให้คุณสามารถใช้ประสบการณ์จากการสื่อสารกับลูกค้ามาประยุกต์ใช้ในการสร้างแคมเปญออนไลน์ได้ดียิ่งขึ้น การเชื่อมโยงทั้งสองทักษะนี้จะทำให้การ Reskill ของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ตารางเปรียบเทียบ Upskill & Reskill
หัวข้อ |
Upskill |
Reskill |
เป้าหมาย |
พัฒนาทักษะที่มีอยู่เดิมให้ดีขึ้น |
เรียนรู้ทักษะใหม่ |
เหมาะสำหรับ |
ผู้ที่ต้องการก้าวหน้าในสายงานปัจจุบัน |
ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนสายงาน หรือปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงาน |
ตัวอย่างทักษะ |
การพัฒนาทักษะเฉพาะทาง เช่น โปรแกรมเมอร์เรียนรู้ภาษาโปรแกรมใหม่ |
การเรียนรู้งานที่แตกต่างจากเดิม เช่น วิศวกรเรียนรู้ด้านการตลาด |
วิธีการเรียนรู้ |
อบรม, เรียนคอร์สเฉพาะด้าน |
คอร์สใหม่, การฝึกงาน, การทดลองงาน |
Upskill & Reskill สำคัญกับองค์กรและพนักงานอย่างไร ?
ความสำคัญสำหรับองค์กร
- ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
พนักงานที่ได้รับการพัฒนาทักษะที่ทันสมัยจะสามารถทำงานได้อย่างคล่องตัวและแม่นยำมากขึ้น ช่วยลดข้อผิดพลาดในการทำงาน และเสริมสร้างกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
- ช่วยลดต้นทุนการจ้างงาน
แทนที่องค์กรจะลงทุนในการสรรหาและฝึกอบรมพนักงานใหม่ การ Upskill Reskill พนักงานเดิมสามารถช่วยประหยัดต้นทุนด้านเวลาและงบประมาณ อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงจากการจ้างพนักงานใหม่ที่อาจไม่ตอบโจทย์องค์กรหรือทีมงานเดิมด้วย
- ช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน
องค์กรที่มีบุคลากรที่เพียบพร้อมด้วยทักษะขั้นสูงและสอดคล้องกับความต้องการของตลาด จะสามารถปรับตัวได้เร็วกว่าคู่แข่ง และมีความพร้อมในการนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ทันสมัยกว่า
- เสริมสร้างความผูกพันของพนักงาน
การลงทุนในการพัฒนาพนักงานจะทำให้พวกเขารู้สึกว่าบริษัทเห็นคุณค่าและให้ความสำคัญกับการเติบโตของพวกเขา ซึ่งสิ่งนี้เองจะช่วยเพิ่มความพึงพอใจและลดอัตราการลาออกได้
ความสำคัญสำหรับพนักงาน
- เพิ่มโอกาสก้าวหน้าในสายงาน
ทักษะใหม่ที่พัฒนาแล้วจะช่วยให้พนักงานสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดในสายงานเดิม และเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ในองค์กรหรือในตลาดแรงงานได้
- เพิ่มรายได้และผลตอบแทนที่ดีขึ้น
ความสามารถพิเศษหรือทักษะที่เป็นที่ต้องการสูงในตลาด มักนำมาซึ่งค่าตอบแทนที่เพิ่มขึ้น พร้อมทั้งโอกาสในการได้รับตำแหน่งงานที่มั่นคงมากขึ้นด้วย
- สร้างแรงบันดาลใจและความสุขในการทำงาน
การเรียนรู้สิ่งใหม่จะช่วยให้พนักงานรู้สึกมีพลังในการทำงานและรู้สึกท้าทาย ทำให้พวกเขามีความกระตือรือร้นและสนุกกับการทำงานมากขึ้น
- ปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลง
การ Upskill Reskill นับเป็นการสร้างความมั่นใจว่าพวกเขาจะไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง การลงทุนในความรู้ใหม่ๆ จะช่วยให้พนักงานรู้สึกมีคุณค่า พร้อมก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นใจในทุกความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
- เสริมสร้างความมั่นคงในอาชีพ
การมีทักษะที่หลากหลายและปรับตัวตามสถานการณ์ได้ดีทำให้พนักงานมั่นใจในความสามารถของตนเอง และลดความกังวลต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานในอนาคต
การพัฒนาและการปรับตัวเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าคุณจะเลือก Upskill หรือ Reskill การลงมือทำตั้งแต่วันนี้จะช่วยสร้างโอกาสในอนาคตที่มั่นคงและก้าวหน้าได้อย่างแน่นอน
และเพื่อให้การลงทุนในตัวคุณเองเป็นเรื่องง่ายกว่าเดิม การใช้บัตรเครดิตเพื่อชำระคอร์สเรียน เวิร์กช็อป หรือสมัครอบรมทักษะที่คุณต้องการ จะช่วยให้คุณจัดการค่าใช้จ่ายได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องกังวลเรื่องขีดจำกัดในการพัฒนาตนเอง
สมัครบัตรเครดิต KTC วันนี้ เพื่อรับสิทธิพิเศษในการผ่อนชำระมากมาย ไม่ว่าจะเป็นค่าคอร์สเรียน เวิร์กช็อป หรือสมัครอบรมทักษะที่คุณต้องการ ด้วยโปรโมชั่นผ่อน 0% ณ สถาบันการศึกษาที่ร่วมรายการ คลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติม มาทำให้การลงทุนในตัวเองเป็นเรื่องง่ายและคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น อย่ารอช้า! เริ่มต้นพัฒนาตนเองไปพร้อมกับบัตรเครดิต KTC ได้แล้ววันนี้
สำหรับใครที่สนใจสมัคร สามารถสมัครบัตรเครดิต KTC ผ่านทางออนไลน์ได้ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC