ซื้อ iPhone 13 ตอนนี้ หรือรอ iPhone 14 ที่นี่มีคำตอบ
แม้ว่าแบรนด์ Apple เปิดวางจำหน่ายมือถือรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง iPhone 13 Series ได้หลายเดือนแล้ว แต่เชื่อว่ามีสาวกแอปเปิลไม่น้อยที่มีอาการลังเลตัดสินใจไม่ได้ว่า ควรเปลี่ยนไอโฟน 11 ในมือมาเป็นไอไฟน 13 หรืออดใจรออีกไม่ถึงปีแล้วค่อยถอยไอโฟน 14 ดี เพราะหลังเปิดตัว iPhone 13 ไม่นานกลับมีข่าวลือเกี่ยวกับ iPhone 14 ที่เตรียมพร้อมเผยโฉมให้ได้เห็นช่วงปลายปี 2022 ออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ iPhone 14 Pro Max ซึ่งคาดกันว่ามาพร้อมหน้าจอไร้รอยบาก รวมถึงมีการอัปเกรดสเปคอีกเพียบ และเพื่อให้ง่ายต่อการตัดสินใจ วันนี้เรามีสรุปข้อมูลที่น่าสนใจว่า ควรซื้อ iPhone 13 มาใช้งานหรือรอ iPhone 14 ก่อนดี
มาดู 7 เหตุผลที่ควรรู้ ก่อนตัดสินใจซื้อ iPhone 13 หรือรอ iPhone 14
1. อัปเกรดหน้าจอแสดงผลใหม่
iPhone 13
ต้องบอกว่า iPhone 13 Series ถือเป็นมือถือรุ่นแรกของแบรนด์ Apple ที่นำเทคโนโลยี ProMotion มาใช้งาน ทำให้รองรับค่า Refresh Rate ระดับสูงสุด 120Hz ซึ่งช่วยปรับค่าการแสดงผลให้เหมาะสมกับคอนเทนต์แบบอัตโนมัติระหว่าง 10-120Hz นอกจากใช้งานได้ลื่นไหลมากขึ้น ยังประหยัดพลังงานอีกด้วย ส่วนหน้าจอแสดงผล iPhone 13 ทั้ง 4 รุ่น มีหน้าจอเป็น OLED แบบ Super Retina XDR ระดับ HDR
iPhone 14
ส่วนข่าวลือเกี่ยวกับหน้าจอแสดงผลของ iPhone 14 นั้น คาดว่าใช้หน้าจอแสดงผลแบบ LTPO ที่ถูกนำไปใช้กับสมาร์ทโฟนระดับเรือธงหลายต่อหลายรุ่นในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น Samsung Galaxy Note 20 Ultra, Samsung Galaxy S21 Ultra, OnePlus 9 Pro ไปจนถึง Xiaomi 12 โดยข้อดีของหน้าจอแสดงผล LTPO คือทำให้สามารถปรับอัตรารีเฟรชของหน้าจอให้ต่ำลง เพื่อแสดงผลภาพนิ่งเป็นเวลานานๆ ได้ โดยไม่จำเป็นต้องรีเฟรชถี่ ๆ เพื่อแสดงผลอย่างต่อเนื่องเป็นผลให้ใช้พลังงานน้อยลงตามไปด้วย
2. ขนาดรอยบาก (Notch) ที่เปลี่ยนไป
iPhone 13
แม้ดีไซน์หน้าจอ iPhone 13 ทั้ง 4 รุ่น แทบไม่ต่างจาก iPhone 12 Series มากนัก เนื่องจากในไอโฟน 13 ยังคงใช้หน้าจอที่เป็น Ceramic shield ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ขณะเดียวกันมีการปรับความทนทานของอะลูมิเนียมที่ใช้ทำขอบให้แข็งแรงทนทานกว่าสมาร์ทโฟนรุ่นที่เปิดตัวในเวลาไล่เลี่ยกัน และความพิเศษอีกอย่างของ iPhone 13 ก็คือมีรอยบากขนาดเล็กลงกว่าเดิมถึง 20% เลยทีเดียว
iPhone 14
ในส่วนของดีไซน์ตัวเครื่องไอโฟน 2022 นั้นคาดการณ์ว่า iPhone 14 มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ใหม่ยกแผง ไม่ว่าจะมีการถอดรอยบากออกไป เปลี่ยนมาใช้ดีไซน์แบบเจาะรูบนหน้าจอ (Punch hole) แต่เป็นวงรีและวางอยู่ขอบบนแนวกลางหน้าจอแทน ทำให้มีพื้นที่จอแสดงผลที่ใหญ่ขึ้น รบกวนสายตาน้อยลง
3. มีให้เลือกซื้อ 4 รุ่นเหมือนเดิม แต่ต่างที่ชื่อเรียก
iPhone 13
ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สาวกแอปเปิลคุ้นเคยกับจำนวนโมเดลของ iPhone Series แน่นอนว่า ใน iPhone 13 Series ก็มีให้เลือกซื้อมาใช้งานตามความชอบถึง 4 รุ่นเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น iPhone 13 mini, iPhone 13, iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max แต่ต่างกันที่ขนาดเครื่อง สเปคภายใน ขนาดความจุ และราคาเท่านั้น
iPhone 14
แม้ข้อมูลสเปค iPhone 14 ที่หลุดออกมามีไม่มากนัก แต่สิ่งที่เรียกความสนใจให้ผู้ใช้งานระบบ iOS ได้แพ้กัน นั่นคือ iPhone 14 จะไม่มีรุ่น Mini แล้ว แต่ยังมี 4 รุ่นเช่นเดิม ได้แก่ iPhone 14, iPhone 14 Max, iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max แต่สุดท้ายต้องรอคำยืนยันเรื่องดังกล่าวจากแบรนด์ Apple อีกที
4. ขนาดและความละเอียดหน้าจอ
iPhone 13
iPhone 13 mini วางอยู่บนโต๊ะ
สำหรับขนาดและความละเอียดหน้าจอของ iPhone 13 แต่ละรุ่น มีดังนี้
- iPhone 13 mini ขนาด 5.4 นิ้ว ความละเอียด 2340 x 1080 พิกเซลที่ 476 ppi
- iPhone 13 ขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซลที่ 460 ppi
- iPhone 13 Pro ขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซลที่ 460 ppi
- iPhone 13 Pro Max ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด 2778 x 1284 พิกเซลที่ 458 ppi
iPhone 14
ขณะที่ iPhone 14 มีข่าวลือว่า มาพร้อมขนาดหน้าจอ 6.06 นิ้ว และ 6.68 นิ้ว ส่วนความละเอียดสูงสูด อยู่ที่ 2778 x 1284 พิกเซลที่ 458 ppi โดยมีรายละเอียดดังนี้
- iPhone 14 ขนาด 6.06 นิ้ว ความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซลที่ 460 ppi
- iPhone 13 Pro ขนาด 6.06 นิ้ว ความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซลที่ 460 ppi
- iPhone 13 Max ขนาด 6.68 นิ้ว ความละเอียด 2778 x 1284 พิกเซลที่ 458 ppi
- iPhone 13 Pro Max ขนาด 6.68 นิ้ว ความละเอียด 2778 x 1284 พิกเซลที่ 458 ppi
เลือกซื้อ iPhone ทุกรุ่นแบบสบาย ๆ เมื่อผ่อนจ่ายด้วยบัตรเครดิต
5. ชิปเซ็ตรุ่นใหม่ล่าสุด
iPhone 13
ประสิทธิภาพของชิปเซ็ต Apple A15 Bionic
ไอโฟน 13 มาพร้อมชิปเซ็ต Apple A15 Bionic รุ่นใหม่ล่าสุด บนเทคโนโลยีระดับ 5nm ที่มีประสิทธิภาพดีขึ้นราว 20% พร้อม CPU แบบ 6-แกน จับคู่ GPU แบบ 4-แกน ซึ่งทางแบรนด์ Apple เคลมว่านี่เป็นชิปเซ็ตมือถือที่มีกราฟิกแรงที่สุดในอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนในตอนนี้
iPhone 14
ในส่วนของ iPhone 14 คาดการณ์ว่า มาพร้อมชิปเซ็ตที่ถูกอัปเกรดให้เร็วและแรงกว่าเดิม จากที่ iPhone 13 ใช้ชิปเซ็ต Apple A15 Bionic แต่ iPhone 14 สาวกแอปเปิลจะได้พบกับชิปเซ็ต Apple A16 Bionic ซึ่งสร้างจากเทคโนโลยีการผลิต 4 นาโนเมตร
6. ระบบสแกนลายนิ้วมือ
iPhone 13
แน่นอนว่า iPhone 13 Series ยังคงมาพร้อมระบบ Face ID ซึ่งเป็นการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าที่ปลอดภัยที่สุดในสมาร์ทโฟน
iPhone 14
มีข่าวลือว่า Apple เตรียมนำฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือ อย่างระบบ Touch ID กลับมาใช้อีกครั้งบน iPhone 14 ทุกรุ่น ทั้งยังรองรับการใช้งาน Face ID หรือระบบสแกนใบหน้าอยู่เช่นเดิม หากเป็นเรื่องจริงนั่นแสดงว่า ใน iPhone 14 คุณสามารถปลดล็อคผ่านระบบ Face ID และ Touch ID ภายในเครื่องเดียว
7. ความละเอียดกล้อง
iPhone 13
ในส่วนของกล้องถ่ายรูปพบว่า iPhone 13 mini และ iPhone 13 มาพร้อมกล้องหลัง 2 เลนส์ ให้ความละเอียดภาพสูงสุด 12 ล้านพิกเซล ขณะที่ iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max มีกล้องหลังถึง 3 เลนส์ ส่วนความละเอียดภาพอยู่ที่ 12 ล้านพิกเซลเช่นเดียวกัน
iPhone 14
แม้ยังไม่มีข้อมูลเรื่องจำนวนกล้องบนไอโฟน 14 แต่มีการเปิดเผยว่า iPhone 14 Pro Max มาพร้อมกล้องหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล ทั้งยังรองรับการบันทึกวิดีโอสูงสุดที่ระดับ 8K อีกด้วย หากเป็นเรื่องจริงต้องบอกว่า ความละเอียดกล้องใน iPhone 14 สูงกว่า iPhone 13 มากถึง 4 เท่าเลยทีเดียว
สรุปซื้อ iPhone 13 หรือรอ iPhone 14 ก่อนดี
นี่ถือเป็นคำถามยอดฮิตที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อมีการเปิดตัวไอโฟนรุ่นใหม่ทุกครั้ง คำตอบนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นที่ใช้งานอยู่ ไลฟ์สไตล์ในการใช้งาน รวมถึงงบประมาณ หรืออธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ ถ้าคุณใช้งาน iPhone 11 Series หรือ iPhone 12 Series และไม่รีบร้อนที่จะเปลี่ยนมือถือ ไอโฟนทั้ง 2 รุ่นก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งาน เพราะยังสามารถอัปเดตเป็น iOS 15 ได้อยู่ ดังนั้นการรอซื้อ iPhone 14 Series ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว เนื่องจากดีไซน์และสเปค iPhone 13 Series แทบไม่ต่างจาก iPhone 12 Series เลย ซึ่งต่างจาก iPhone 14 Series ที่หากพิจารณาข้อมูลด้านบนพบว่า มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์เครื่อง และการอัปเกรดหลาย ๆ ด้าน ทั้งใช้ชิปเซ็ต Apple A16 Bionic ความละเอียดกล้องสูงถึง 48 ล้านพิกเซล หรือการกลับมาของ TouchID แต่สุดท้ายขึ้นอยู่กับคุณว่าอยากรอไอโฟน 14 หรือไม่
แต่ไม่ว่าคุณจะเลือกซื้อ iPhone รุ่นไหน การมีตัวช่วยทางการเงินดี ๆ อย่างบัตรเครดิตที่ช่วยให้คุณเลือกซื้อสินค้าราคาสูงได้แบบไม่ต้องเสียเวลาเก็บเงินนาน แถมถ้าโชคดีอาจได้รับโชคกลับมาหลายต่อ ไม่ว่าจะเป็นโปรผ่อน 0% รับเครดิตเงินคืน หรือใช้คะแนนสะสมแลกเป็นส่วนลดเพิ่ม ฉะนั้นก่อนรูดบัตรเครดิตชำระค่ามือถือลองเช็คโปรโมชั่นบัตรเครดิตกับบรรดาผู้จำหน่ายมือถือ อย่างเว็บไซต์ Apple, Advice, Banana IT, Power Buy, AIS, DTAC, TrueMove H, Studio7, Lazada และ Shopee อีกครั้งว่ามีสิทธิประโยชน์อะไรให้คุณใช้รับความคุ้มค่าบ้าง
อ้างอิงข้อมูล : Gizchina
ผ่อน iPhone 13 แบบ 0% ด้วยบัตรเครดิต...ที่นี่
ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปี