ในโลกที่ความฉลาดทางปัญญา หรือ IQ เคยถูกมองว่าเป็นปัจจัยหลักของความสำเร็จ ปัจจุบันนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาตนเองต่างให้ความสำคัญกับความฉลาดทางอารมณ์ EQ มากขึ้น เพราะนอกจากทักษะทางวิชาการแล้ว ความสามารถในการเข้าใจ การจัดการอารมณ์ของตนเอง และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น ก็มีบทบาทสำคัญในการประสบความสำเร็จ ทั้งในชีวิตส่วนตัวและหน้าที่การงานเช่นกัน หากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากรู้ว่า EQ มีองค์ประกอบอะไรบ้าง ทำไมถึงส่งผลต่อความก้าวหน้าในอาชีพ และเราจะพัฒนา EQ ของตัวเองได้อย่างไร KTC จะพาคุณไปหาคำตอบพร้อมกัน
4Q คืออะไร มีอะไรบ้าง?
ก่อนจะทำความรู้จักกับ EQ ว่าคืออะไร เรามาทำความรู้จักกับ 4Q กันก่อน เพราะความสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่กับ IQ หรือ EQ เท่านั้น โดย 4Q เป็นแนวคิดที่ใช้วัดและพัฒนาศักยภาพของบุคคลในด้านต่างๆ เพื่อให้สามารถประสบความสำเร็จทั้งในชีวิตส่วนตัวและการทำงาน โดยประกอบไปด้วย 4 ด้านหลัก ได้แก่
- IQ (Intelligence Quotient) หรือความฉลาดทางสติปัญญา ซึ่งหมายถึง ความสามารถในการคิด วิเคราะห์ แก้ปัญหา และใช้เหตุผล โดยเกี่ยวข้องกับความสามารถทางคณิตศาสตร์ การใช้ภาษา และการเรียนรู้ข้อมูลใหม่ๆ IQ จึงมีผลต่อการแก้ปัญหาทางเทคนิคและการทำงานที่ใช้ทักษะเชิงวิชาการ
- EQ (Emotional Quotient) หรือความฉลาดทางอารมณ์ หมายถึงความสามารถในการเข้าใจและควบคุมอารมณ์ของตนเอง รวมถึงเข้าใจอารมณ์ของผู้อื่น โดย EQ จะส่งผลต่อความสัมพันธ์ การทำงานเป็นทีม และการรับมือกับความเครียด โดยนับเป็นปัจจัยสำคัญในการเป็นผู้นำที่ดีและประสบความสำเร็จในสังคม
- AQ (Adversity Quotient) คือ ความสามารถในการฟันฝ่าอุปสรรค ความสามารถในการรับมือกับปัญหา ความกดดัน และอุปสรรคต่างๆ AQ จะแสดงถึงความอดทน ความมุ่งมั่น และการปรับตัวเมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก ดังนั้น คนที่มี AQ สูงมักมีความพยายาม ไม่ยอมแพ้ง่าย และพร้อมเรียนรู้จากความล้มเหลว
- SQ (Social Quotient) ความฉลาดทางสังคม คือความสามารถในการสร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีในสังคม โดยจะเกี่ยวข้องกับทักษะการสื่อสาร การทำงานร่วมกับผู้อื่น และการเข้าใจวัฒนธรรมที่แตกต่าง SQ ที่ดีจะช่วยให้ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างราบรื่นและสร้างเครือข่ายที่แข็งแกร่งได้
การพัฒนา 4Q อย่างสมดุลจะช่วยให้บุคคลสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประสบความสำเร็จทั้งด้านอาชีพและชีวิตส่วนตัว อีกทั้งยังสามารถปรับตัวได้ดีในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ EQ ก็คือหนึ่งใน 4Q นั่นเอง
EQ คือ ความสามารถในการรับรู้ เข้าใจ และจัดการอารมณ์ของตนเอง
EQ คืออะไร?
EQ (Emotional Intelligence) หรือความฉลาดทางอารมณ์ คือความสามารถในการรับรู้ เข้าใจ และจัดการอารมณ์ของตนเอง โดยความฉลาดทางอารมณ์นี้จะนำไปสู่การเป็นผู้ที่มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างมีความสุขเข้าใจและมีปฏิสัมพันธ์กับอารมณ์ของผู้อื่นได้อย่างเหมาะสมนั่นเอง
ความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) มีอะไรบ้าง ?
Daniel Goleman นักจิตวิทยา อาจารย์มหาวิทยาลัย และนักวิชาการด้าน EQ ได้จำแนก EQ ออกเป็น 5 องค์ประกอบหลัก ได้แก่
- การตระหนักรู้ในตนเอง (Self-Awareness) นั่นคือ การรู้จักอารมณ์ของตัวเอง เข้าใจว่าความรู้สึกของตนส่งผลต่อพฤติกรรมอย่างไร
- การควบคุมอารมณ์ (Self-Regulation) คือ การจัดการอารมณ์ของตัวเองได้ดี ไม่ปล่อยให้อารมณ์ส่งผลเสียต่อการตัดสินใจ
- แรงจูงใจในตนเอง (Motivation) คือ การมีความพยายามและมุ่งมั่นในการทำงานให้บรรลุเป้าหมาย แม้ต้องเผชิญกับอุปสรรคต่างๆ ก็ตาม
- ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น (Empathy) หมายถึง การเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น ทักษะในการปฏิบัติต่อผู้อื่น และการตอบสนองกลับทางอารมณ์กับผู้อื่นอย่างราบรื่นได้
- ทักษะทางสังคม (Social Skills) การมีปฏิสัมพันธ์ที่ดี สื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างราบรื่น
ความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) มีความสำคัญอย่างไร ?
EQ นับว่ามีบทบาทสำคัญต่อทั้งชีวิตส่วนตัวและการทำงาน เพราะช่วยให้เราจัดการอารมณ์และความสัมพันธ์ได้ดีขึ้น ซึ่งส่งผลต่อความสำเร็จและความสุขในระยะยาว โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมในที่ทำงานนั้น ที่ทุกคนจะต้องเจอผู้คนที่หลากหลาย และมีนิสัยแตกต่างกันออกไป ดังนั้น การที่มี EQ ที่ดีนั้นจะช่วยให้เราปรับตัวเข้ากับที่ทำงานได้ง่ายและส่งผลลัพธ์ในการทำงานดังต่อไปนี้
- สามารถทำงานภายใต้ความกดดันได้
- เข้าใจผู้อื่น ทำให้การทำงานร่วมกันเป็นไปได้ด้วยดีสามารถปรับตัวอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้
- ช่วยให้มีวุฒิภาวะ การตัดสินใจต่างๆ จะถูกกลั่นกรองอย่างถี่ถ้วน โดยไม่ได้มาจากอารมณ์เป็นหลัก
- มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น มีจิตสำนึกสาธารณะ และมีน้ำใจ
- เมื่อมีความขัดแย้งในที่ทำงาน ก็สามารถจัดการได้อย่างเหมาะสม
นอกจากนี้ คุณอาจเห็นได้ว่าผลลัพธ์ของผู้ที่มีความฉลาดทางอารมณ์ จะมีคุณสมบัติที่สำคัญของความเป็นผู้นำ ดังนั้นหลายๆ องค์กรจึงให้ความสำคัญกับผู้ที่มี EQ ที่ดี เพราะมีคุณสมบัติหลายๆ อย่างที่สามารถแก้ไขปัญหาหรือจัดการความขัดแย้งได้ดี
วิธีพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ (EQ)
บุคคลที่มีความฉลาดทางอารมณ์สูงมักมีพฤติกรรมและทักษะที่ช่วยให้พวกเขาจัดการอารมณ์ของตนเอง เข้าใจผู้อื่น และปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ได้ดี โดยสามารถสังเกตได้จากองค์ประกอบหลักทั้ง 5 ด้านอย่างที่กล่าวไปข้างต้น
ทั้งนี้ EQ ก็เป็นความฉลาดหนึ่งที่สามารถพัฒนาได้ เหมือนการพัฒนาทักษะอื่นๆ ซึ่งต้องใช้ทั้งความพยายามและเวลาในการฝึกฝน และเพื่อความสำเร็จในหน้าที่การงาน คุณสามารถฝึกฝนความฉลาดทางอารมณ์หรือ EQ ได้ดังต่อไปนี้
- ฝึกการตระหนักรู้ในตนเอง
โดยการฝึกการเจริญสติ หรือสมาธิ เพื่อให้ตระหนักรู้เท่าทันอารมณ์ ฝึกการตอบสนองต่ออารมณ์กับบุคคลอื่นๆ เช่น เมื่อรู้ว่าขณะนี้กำลังโกรธ หรือเสียใจก็สามารถระงับความโกรธ หรือความเสียใจนั้น รู้จักข่มใจและแสดงออกอย่างเหมาะสม พร้อมทั้งเจรจาด้วยเหตุและผล รวมไปถึงหัดให้กำลังใจตนเองที่สามารถใจเย็นและรับมือกับสถานการณ์ที่ยากลำบากนั้นๆ ได้
- ฝึกตระหนักรู้ความรู้สึกของผู้อื่น
ฝึกสังเกตและประเมินผลกระทบของการสื่อสารของตนเอง ทั้งในแง่ของคำพูด อารมณ์ และพฤติกรรมที่แสดงออก ควรปรับวิธีการสื่อสารให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ดีขึ้น อาจขอให้เพื่อนสนิทหรือผู้ใหญ่ที่ไว้วางใจช่วยให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับวิธีการพูด ท่าทีในการสื่อสาร รวมถึงความรู้สึกที่ได้รับจากการสนทนา จากนั้นนำข้อเสนอแนะเหล่านั้นมาปรับปรุงและพัฒนาทักษะการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
- ฝึกทักษะการฟังและการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
การสื่อสารที่ดีเป็นองค์ประกอบสำคัญของความฉลาดทางอารมณ์ ฉะนั้น การฝึกการฟังอย่างลึกซึ้ง (Active Listening) ไม่ได้เป็นเพียงแค่การรับฟังคำพูด แต่ยังรวมถึงการสังเกตน้ำเสียง ท่าทาง และปฏิกิริยาของคู่สนทนา จะช่วยให้เข้าใจความหมายที่แท้จริงและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างบุคคลได้ ในขณะเดียวกัน เราก็สามารถฝึกการสื่อสารที่ชัดเจนได้ โดยการจับประเด็นสำคัญหรือหมั่นตั้งคำถามเพื่อยืนยันความเข้าใจ เป็นต้น
- ฝึกมุมมองเชิงบวก
เปิดใจยอมรับว่าในสังคมการทำงาน การเผชิญกับความคิดเห็นเชิงลบหรือปัญหาต่างๆ เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น การฝึกมองโลกในแง่ดีจะช่วยลดความตึงเครียด ทำให้สามารถรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างได้อย่างเปิดใจ และนำไปสู่การแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ฝึกเปิดใจกว้างและรับฟังความคิดเห็นเพื่อพัฒนาตนเอง
หนึ่งในคุณสมบัติสำคัญของผู้ที่มีความฉลาดทางอารมณ์คือความสามารถในการเปิดรับความคิดเห็นที่แตกต่าง และรับฟังข้อเสนอแนะจากผู้อื่นด้วยใจที่เป็นกลาง บุคคลเหล่านี้มักเข้าถึงง่าย เพราะมีทักษะการฟังที่ดี สามารถพิจารณาและทำความเข้าใจมุมมองที่หลากหลายโดยปราศจากอคติ ดังนั้น การเปิดรับแนวคิด หรือวิธีการทำงานใหม่ๆ การรู้จักปรับตัว จะทำให้เราพัฒนาตัวเองและก้าวทันการเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ การรับฟังคำติชมอย่างสร้างสรรค์ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เติบโตทั้งในชีวิตส่วนตัวและการทำงาน ทั้งนี้ เราควรเปิดใจรับฟังข้อเสนอแนะ พร้อมนำไปปรับปรุงและพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น แม้ว่าบางความคิดเห็นอาจไม่ตรงกับความคิดของตนเอง แต่ให้มองว่าคำติชมเป็นโอกาสในการเรียนรู้ และช่วยให้สามารถปรับตัวและพัฒนาได้อย่างต่อเนื่องได้
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.medparkhospital.com/lifestyles/eq-emotional-quotient และ https://www.empeo.com/blog/tips/emotional-intelligence-in-a-workplace/
กล่าวได้ว่า EQ คือหนึ่งในกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในชีวิตและการทำงาน เพราะเป็นทักษะหนึ่งที่สำคัญที่ช่วยให้เรารับมือกับอารมณ์ของตนเอง เข้าใจและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น รวมถึงปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่หลากหลายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานร่วมกับผู้อื่น การรับมือกับความกดดัน หรือการตัดสินใจที่ต้องใช้วิจารณญาณ EQ ล้วนมีบทบาทสำคัญที่ช่วยให้เราพัฒนาเป็นบุคคลที่มีความมั่นคงทางอารมณ์ และสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองก้าวไปสู่เป้าหมายได้
สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าเราจะมีความสามารถหรือทักษะด้านอื่นมากเพียงใด หากขาดความฉลาดทางอารมณ์ ก็อาจทำให้ไม่สามารถใช้ศักยภาพของตนเองได้อย่างเต็มที่ แต่ถ้าเป็นความฉลาดในการจัดการการเงิน ก็ต้องบัตรเครดิต KTC ผู้ช่วยสำคัญที่ทำให้ทุกการใช้จ่ายของคุณคล่องตัวและคุ้มค่า ด้วยสิทธิประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น คะแนน KTC FOREVER ที่สามารถสะสมและใช้แลกรับเป็นส่วนลดหรือเครดิตเงินคืนได้, โปรโมชั่นผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน และโปรโมชั่นพิเศษจากร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ อย่าลืมมีบัตรเครดิต KTC ที่สมัครง่าย ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปี มาช่วยวางแผนทางการเงินให้ง่ายและตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ของคุณยิ่งขึ้น
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC