ตั้งครรภ์กี่สัปดาห์ถึงจะคลอด รวมเรื่องน่ารู้ของคุณว่าที่คุณแม่
สำหรับคุณแม่มือใหม่หรือคุณแม่ที่เตรียมวางแผนสำหรับการตั้งครรภ์แน่นอนว่านอกเหนือจากการวางแผนดูแลบุตร ในครรภ์ในช่วงฝากครรภ์ไปจนถึงช่วงตั้งท้องนั้นอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรละเลยนั่นก็คือการนับอายุครรภ์ ของเด็กเพื่อการดูแลอายุครรภ์ในแต่ละไตรมาสให้เหมาะสม นอกจากนี้การนับอายุครรภ์ยังถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยทำให้แพทย์สามารถประเมินสุขภาพร่างกายของเด็กทารกที่อยู่ในครรภ์รวมถึงความเสี่ยงต่าง ๆ และภาวะแทรกซ้อนไปจนถึงความสมบูรณ์ของร่างกายและระบบต่างๆของเด็กทารกไปจนถึงการกำหนดการคลอดแบบคร่าว ๆ ให้แก่คุณแม่ได้อีกด้วย
เลือกอ่านตามหัวข้อ
ตั้งครรภ์กี่สัปดาห์ถึงจะคลอด
สำหรับอายุครรภ์การตั้งครรภ์ส่วนใหญ่ จะมีการครบกำหนดคลอดอยู่ที่ 38-41สัปดาห์ หรือประมาณ 9 เดือน และต้องไม่เกิน 42 สัปดาห์ อาจคลาดเคลื่อนไปไม่เกิน 6 วัน โดยเฉลี่ยหากมีการคลอดก่อนที่ 37 สัปดาห์ทางการแพทย์จะถือว่าเป็นการคลอดก่อนกำหนด ซึ่งส่วนใหญ่แล้วสำหรัยทารกที่คลอดในช่วงอายุครรภ์ 36 สัปดาห์ขึ้นไป ส่วนใหญ่มักจะไม่พบปัญหาหรืออาการผิดปกติใดๆ
ในช่วงการตั้งครรภ์ว่าที่คุณแม่ส่วนใหญ่มักจะเจอคำถามเรื่องอายุครรภ์กันอยู่บ่อย ๆ ซึ่งคุณแม่มือใหม่หลายคนอาจไม่รู้ว่าการนับอายุครรภ์นั้นนับยังไง สามารถนับด้วยตัวเองได้หรือไม่ เพื่อวางแผนในการดูแลบุตรในครรภ์รวมถึงกำหนดการคลอดแบบคร่าว ๆ ให้คุณแม่ได้เตรียมความพร้อม และจะรู้ได้อย่างไรว่าอายุครรภ์นับแบบไหน เริ่มนับเมื่อไหร่เรารวบรวมข้อมูลน่ารู้มาฝากว่าที่คุณพ่อคุณแม่กัน
วิธีนับอายุครรภ์ให้แม่นยำ เตรียมความพร้อมก่อนคลอด
สำหรับการตั้งครรภ์การนับอายุครรภ์ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ว่าที่คุณแม่ต้องใส่ใจพิเศษ เพราะเมื่อคุณแม่ทราบถึงอายุครรภ์จะสามารถบ่งบอกถึงความสมบูรณ์ของเด็กทารกในครรภ์ วิธีการดูแล การรับประทานอาหารเสริมต่าง ๆ เพื่อเป็นประโยชน์ให้แก่ลูกน้อย รวมถึงช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยแผนการตรวจครรภ์ กำหนดวันคลอด และการเช็คภาวะแทรกซ้อนทางสุขภาพที่จะส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ได้อีกด้วย เพื่อการดูแลรักษาสุขภาพของแม่และเด็กในครรภ์อย่างใกล้ชิด กับวิธีนับอายุครรภ์ที่คุณแม่สามารถเริ่มนับด้วยตัวเองง่าย ๆ จากวิธีดังนี้
วิธีนับอายุครรภ์ที่แม่นยำด้วยการทำอัลตราซาวด์
1.เริ่มนับจากวันแรกที่ประจำเดือนมาครั้งสุดท้าย
วันแรกที่ประจำเดือนมาครั้งสุดท้ายหรือครั้งล่าสุด จะถือว่าวันแรกของการตั้งครรภ์ เช่น ประจำเดือนครั้งล่าสุดคือ วันที่ 1 - 6 กุมภาพันธ์ โดยวันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้าย คือ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ดังนั้นจึงเท่ากับว่าการตั้งครรภ์วันแรกของว่าที่คุณแม่คือวันที่ 1 กุมภาพันธ์นั่นเอง
2. นับอายุครรภ์ด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงหรืออัลตราซาวด์
แต่หากคุณแม่เป็นคนที่มีประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอหรือจำวันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้ายไม่ได้ สามารถเข้าพบสูตินารีแพทย์ เพื่อนับอายุครรภ์ด้วยการอัลตราซาวด์ (Untrasonography) ตั้งแต่ในช่วงไตรมาสแรกได้เช่นกัน ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้แพทย์สามารถทราบถึงขนาดของถุงตั้งครรภ์ (Gestational Sac) ความยาวของทารก (Crown Rump Length) และคำนวณอายุครรภ์ของคุณแม่ได้คำนวณวันคลอดได้ง่าย ๆ
3. การนับอายุครรภ์ตามวันที่ปฏิสนธิ (Fertilization age)
การนับอายุครรภ์ตามวันที่ปฏิสนธิจะมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นการนับอายุจริงของทารกในครรภ์ที่คำนวณจากอายุครรภ์นับตามวันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้ายกับวันที่คุณแม่มีกำลังมีวันตกไข่หรือวันที่มีการปฏิสนธิ โดยเป็นการนับจากอายุครรภ์ที่นับตามวันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้าย (Gestational Age) = อายุครรภ์ตามวันที่ปฏิสนธิ (Fertilization age) + 2 สัปดาห์
ซึ่งทั้งนี้หากคุณแม่ทราบทั้งประวัติประจำเดือนที่มาครั้งสุดท้ายประกอบการตรวจอัลตราซาวด์ จะยิ่งทำให้การคำนวณอายุครรภ์รวมถึงกำหนดการคลอดมีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น
วางแผนการเงินเพื่อลูกน้อย เลือกใช้จ่ายสุดคุ้มผ่านบัตรเครดิต
ไตรมาสของการตั้งครรภ์ ดูอย่างไร
สำหรับการนับอายุครรภ์ของทารก การนับลูกดิ้น จะถูกแบ่งออกเป็นตามไตรมาส เพื่อให้แพทย์สามารถประเมินสุขภาพและร่างกายของทารกภายในครรภ์ได้นั่นเอง โดยการดูอายุครรภ์ตามไตรมาสสามารถดูได้ง่าย ๆ ดังนี้
ตารางไตรมาสของการตั้งครรภ์สำหรับคุณแม่
ไตรมาสที่ 1 คือ ช่วงเดือนที่ 1-3 นับเป็น 1-13 สัปดาห์ ดังนี้
- เดือนที่ 1 อายุครรภ์ 1 - 4 สัปดาห์
- เดือนที่ 2 อายุครรภ์ 5 - 8 สัปดาห์
- เดือนที่ 3 อายุครรภ์ 9 - 13 สัปดาห์
ไตรมาสที่ 2 คือ ช่วงเดือนที่ 4-6 นับเป็น 14-27 สัปดาห์ ดังนี้
- เดือนที่ 4 อายุครรภ์ 14 - 17 สัปดาห์
- เดือนที่ 5 อายุครรภ์ 18 - 22 สัปดาห์
- เดือนที่ 6 อายุครรภ์ 23-27 สัปดาห์
ไตรมาสที่ 3 คือ ช่วงเดือนที่ 7-9 นับเป็น 28-40 สัปดาห์ ดังนี้
- เดือนที่ 7 อายุครรภ์ 28 - 31 สัปดาห์
- เดือนที่ 8 อายุครรภ์ 32 - 35 สัปดาห์
- เดือนที่ 9 อายุครรภ์ 36 - 40 สัปดาห์
อายุครรภ์ กำหนดคลอดมีวิธีคำนวณอย่างไร
สำหรับการนับอายุครรภ์อีกหนึ่งสิ่งสำคัญคือเพื่อการประเมินกำหนดวันคลอดแบบคร่าว ๆ สำหรับว่าที่คุณแม่ที่ต้องมีการเตรียมตัวไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยสามารถคำนวณกำหนดการคลอดคร่าว ๆ ด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ โดยการนับจากวันแรกของการมีประจำเดือนครั้งสุดท้ายบวกไปอีก 9 เดือน และนับบวกต่อไปอีก 7 วัน เช่น วันแรกที่ประจำเดือนมาครั้งสุดท้ายคือวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ก็ให้บวกไปอีก 9 เดือน ซึ่งจะตรงกับวันที่ 1 พฤศจิกายน จากนั้นนับบวกต่อไปอีก 7 วัน ก็จะได้กำหนดคลอดตรงกับวันที่ 8 พฤศจิกายน
นับอายุครรภ์มีประโยชน์ต่อว่าที่คุณแม่
การนับอายุครรภ์มีประโยชน์อย่างไร
การทราบอายุครรภ์ของทารกถือว่ามีประโยชน์ต่อตัวของว่าที่คุณแม่รวมถึงทารกในครรภ์หลายประการ ดังนี้
- แพทย์สามารถกำหนดวันคลอดให้คุณแม่ได้
- แพทย์สามารถตรวจพบความผิดปกติในระหว่างการตั้งครรภ์ได้ในกรณีที่คุณแม่มีภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์
- สามารถทำการนัดหมายแพทย์ในช่วงที่อายุครรภ์เหมาะสมสำหรับการนัดอัลตราซาวด์เพื่อดูเพศของลูกได้
- คุณแม่สามารถรับรู้ถึงพัฒนาการของทารกในครรภ์ว่ามีการเติบโตสมวัยหรือไม่
- คุณแม่สามารถวางแผนดูแลตนเองให้เหมาะสมกับช่วงอายุครรภ์ เพื่อให้ทารกได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและมีประโยชน์ต่อการเจริญเติบโต มีความแข็งแรงสมวัย
- ช่วยให้คุณแม่สามารถตั้งครรภ์ได้อย่างปลอดภัยภายใต้การดูแลของแพทย์
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ โรงเรียนนานาชาติ สำหรับลูกน้อยได้ที่นี่
แนะนำแอปติดตามการตั้งครรภ์ที่คุณแม่ควรมี
1. Mali แม่มือใหม่และการตั้งครรภ์
แอปติดตามการตั้งครรภ์ Mali
Mali แอปพลิเคชันติดตามการตั้งครรภ์ที่ครบถ้วน เหมาะสำหรับคุณแม่ที่กำลังมีลูกน้อย มาพร้อมฟังก์ชันหลากหลายที่ช่วยในการติดตามการตั้งครรภ์ได้เป็นอย่างของลูกน้อย พร้อมคำนวณวันคลอดจากประจำเดือนวันสุดท้าย ติดตามพัฒนาการลูกน้อยในแต่ละวันโดยใช้กราฟิกสุดน่ารักเปรียบเทียบให้เห็นภาพ มีความรู้หลายหมวดหมู่ที่พกมาเพื่อคุณแม่โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นหมวดหมู่อาการคนท้อง หมวดหมู่สุขภาพลูก หมวดหมู่เมนูอาหารของคุณแม่ ทั้งยังสามารถใช้บริการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หรือรับบริการด้านสุขภาพ เช่น นวดเต้านม พยาบาลดูแลหลังคลอด รวมทั้งมีคอมมูนิตี้สำหรับคุณแม่ในรูปแบบของ Open Chat ทาง Line
ช่องทางดาวน์โหลด : App Store และ Play Store
2. Asianparent
แอปติดตามการตั้งครรภ์ Asianparent
แอปพลิเคชันติดตามการตั้งครรภ์สำหรับคุณแม่มีภาษาที่หลากหลายรองรับไม่ว่าจะเป็น ภาษาไทย, อังกฤษ, เวียดนาม, อินโดนีเซีย, ฟิลิปินส์ และมาเลเซีย ที่สามารถบันทึกติดตามพัฒนาการของลูกน้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพมาพร้อมกราฟิกน่ารัก นอกจากนี้ยังมีบทความสำหรับคุณแม่ที่สามารถอ่านศึกษาเกี่ยวกับการดูแลลูกน้อย และคอมมูนิตี้สำหรับคุณแม่ที่โพสต์ถามตอบได้เลยผ่านแอปพลิเคชันในการให้คำแนะนำ คำตอบข้อสงสัยต่าง ๆ ในระหว่างการตั้งครรภ์นั่นเอง
ช่องทางดาวน์โหลด : App Store และ Play Store
3. การตั้งครรภ์ของฉัน
แอปติดตามการตั้งครรภ์ Pregnancy App BabyInside
แอปพลิเคชันสำหรับคุณแม่ที่มีฟังก์ชันในการติดตามพัฒนาครรภ์ที่เข้าถึงได้ง่าย ทำความเข้าใจได้ไม่ยากทั้งยังมีภาษารองรับหลากหลายกว่า 35 ภาษา รวมถึงมีวิดีโอจำลองช่วงที่ลูกน้อยอาศัยอยู่ในครรภ์อีกด้วย มาพร้อมบทความน่ารู้เกี่ยวกับคุณแม่อีกมากมาย รวมถึงมีฟังก์ชันเช็กลิสต์รายวันและสิ่งของที่ต้องเตรียมพร้อมขณะใกล้คลอดอีกด้วย
ช่องทางดาวน์โหลด : Play Store
4. Baby Billy
แอปติดตามการตั้งครรภ์ Baby Billy ตั้งครรภ์ & ลูกน้อย
ใครกำลังมองหาแอพที่ใช้งานง่ายและมาพร้อมธีมน่ารัก ๆ เราขอแนะนำ Baby Billy เลยค่ะ โดยแอพนี้จะมีตัวการ์ตูนสุดน่ารักแทนลูกน้อยที่จะเติบโตไปพร้อม ๆ กัน นอกจากฟังก์ชันติดตามการตั้งครรภ์แล้วยังมีความรู้แนะนำที่ต่างกันไปในแต่ละวันอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น Baby Billy ยังมีข้อมูลแยกต่างหากสำหรับคุณพ่อโดยเฉพาะ ว่าต้องดูแลคุณแม่อย่างไร เตรียมตัวอย่างไรบ้าง และมีคอมมูนิตี้ให้เราสามารถแบ่งปันประสบการณ์หรือสอบถามเหล่าแม่ ๆ ได้อีกด้วย
ช่องทางดาวน์โหลด : App Store และ Play Store
5. Sprout Pregnancy
แอปติดตามการตั้งครรภ์ Sprout Pregnancy
Sprout แอปพลิเคชันติดตามการตั้งครรภ์ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับลูกน้อยด้วยกราฟิก 3D ที่มีความสมจริง สามารถอ่านข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการของลูกน้อยในแต่ละสัปดาห์ได้อีกด้วย พร้อมแนะนำตลอดช่วงระยะเวลาในการตั้งครรภ์ ช่วยให้ความรู้คุณแม่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการที่น่าตื่นเต้นของลูกน้อยแบบใกล้ชิด ว่าลูกน้อยกำลังเจริญเติบโตมากขึ้นขนาดไหน พร้อมฟังก์ชันอื่น ๆ อีกมากมาย อาทิ Weight Tracker, Kick Counter หรือ Organizer เพื่อให้คุณแม่โน้ตเรื่องสำคัญเกี่ยวกับลูกน้อยหรือวันนัดพบกับคุณหมอ
ช่องทางดาวน์โหลด : App Store และ Play Store
อย่างไรก็ตาม อายุครรภ์ และกำหนดเวลาคลอดอาจก็สามารถเกิดความคลาดเคลื่อนได้เช่นกัน คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ควรต้องมีการเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพร่างกายของตนเองและทารกในครรภ์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นการอัปเดตตามระยะของการตั้งครรภ์ พร้อมรับคำแนะนำจากแพทย์ในการดูแลลูกน้อยในครรภ์บวกกับการเตรียมความพร้อมก่อนคลอด นอกจากเรื่องของสุขภาพแล้วอีกหนึ่งสิ่งคือในเรื่องของการเตรียมความพร้อมทางด้านค่าใช้จ่ายในการคลอดลูกและการเลี้ยงดูทารก เนื่องจากในช่วงวัยแรกเกิดเป็นช่วงที่คุณพ่อและคุณแม่ต้องดูแลลูกน้อยอย่างใกล้ชิดอีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ตามมาอีกมากมาย ทั้งค่าคลอดบุตร ค่าชุดเสื้อผ้า ค่าที่นอน และอุปกรณ์การดูแลเด็กอ่อน ไปจนถึงการวางแผนการเงินสำหรับลูกน้อยในช่วงที่เติบโตขึ้น รวมถึงการศึกษาเบิกค่าฝากครรภ์ ประกันสังคม ออนไลน์ และการมีเงินสำรองไว้ใช้จ่าย กับการสมัครบัตรเครดิตออนไลน์ ที่มีทั้งความสะดวกในการสมัครบัตรฯ และใช้ในการชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของลูกที่กำลังจะมาถึง พร้อมรับสิทธิประโยชน์จากการใช้บัตรเครดิต KTC อีกมากมาย ทั้งคะแนนสะสม โปรโมชั่นส่วนลดจากพาร์ทเนอร์ชั้นนำในหมวดหมู่ต่าง ๆ การเลือกผ่อนชำระ 0% หมดกังวลในเรื่องของค่าธรรมเนียมแรกเข้าและค่าธรรมเนียมรายปี ถือเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ช่วยให้คุณแม่วัยทำงานอุ่นใจ เตรียมพร้อมทุกเรื่องการใช้จ่ายของลูกน้อยได้อย่างราบรื่น
บัตรเครดิต KTC เตรียมพร้อมค่าใช้จ่ายสำหรับลูกน้อย
ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปี