ระบบเบรค ABS ตัวช่วยสำคัญที่เพิ่มความปลอดภัยให้รถคุณ
เมื่อพูดถึงการทำงานของระบบเบรครถยนต์ หลายคนน่าจะเคยได้ยินค่วาเบรค ABS แต่อาจจะยังไม่รู้ถึงข้อมูลเชิงลึกว่า ระบบเบรค ABS คืออะไร มีข้อดีกว่าระบบเบรคแบบอื่นตรงไหน และมีหลักการทำงานอย่างไร ทำไมถึงได้กลายเป็นมาตรฐานความปลอดภัยในการใช้งานรถยนต์ และรถมอเตอร์ไซค์ที่วิ่งอยู่บนท้องถนนทุกวันนี้ เราจะพาไปหาคำตอบกัน
เลือกอ่านตามหัวข้อ
พาทำความรู้จัก ระบบเบรค ABS คืออะไร
ระบบเบรค ABS (Anti-Lock Brake System) คือ ระบบเบรคที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันอาการล้อล็อค หรือล้อตายในระหว่างที่ทำการเหยียบเบรค เลยทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมทิศทางของรถได้ เมื่อรถเริ่มชะลอความเร็วลง แม้จะมีอาการเสียหลักจนไถลก็ตาม จึงมีความปลอดภัยสูงในการใช้งาน และถูกใช้เป็นมาตรฐานระบบเบรคในรถยนต์ และรถมอเตอร์ไซค์ในปัจจุบัน
ระบบการทำงานของระบบเบรค ABS
ระบบเบรค ABS จะมีหลักการทำงานระหว่างระบบกลไกกับระบบอิเล็กทรอนิกส์ร่วมกัน โดยจะมีเฟืองวงแหวนติดตั้งอยู่กับเพลาหมุนของล้อ และมีเซนเซอร์ที่คอยตรวจจับอัตราการหมุนของฟันเฟือง เพื่อรายงานไปยังวงจร ABS ให้เกิดการทำงานขึ้นเมื่อเหยียบเบรคอย่างรุนแรง จึงทำให้ปั๊มเบรคทำงานแบบจับปล่อยอยู่ที่ 16-50 ครั้งต่อวินาที รถจึงไม่เกิดอาการล้อล็อค และยังสามารถควบคุมทิศทางเมื่อเกิดการเสียหลักได้อยู่
เมื่อระบบเบรค ABS ทำงานจะเป็นอย่างไร
หลายคนอาจจะยังไม่เคยเหยียบเบรคหนัก จนระบบ ABS เกิดการทำงานขึ้นมา จึงอาจจะสงสัยว่าเมื่อระบบเบรคตัวนี้ทำงานขึ้นมาแล้ว รถที่เราขับอยู่จะมีอาการเป็นอย่างไร สิ่งแรกที่เราจะสังเกตได้ชัดเลยก็คือเสียงที่ดังเข้าในห้องโดยสารจากการจับปล่อยบริเวณจานเบรค รวมไปถึงแรงสะเทือนที่เกิดขึ้น แต่ยังคงควบคุมทิศทางรถได้อยู่ และจะมีระยะในการเบรคที่ยาวขึ้นกว่าเดิมร่วมด้วย จึงสามารถแบ่งเป็นข้อดี และข้อเสียให้เห็นภาพกันชัด ๆ ได้ดังนี้
ข้อดีของเบรค ABS
- ป้องกันอาการล้อล็อค หรือล้อตายในระหว่างเบรคกะทันหันจนอาจทำให้รถพลิกคว่ำได้
- ช่วยให้ผู้ขับขี่ยังสามารถควบคุมทิศทางในระหว่างที่รถเสียอาการได้ จึงยังพอประคองรถเพื่อหลบสิ่งกีดขวางที่อันตรายได้อยู่
- ช่วยยืดอายุการใช้งานของยางรถยนต์ให้ยาวนานขึ้น เพราะดอกยางจะไม่สึกไวจากการเบรคแบบจับปล่อย
ข้อเสียของเบรค ABS
- มีเสียงดังในระหว่างกระทืบเบรคอย่างรุนแรงจนอาจทำให้ผู้ขับขี่เกิดอาการตกใจได้
- มีแรงสั่นสะเทือนเกิดขึ้นกับตัวรถ จึงอาจทำให้การควบคุมรถนั้นเป็นไปได้ยากขึ้น
- ระยะเบรคจะยาวขึ้นกว่าเดิม ทำให้ต้องมีสมาธิอย่างมากในการควบคุมรถเมื่อเกิดเหตุ
- มีค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง หรือดูแลรักษามากกว่าเบรคแบบธรรมดา
ข้อควรรู้เมื่อต้องใช้งานระบบเบรค ABS
ถ้าเลือกได้ คงไม่มีใครอยากให้ระบบเบรค ABS ทำงานขึ้นมาระหว่างขับขี่อยู่แล้ว เพราะนั่นหมายถึงเรากำลังเกิดอุบัติเหตุอยู่ แต่หากจำเป็นจะต้องใช้งานมันจริง ๆ สิ่งที่เราทุกคนต้องรู้ มีอะไรบ้าง เรามาดูกัน
- ตั้งสติให้ดี : อย่างที่เราได้บอกข้อเสียกันไปก็คือ เมื่อระบบเบรคเกิดการทำงานขึ้น จะมีเสียงดังครืดเข้ามาในห้องโดยสาร รวมไปถึงแรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นกับตัวรถ จึงไม่ควรตื่นตระหนก และพยายามตั้งสติในการประคองรถให้ดี
- ไม่เหยียบเบรคซ้ำ ๆ : หลายคนคิดว่าการเหยียบเบรคซ้ำ ๆ นั้นดีกว่า แต่นั้นเป็นสิ่งที่เข้าใจผิด การยกเท้าเหยียบเบรคซ้ำ ๆ จะทำให้แรงดันในปั๊มเบรคนั้นลดลงจนเบรคทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ จึงควรเหยียบค้างไว้จนกว่าจะประคองรถพ้นจากอันตรายได้
- ไม่ยกเท้าออกจากเบรคเร็วไป : อีกหนึ่งเรื่องที่คนมักจะทำไม่ต่างจากเหยียบเบรคซ้ำ ๆ ก็คือการรีบยกเท้าออกจากเบรคเร็วเกินไป จนทำให้ระบบเบรคยังทำงานได้ไม่เต็มที่ และอาจทำให้เกิดอันตรายจากระยะหยุดรถที่เพิ่มมากขึ้นด้วย
ระบบเบรค ABS สำคัญกับรถอย่างไร
หากไม่มีระบบเบรครถยนต์ ABS เข้ามาช่วยในการขับขี่ เมื่อเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนขึ้น ผู้ขับขี่จะไม่สามารถควบคุมรถให้เกิดความปลอดภัยได้เลย เพราะล้อจะเกิดอาการล็อคจนไม่สามารถหมุนพวงมาลัยไปตามทิศทางที่ต้องการได้ เบรค ABS จึงเข้ามาแก้ไขปัญหานี้ ด้วยระบบการจับปล่อยแบบที่บอกไปข้างต้น จึงช่วยให้การควบคุมพวงมาลัยยังคงสามารถทำได้อยู่ และยังช่วยให้การประคองรถหลีกสิ่งกีดขวางเป็นได้ง่ายมากขึ้น
ไฟ ABS โชว์ อันตรายไหม
โดยปกติแล้ว ถ้าระบบเบรค ABS สามารถทำงานได้ตามปกติ จะไม่มีไฟแจ้งเตือนขึ้นมาที่แผงหน้าปัดรถ แต่หากมีไฟโชว์ขึ้น นั่นแสดงว่าระบบเบรคกำลังมีปัญหาอยู่ หรือไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ให้ทำการนำรถเข้าไปเช็คที่ศูนย์บริการในทันที เพราะเมื่อเกิดเหตุการฉุกเฉินขึ้นมาในระหว่างขับขี่ การไม่มีระบบเบรค ABS อาจจะทำให้เราควบคุมรถไม่อยู่เลยก็ได้ จึงเป็นเรื่องที่คนใช้รถทุกคนไม่ควรนิ่งนอนใจเป็นเด็ดขาด
สรุปบทความ ระบบเบรค ABS ตัวช่วยสำคัญที่เพิ่มความปลอดภัยให้คุณ
เพราะระบบเบรค ABS มีความสำคัญอย่างมากในการขับขี่ในปัจจุบัน และเป็นมาตรฐานที่นำมาใช้งานในรถยนต์ทุกค่าย การศึกษาทำความเข้าใจในเรื่องการเหยียบเบรค จึงเป็นอีกสิ่งสำคัญที่คนใช้รถจะต้องเรียนรู้กันไว้ เพราะเราไม่รู้ว่าอุบัติเหตุจะเกิดขึ้นกับเราเมื่อไหร่ อย่างน้อยการเตรียมพร้อมไว้ล่วงหน้า ก็จะช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น และต้องไม่ลืมที่จะหมั่นตรวจเช็กสภาพรถเป็นประจำก่อนใช้งานทุกครั้งด้วยเช่นกัน
สำหรับใครที่มีรถใช้งาน แต่กำลังประสบปัญหาด้านเงินหมุนเวียนใช้จ่ายอยู่ และไม่รู้ว่าจะไปหาเงินก้อนแบบปลอดภัยได้ที่ไหน สินเชื่อรถแลกเงินจากทาง KTC คืออีกหนึ่งทางออกที่ดี ที่คนต้องการเงินก้อนฉุกเฉินไม่ควรพลาด เพราะเรามีวงเงินก้อนใหญ่ สมัครง่าย ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก มีบริการพี่เบิ้ม Delivery พร้อมเดินทางไปตรวจสอบสภาพรถถึงที่หน้าบ้าน รู้ผลไว พร้อมรับเงินได้ทันที โดยไม่ต้องมีคนค้ำ และผ่อนได้นานสูงสุด 84 เดือน และยังสามารถเลือกรับบัตรกดเงินสด KTC พี่เบิ้ม สำหรับใช้เงินฉุกเฉิน กดฟรีไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม
สมัคร KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน ได้ง่ายๆ
รับเงินก้อนทันที โดยไม่ต้องมีคนค้ำ
*กรุณาศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์ก่อนทำการสมัคร*
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ และธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด*
*กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ย 21% - 24% ต่อปี*