การถ่ายน้ำมันเครื่อง ควรเปลี่ยนตอนไหนในการใช้งาน
สำหรับคนมีรถยนต์อย่างที่ทราบกันดีว่าหลังจากซื้อรถยนต์มาแล้วนั้นยังต้องมีในส่วนของค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ตามมาอีกมากมาย ทั้งค่าบำรุงรักษารถ ค่าประกันภัยรถยนต์ ค่าน้ำมัน ไปจนถึงเตรียมเงินสำรองไว้ซ่อมแซมรถในยามจำเป็น และอีกหลากหลายอย่างที่อาจเกิดขึ้น เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่คนมีรถควรต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะหากดูแลรถยนต์ไม่ดีหรือใช้งานหนักเกินไปก็ส่งผลให้เครื่องยนต์เกิดปัญหาได้
โดยวิธีการแก้ปัญหาที่ดีคือการหมั่นตรวจเช็ครถยนต์ของตัวเองว่ามีจุดไหนที่ทำงานผิดปกติหรือไม่ เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยเฉพาะการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ที่ส่งผลต่อการทำงานของเครื่องยนต์โดยตรง ซึ่งหลายคนมักจะละเลย หรือปล่อยให้วิ่งเกินระยะการเปลี่ยนถ่าย จนกลายเป็นปัญหาตามมาในภายหลัง วันนี้ KTC เราจะพาไปทำความเข้าใจถึงความสำคัญของน้ำมันเครื่องรถยนต์กัน
เลือกอ่านตามหัวข้อ
- การถ่ายน้ำมันเครื่อง สำคัญอย่างไร
- น้ำมันเครื่อง มีกี่ชนิด
- น้ำมันเครื่องควรเปลี่ยนตอนไหน
- ดูยังไงว่าต้องถ่ายน้ำมันเครื่อง
- น้ำมันเครื่องควรอยู่ในระดับไหนถึงปกติ
- ไม่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ส่งผลเสียต่อรถหรือไม่
- เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเกินระยะกำหนด จะเป็นไรไหม
- สรุปบทความ การถ่ายน้ำมันเครื่อง ควรเปลี่ยนตอนไหนในการใช้งาน
การถ่ายน้ำมันเครื่อง สำคัญอย่างไร
การถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะการใช้งาน เป็นหนึ่งในขั้นตอนการดูแลรักษาเครื่องยนต์ให้เกิดการสึกหรอน้อยลง เพราะเมื่อใช้งานไปนาน ๆ น้ำมันเครื่องจะมีเศษสิ่งสกปรกเข้าไปปะปน จนทำให้มีความหนืดมากขึ้น รวมถึงสีที่เปลี่ยนไป จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เครื่องยนต์มีประสิทธิภาพลดลง และหากฝืนใช้ไปนาน ๆ ก็จะทำให้เครื่องยนต์พังได้ในท้ายที่สุด
น้ำมันเครื่องทำหน้าที่อะไร
น้ำมันเครื่องทำหน้าที่ช่วยหล่อลื่นการทำงานของชิ้นส่วนต่าง ๆ ให้เกิดการสึกหรอน้อยลง และยังมีหน้าที่สำคัญในการระบายความร้อน ลดสิ่งสกปรกจากการเผาไหม้ในห้องเครื่อง พร้อมทั้งช่วยลดการเกิดสนิม การกัดกร่อน และคราบเขม่าต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายใน
น้ำมันเครื่อง มีกี่ชนิด
ในปัจจุบัน น้ำมันเครื่องที่ใช้ในท้องตลาดจะแบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ น้ำมันเครื่องธรรมดา น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ และน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ ซึ่งจะมีรายละเอียดความแตกต่างในการใช้งานทั้งหมด ดังนี้
น้ำมันเครื่องธรรมดา (Mineral)
น้ำมันเครื่องธรรมดา เป็นน้ำมันที่ได้จากการกลั่นน้ำมันดิบ หรือเป็นน้ำมันจากธรรมชาติ 100% จึงอาจมีการเจือปนหลงเหลืออยู่ แต่ก็มีราคาถูกที่สุดในการหามาใช้งาน จึงทำให้มีอายุการใช้งานเฉลี่ยเพียง 6 เดือน หรือ ไม่เกิน 3,000 - 5,000 กม. เพียงเท่านั้น
น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ (Fully-synthetic)
น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ เป็นน้ำมันสังเคราะห์ 100% ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง เลยทำให้มีความบริสุทธิ์มากกว่าน้ำมันเครื่องประเภทอื่น และมีคุณภาพสูงในการใช้งานหล่อลื่น และปกป้องเครื่องยนต์ในการทำงาน จึงทำให้มีระยะการใช้งานยาวนานที่สุด โดยสามารถใช้ได้นานถึง 10,000 - 15,000 กม. ก่อนเปลี่ยนถ่ายหนึ่งครั้ง
น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ (Semi-synthetic)
น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ เป็นน้ำมันสังเคราะห์ที่ผสมเข้ากับน้ำมันธรรมชาติ เพื่อให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น แต่ยังคงมีราคาที่เข้าถึงได้ โดยไม่แพงเท่ากับน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ เลยทำให้มีอายุการใช้งานเฉลี่ยที่ 7,000 - 10,000 กม.
น้ำมันเครื่องควรเปลี่ยนตอนไหน
การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องสำหรับรถยนต์แต่ละคัน ควรเช็คจากข้อมูลหนังสือคู่มือของรถยนต์ นอกจากนี้ยังประกอบกับประเภทของน้ำมันเครื่องที่เลือกใช้ โดยมีด้วยกัน 3 ชนิด ดังนี้
- น้ำมันเครื่องเกรดธรรมดา ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุก 5,000 กิโลเมตร
- น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุก 7,500-8,000 กิโลเมตร
- น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุก 10,000-15,000 กิโลเมตร
*น้ำมันเครื่องทุกประเภทจะมีการระบุไว้ว่าควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุก 6 เดือน ขึ้นอยู่กับว่าอย่างใดอย่างหนึ่งมาถึงก่อนกัน
ดูยังไงว่าต้องถ่ายน้ำมันเครื่อง
หลายคนอาจจะยังสงสัย เมื่อไม่ได้เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเป็นระยะเวลานาน รถจะมีอาการอะไรบ้างที่เป็นสัญญาณเตือน ต้องว่าเกิดขึ้นได้หลากหลายอาการ แต่โดยส่วนมากจะมีอาการประมาณนี้
- รถเริ่มอืดขึ้น : หนึ่งในอาการที่จับสังเกตได้ และมีส่วนเกี่ยวข้องกับน้ำมันเครื่อง ก็คือ อัตราเร่งที่แย่ลง จากการทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพของเครื่องยนต์
- เสียงเครื่องยนต์ดัง : โดยปกติ น้ำมันเครื่องจะทำหน้าที่ล่อลื่น และลดอาการสึกหรอต่าง ๆ หากปล่อยไว้นานจนแห้ง อาจทำให้เกิดเสียงดังผิดปกติออกมาจากห้องเครื่อง และหากปล่อยไว้นานก็อาจจะทำเครื่องพังได้
- รถกินน้ำมันกว่าปกติ : เมื่อน้ำมันที่เพิ่งเติมมาหมดลงอย่างรวดเร็ว ทั้งที่รถก็ไม่ได้มีอาการเสียที่จุดอื่น นี่ก็เป็นอีกอาการที่เกิดขึ้น จากการไม่ได้เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง จะทำเครื่องยนต์ทำงานหนักมากกว่าปกติ และมีอัตราบริโภคน้ำมันมากขึ้น
- น้ำมันเครื่องมีสีดำเข้ม : อีกจุดสังเกตที่เช็กได้ง่ายที่สุด และมีในคู่มือรถทุกคัน ก็คือการใช้ก้านเช็กน้ำมันเครื่อง ที่สามารถดึงออกมารูดเช็กดูได้ว่าสีเปลี่ยนไปแค่ไหน หากมีสีเข้มผิดปกติ หรือกลายเป็นสีดำ นั่นหมายถึงสัญญาณเตือนที่ควรรีบเปลี่ยนทันที
น้ำมันเครื่องควรอยู่ในระดับไหนถึงปกติ
รถยนต์ทุกคัน จะมีก้านไว้ตรวจเช็กระดับน้ำมันเครื่องอยู่แล้ว วิธีสังเกตที่ง่ายที่สุด ก็คือการดึงก้านออกมาตรวจเช็ก แต่จะต้องเป็นการจอดรถพื้นราบ และทำการดับเครื่องยนต์ไปแล้วไม่น้อยกว่า 10 นาที ก่อนจะดึงก้านออกมาดู ซึ่งน้ำมันเครื่องในระดับปกติ จะต้องอยู่กึ่งกลางระหว่างอักษร F กับ L หรือ Min กับ Max ถึงจะเป็นเกณฑ์ปกติ
ไม่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ส่งผลเสียต่อรถหรือไม่
การไม่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง จะส่งผลเสียตั้งแต่อาการเบา ๆ อย่างรถเร่งไม่ขึ้น กินน้ำมันมากกว่าปกติ หรือมีความร้อนขึ้นง่ายกว่าเดิม และหากปล่อยไว้นานจนบานปลาย ก็อาจจะทำให้รถมีเสียงดัง และเครื่องยนต์พังในท้ายที่สุด
เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเกินระยะกำหนด จะเป็นไรไหม
การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเกินระยะที่กำหนดตามคู่มือ หากไม่ได้ปล่อยไว้นาน ก็ไม่ถือว่าเป็นอันตรายอะไร แต่หากปล่อยทิ้งไว้นาน และยังใช้งานรถเป็นปกติ เครื่องยนต์จะทำงานหนักขึ้นเรื่อย ๆ และท้ายที่สุดน้ำมันเครื่องจะแห้งจนทำให้เครื่องพัง จนอาจถึงขั้นต้องผ่าเครื่องเพื่อแก้ปัญหาเลยก็ได้
สรุปบทความ การถ่ายน้ำมันเครื่อง ควรเปลี่ยนตอนไหนในการใช้งาน
จะเห็นได้ว่าการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องถือเป็นสิ่งสำคัญ ไม่เพียงเป็นการดูแลบำรุงรักษารถยนต์ให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ยังช่วยลดปัญหาการเกิดเหตุขัดข้องระหว่างขับขี่จนนำไปสู่อุบัติเหตุบนท้องถนนได้ นอกจากนี้การหมั่นดูแลรถยนต์อย่างสม่ำเสมอถือเป็นสิ่งที่ดีและมีประโยชน์อย่างมากในอนาคต โดยเฉพาะคนมีรถที่กำลังมองหาช่องทางเสริมสภาพคล่องทางการเงิน เพราะในปัจจุบันคุณสามารถนำรถยนต์ปลอดภาระไปยื่นกู้ขอสินเชื่อทะเบียนรถได้ ยิ่งคุณดูแลสภาพรถยนต์ได้ดีเท่าไหร่ ก็มีโอกาสที่จะได้รับการพิจารณาวงเงินเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน สำหรับใครที่กำลังมองหาเงินก้อนสำรองฉุกเฉินหรือวงเงินฉุกเฉินไว้ใช้ในยามจำเป็น พี่เบิ้มแนะนำ KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน ให้วงเงินใหญ่เบิ้ม รถยังมีใช้ เพียงเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน ยื่นสมัครสินเชื่อผ่านช่องทางออนไลน์ พี่เบิ้ม Delivery ก็พร้อมเดินทางไปตรวจสอบสภาพรถให้ถึงหน้าบ้าน เมื่อผ่านการอนุมัติรับเงินโอนเข้าบัญชีทันที อนุมัติไว รับเงินทันที พี่เบิ้มพร้อมอยู่เคียงข้างคุณในทุกสถานการณ์
สมัคร KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน ไม่ต้องใช้คนค้ำประกัน
สมัครง่าย ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก อนุมัติไว ได้เงินก้อนทันที
*กรุณาศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์ก่อนทำการสมัคร*
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ และธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด*
*กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ย 21%-24% ต่อปี*