เมื่อรู้สึกเครียด คนเราจะมีวิธีการผ่อนคลายที่แตกต่างกันออกไป ส่วนใหญ่จะเลือกวิธีที่ตนเองเคยชิน ถนัด ชอบ หรือสนใจ ทำแล้วเพลิดเพลิน มีความสุข เช่น นอนพักผ่อน ออกกำลังกาย ดูหนัง หรือแม้แต่การช้อปปิ้ง ที่เรียกว่า Shopping Therapy บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับคำว่า Shopping Therapy คืออะไร การช้อปปิ้งช่วยหายเครียดจริงไหม ? KTC มัดรวมคำตอบมาให้ไว้ที่นี่แล้ว พร้อมเทคนิคช้อปปิ้งแบบคุ้มค่าด้วย
Shopping Therapy คืออีกหนึ่งวิธี การบำบัดความเครียดด้วยการช้อปปิ้ง
Shopping Therapy (Retail Therapy) คืออะไร ?
Shopping Therapy (Retail Therapy) คือ การบำบัดความเครียดด้วยการช้อปปิ้ง ช่วยปรับอารมณ์ด้านลบ อาทิ ความเครียด ความวิตกกังวล ความโกรธ ความเศร้า ฯลฯ ให้ผ่อนคลายและมีความสุข เป็นหนึ่งในวิธีเยียวยารักษาจิตใจ ช่วยผ่อนคลายความขุ่นมัวจากความเครียดหรืออารมณ์ด้านลบอื่นๆ ช่วยทดแทนความสุขที่หายไปได้เป็นอย่างดี ช่วยให้ลืมความเครียด ความวิตกกังวล ความโกรธ ความเศร้า หรืออารมณ์ด้านลบต่างๆ ที่เกิดขึ้นไปได้ชั่วคราว ไม่แปลกที่บางคนที่รู้สึกเครียด แต่เมื่อได้ช้อปปิ้งจะรู้สึกผ่อนคลาย
เพราะการได้จับจ่ายใช้สอยของที่อยากได้ สามารถมอบความรู้สึกดีๆ อีกทั้งยังเหมือนมีอำนาจในการซื้อ ตัดสินใจให้กับตัวเองด้วย เป็นผู้เลือกว่าจะใช้เงินซื้อสิ่งใด อยากซื้ออะไรก็ซื้อ ทำให้รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า สร้างความรู้สึกว่าเราจัดการตัวเองได้ สามารถควบคุมสิ่งต่างๆ ในชีวิตได้ เสมือนเป็นตัวช่วยในการเบี่ยงความสนใจ ทำให้เรากลับมาโฟกัสกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า แทนที่จะเอาใจไปจดจ่ออยู่กับอารมณ์ด้านลบ ผลที่ตามมาคือรู้สึกผ่อนคลายจากความเครียด เพราะความเครียดทำให้เรารู้สึกว่าถูกกดทับ ไม่มีสิทธิ์เลือก และไม่สามารถควบคุมอะไรได้
ช้อปปิ้งแล้วหายเครียดจริงไหม?
คำตอบคือ จริง อย่างไรก็ตาม การช้อปปิ้งอาจช่วยให้หายเครียดได้เพียงชั่วคราว โดยปกติเราจะรู้สึกดีขณะจ่ายเงินและได้ครอบครองสินค้า รวมถึงเมื่อสิ่งที่เราซื้อมา ใช้แล้วตอบโจทย์ แต่ถ้าสิ่งที่เราซื้อไม่ได้เป็นสิ่งจำเป็นหรืออยากได้อยากใช้จริงๆ การใช้เงินกับสิ่งที่ไม่จำเป็นนี้อาจทำให้เรามาเครียดทีหลังเพราะเสียดายเงิน ยิ่งหากมีพฤติกรรมเสพติดการช้อปปิ้ง หรือใช้การช้อปปิ้งเพื่อแก้ปัญหาเมื่อเกิดความเครียดบ่อยๆ ย่อมส่งผลต่อเงินในบัญชี และอาจนำไปสู่การเกิดหนี้สินตามมา จนทำให้ยิ่งเครียดหนัก แถมเครียดในระยะยาวได้อีกด้วย
ข้อดีของการช้อปปิ้ง
1. ได้สิ่งของที่จำเป็นหรือต้องการ
ประโยชน์หลักๆ ของการช้อปปิ้ง คือทำให้เราได้ซื้อสิ่งของที่ต้องการ สิ่งที่จำเป็นต้องใช้ โดยส่วนมากเวลาเราซื้อของเราก็ต้องซื้อในสิ่งที่เรายังไม่มี หรือซื้อเพื่อทดแทนสิ่งที่ใช้หมดไปแล้ว อย่างไรก็ตาม กรณีสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น เครื่องประดับ เครื่องสำอาง ควรคิดให้รอบคอบก่อนซื้อ เพราะอาจเป็นการใช้จ่ายเกินความจำเป็น เป็นการฟุ่มเฟือยโดยใช่เหตุ
2. ช่วยคลายความเครียด
การช้อปปิ้งเป็นหนึ่งในวิธีเยียวยารักษาจิตใจ หรือที่เรียกว่า Shopping Therapy การช้อปปิ้งซื้อของที่อยากได้จะช่วยผ่อนคลายความขุ่นมัวจากความเครียดหรืออารมณ์ด้านลบอื่นๆ ช่วยปลดปล่อยความเครียดและช่วยทดแทนความสุขที่หายไปได้เป็นอย่างดี ช่วยให้ลืมความเครียด ความวิตกกังวล ความโกรธ ความเศร้า หรืออารมณ์ด้านลบอื่นๆ ที่เกิดขึ้นไปได้
3. ช่วยให้ลืมความทุกข์
การช้อปปิ้งช่วยทำให้เราลืมความทุกข์ต่างๆ ไปได้ แม้จะเป็นระยะเวลาชั่วคราวก็ตาม เนื่องจากการช้อปปิ้งนั้นต้องใช้เวลาและสมาธิในการเลือกซื้อของ เพื่อให้ได้สินค้าที่ถูกใจที่สุด ขณะที่ช้อปปิ้งเราจึงโฟกัสแต่เรื่องการช้อปปิ้งเพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเอง ทำให้เราลืมคิดถึงเรื่องเครียดหรือความทุกข์อื่นๆ ไปได้ชั่วคราว
4. ช่วยทำให้มีความสุข
จากการศึกษาพบว่าการช้อปปิ้งทำให้สมองของเราหลั่งสารเซโรโทนิน ซึ่งเป็นสารเคมีจากสมองที่มีผลต่ออารมณ์และความรู้สึก ช่วยให้เรารู้สึกสุขสงบขึ้น นอกจากนี้ยังมีการวิจัยพบว่า การให้รางวัลตัวเองด้วยการช้อปปิ้ง จะทำให้สมองหลั่งฮอร์โมนโดปามีนที่ทำให้มีความสุขเมื่อเราได้รับรางวัลจากการทำอะไรสักอย่าง ซึ่งรวมถึงการซื้อของให้ตัวเองด้วยเช่นกัน ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีการศึกษาพบว่า การช้อปปิ้งคลายเครียดช่วยเพิ่มความสุขได้มากถึง 11% ทั้งยังช่วยให้สมองหลั่งสารแห่งความสุข หรือออกซิโทซินมากขึ้น 38% อีกด้วย
5. รู้สึกมีอำนาจ
การช้อปปิ้งทำให้เรารู้สึกถึงอำนาจในการตัดสินใจที่มีอยู่ในมือ สามารถเลือกซื้ออะไรก็ได้ตามความต้องการ หรือจะปฏิเสธก็ได้ ทั้งยังมีพนักงานขายคอยดูแล ทำให้รู้สึกถึงความสำคัญ เราจึงรู้สึกมีอำนาจในการควบคุม เป็นการชดเชยภายในใจ เพราะชีวิตจริงไม่อาจควบคุมทุกสิ่งได้ ความเครียดทำให้เรารู้สึกว่าถูกกดทับ ไม่มีสิทธิ์เลือก และควบคุมอะไรไม่ได้
6. เพิ่มความมั่นใจ
การช้อปปิ้งสิ่งของสวยๆ งามๆ อาทิ เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องสำอาง โทรศัพท์มือถือ ของแต่งบ้าน ย่อมช่วยเสริมความมั่นใจให้รูปร่าง ฐานะ หรือสภาพแวดล้อมของเราได้ไม่มากก็น้อย ทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองดูดีขึ้น รวมถึงเสริมให้สภาพแวดล้อมของเราสวยงามน่ามองยิ่งขึ้น สิ่งที่ตามมาอาจเป็นคำชมจากคนรอบข้างที่ยิ่งทำให้เรารู้สึกใจฟูยิ่งขึ้นไปอีก
7. รู้สึกได้รับการเติมเต็ม
ผลวิจัยบางชิ้นชี้ว่า การซื้อของบางอย่างที่เราไม่เคยมีหรือเคยอยากได้ในอดีต แต่ไม่ได้ซื้อเพราะติดปัญหาต่างๆ เช่น ไม่มีเงิน ผู้ปกครองไม่ได้รับอนุญาตให้ซื้อ ช่วยทำให้เรามีความสุขได้ เช่น วัยเด็กเราอาจจะไม่ได้มีเงินพอที่จะซื้อของเล่นชิ้นนี้ เมื่อโตมาเราสามารถซื้อได้ ได้ครอบครองสิ่งที่ใฝ่ฝันมานาน จึงเกิดความรู้สึกว่าได้รับการเติมเต็มและมีความสุข
แม้การช้อปปิ้งจะมีข้อดีมากมาย แต่หากตามใจตัวเองด้วยการซื้อของอยู่เรื่อยๆ ช้อปปิ้งบ่อยๆ ซื้อของทั้งที่ไม่จำเป็น เครียดปุ๊บช้อปปั๊บ อาจนำไปสู่การเสพติดการช้อปปิ้ง เห็นอะไรก็ซื้อ สิ่งที่ตามมาคือปัญหาทางการเงินจากการใช้จ่ายเกินตัว สร้างหนี้ นอกจากขาดสภาพคล่องทางการเงินแล้ว ยังทำให้เกิดความเครียดจากปัญหาหนี้สิน คำถามคือ ช้อปปิ้งอย่างไรไม่ให้เกินตัว ?
ตั้งงบแต่ละเดือน ช้อปปิ้งอย่างมีสติ ซื้อของที่จำเป็นและอยากได้จริงๆ เท่านั้น
ช้อปปิ้งอย่างไรไม่ให้เกินตัว
1. ตั้งงบประมาณให้ชัดเจน
การตั้งงบประมาณในการใช้จ่ายและช้อปปิ้งให้ชัดเจน จะช่วยให้เราไม่ใช้จ่ายเกินตัว เกินความจำเป็น ช่วยให้เกิดสภาพคล่องทางการเงิน มีเงินเหลือเก็บ ลดความเสี่ยงในการเกิดหนี้สิน แนะนำสูตรบริหารเงิน แบบ 50-30-20 คือ แบ่งเงินก้อน 50% สำหรับใช้จ่ายประจำในแต่ละเดือน เช่น ค่าเช่า ค่าบ้าน ค่ากิน อีก 30% สำหรับใช้เพื่อซื้อสร้างความสุข เช่น ช้อปปิ้ง กินขนม เที่ยว ส่วนอีก 20% สำหรับใช้ในการออมหรือชำระหนี้เพิ่มเติม
หรืออาจใช้สูตรบริหารเงินแบบ 80/20 แบ่งเงินก้อน 80% เพื่อใช้จ่ายออกเป็น 3 ส่วน คือ รายจ่ายประจำวัน เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง รายจ่ายประจำเดือน รวมไปถึงประจำปี เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าผ่อนบ้าน และรายจ่ายสำหรับการลงทุนเพื่อเป็นรายได้ในอนาคต เช่น การลงทุน ซื้อประกันชีวิต ประกันออมทรัพย์ ส่วนอีก 20% สำหรับใช้ในการออม เช่น ใช้ยามเกษียณ ใช้ยามฉุกเฉิน
2. จัดลำดับความสำคัญ
เป็นอีกหนึ่งวิธีเพื่อไม่ให้เราช้อปปิ้งเกินตัว ให้ความสำคัญกับสิ่งที่จำเป็นมากกว่าสิ่งที่ต้องการเพื่อบริหารรายรับรายจ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ อาจใช้วิธีจดลิสต์รายจ่ายจำเป็นที่เกิดขึ้นในทุกเดือนรวมถึงสิ่งของที่จำเป็นต้องซื้อในแต่ละเดือน เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าบ้าน ค่ารถ ค่าสาธารณูปโภค ค่าสินค้าอุปโภคบริโภคภายในบ้าน แล้วยึดเอาลิสต์นี้ไว้ ไม่ว่อกแว่กไปกับการช้อปปิ้งในสิ่งที่ไม่จำเป็น จะช่วยให้เราสามารถจัดลำดับความสำคัญได้อย่างเห็นภาพมากขึ้น ช่วยลดการเสียเงินให้กับความอยากได้ชั่ววูบ ทำให้มีเงินเก็บมากขึ้น เมื่อไหร่ที่มีเงินเหลือเก็บเยอะๆ กลับไปซื้อของที่อยากได้เป็นรางวัลให้ตัวเองในภายหลังก็ยังไม่สาย
3. คิดให้รอบคอบ เปรียบเทียบให้รอบด้านก่อนซื้อ
ซื้อของที่คุณชอบจริงๆ หรือซื้อมาแล้วใช้งานได้จริง หลังจากลิสต์รายการของที่จำเป็นต้องซื้อเรียบร้อยแล้ว ให้หาข้อมูลเปรียบเทียบราคาจากหลายๆ ร้าน หลายๆ ช่องทาง ว่าร้านไหนราคาถูกที่สุด มีส่วนลดเยอะ หรือมีของแถมที่มีประโยชน์ บางครั้งราคาหน้าร้านอาจถูกกว่าราคาออนไลน์ บางครั้งการซื้อของในปริมาณมากหรือแพ็คใหญ่มีหลายชิ้นอาจคุ้มกว่า แต่ต้องเช็กวันหมดอายุให้ดี เพราะหากของหมดอายุเร็ว ใช้ไม่ทัน แทนที่จะประหยัด กลับกลายเป็นเสียเงินฟรีแทน ที่สำคัญอย่าซื้อของเพราะเห็นป้ายลดราคา เพราะสินค้าที่ลดราคาอาจไม่ใช่ของจำเป็นสำหรับเรา แต่ซื้อเพราะคิดว่าได้ของถูก ได้ส่วนลดเยอะ สุดท้ายไม่ได้ใช้ หรือใช้ไม่คุ้ม กลายเป็นการช้อปปิ้งเกินตัว
4. เลือกวิธีคลายเครียด โดยเน้นความหลากหลายและสบายกระเป๋า
แม้ Shopping Therapy จะเป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยปรับอารมณ์ลดความเครียด ความวิตกกังวล ความโกรธ ความเศร้า ฯลฯ ให้ผ่อนคลายและมีความสุข ช่วยเยียวยารักษาจิตใจ ช่วยผ่อนคลายความขุ่นมัวจากความเครียดหรืออารมณ์ด้านลบอื่นๆ ช่วยทดแทนความสุขที่หายไปได้เป็นอย่างดี
แต่หากเราใช้วิธีช้อปปิ้งระบายความเครียดบ่อยๆ อาจนำไปสู่การใช้จ่ายเกินตัวได้ ซึ่งนอกจากการช้อปปิ้งแล้วก็มีวิธีคลายเครียดอื่นๆ ด้วยเช่นกัน แนะนำให้หาวิธีคลายเครียดที่หลากหลายและสบายกระเป๋า เช่น ออกกำลังกาย นอนหลับพักผ่อน ดูหนัง ฟังเพลง หรือทำกิจกรรมสนุกๆ กิจกรรมที่เราชอบและสนใจเพื่อคลายเครียด
5. หาตัวช่วยให้การช้อปปิ้งหรือใช้จ่ายให้เกิดความคุ้มค่าที่สุด
ช้อปปิ้งทั้งทีต้องได้ของที่อยากได้ ในราคาที่คุ้มค่าที่สุด สิ่งที่ควรทำคือ หาตัวช่วยให้การช้อปปิ้งหรือใช้จ่ายให้เกิดความคุ้มค่าที่สุด หนึ่งในตัวช่วยที่หลายคนไม่ควรมองข้าม คือ ใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิต สิ่งสำคัญคือ ต้องเลือกบัตรเครดิตให้เหมาะสม ตรงตามไลฟ์สไตล์การใช้จ่ายของเรา การช้อปปิ้งผ่านบัตรเครดิตจะช่วยคืนความคุ้มค่าทั้งในรูปแบบของส่วนลด คะแนนสะสม หรือเครดิตเงินคืน
นอกจากนี้ การใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิตยังปลอดภัย ด้วยการตั้งค่าวงเงินบัตรเครดิตสามารถช่วยลดปัญหาการช้อปปิ้งเกินตัว รวมถึงป้องกันความเสี่ยงจากกรณีที่โดนโจรกรรมข้อมูล หรือโดนมิจฉาชีพแฮ็กข้อมูลบัตรเครดิตไปใช้งานได้อีกด้วย
บัตรเครดิต KTC เหมาะกับการช้อปปิ้ง
สมัครบัตรเครดิต KTC ออนไลน์ คลิกเลย ไม่ว่าจะใช้ชีวิตแบบไหน ความสุขเกิดขึ้นได้เสมอ พร้อมด้วยหลากหลายบริการของ KTC ที่ตอบทุกไลฟ์สไตล์ที่เป็นคุณ
1. KTC DIGITAL PLATINUM VISA
ชอบซื้อของออนไลน์ต้องมีใบนี้เลย กับ KTC DIGITAL PLATINUM VISA ให้ทุกการช้อปออนไลน์มั่นใจยิ่งขึ้นด้วย Dynamic CVV รหัสหลังบัตรที่เปลี่ยนทุกครั้งที่ขอ และใช้ได้ภายใน 24 ชั่วโมง ควบคุมการใช้งานง่ายผ่านแอป KTC Mobile และใช้จ่ายได้ทันทีหลังได้รับการอนุมัติ สแกนและผูกบัตรบนแอป Device Pays ได้ทั้ง Google Pay, SwatchPay และอื่นๆ ปลอดภัยขึ้นอีกขั้นกับบัตรไร้หมายเลขและแถบแม่เหล็ก สามารถใช้ได้กับเครื่องรูดบัตร (EDC) และตู้เอทีเอ็ม (ATM) ที่รองรับการทำรายการด้วยชิปการ์ดและการแตะจ่าย (Contactless) พร้อมโปรโมชั่นอีกมากมาย พิเศษรับส่วนลดห้องอาหารในโรงแรมชั้นนำ และใช้ง่ายสะดวกรอบโลก ชำระสินค้า/บริการด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% สูงสุด 10 เดือน ผ่านบริการผ่อนชำระกับบัตรเครดิต KTC
2. KTC DIGITAL PLATINUM MASTERCARD
อีกหนึ่งบัตรเครดิต KTC สำหรับนักช้อป KTC DIGITAL PLATINUM MASTERCARD
กับความพิเศษของ Dynamic CVV รหัสหลังบัตรที่เปลี่ยนทุกครั้งที่ขอ และใช้ได้ภายใน 24 ชั่วโมง ควบคุมการใช้งานง่ายผ่านแอป KTC Mobile และใช้จ่ายได้ทันทีหลังได้รับการอนุมัติ สแกนและผูกบัตรบนแอป Device Pays ได้ทั้ง Google Pay, SwatchPay และอื่นๆ ปลอดภัยขึ้นอีกขั้นกับบัตรไร้หมายเลขและแถบแม่เหล็ก สามารถใช้ได้กับเครื่องรูดบัตร (EDC) และตู้เอทีเอ็ม (ATM) ที่รองรับการทำรายการด้วยชิปการ์ดและการแตะจ่าย (Contactless) พร้อมความสบายใจในทุกการช้อปออนไลน์ กับประกันภัยความคุ้มครองการซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านบัตรเครดิต KTC MASTERCARD กรณีไม่จัดส่งสินค้า และ/หรือการจัดส่งสินค้าไม่ถูกต้องและไม่ครบถ้วน ด้วยวงเงินประกันสูงสุด 200 ดอลล่าร์สหรัฐ โดย Mastercard ตั้งแต่ 1 ม.ค. 67 – 31 ธ.ค. 68
3. KTC VISA PLATINUM
บัตรเครดิต KTC VISA PLATINUM สายช้อปคุ้มค่าด้วย
รับส่วนลดที่ห้องอาหารในโรงแรมชั้นนำ และใช้ง่ายสะดวกรอบโลก สะดวก ปลอดภัย ใช้จ่ายไม่สะดุด ไม่ว่าคุณจะซื้อน้ำหลังออกกำลังกาย หรือซื้อกาแฟระหว่างเดินทาง คุณสามารถใช้จ่ายได้ ไม่สะดุด กับบัตรเครดิต KTC ผ่าน Google Pay, SwatchPay แตะจ่ายง่าย ปลอดภัย รวดเร็ว ด้วย Visa Contactless เร็วกว่าและปลอดภัยด้วยการชำระเงินแบบไร้สัมผัสกับบัตรเครดิต KTC VISA ที่มีสัญลักษณ์ Contactless เพิ่มความคล่องตัวในการใช้จ่าย โดยไม่ต้องเสียบ / รูดบัตรที่เครื่องอ่านบัตร
4. KTC PLATINUM MASTERCARD
KTC PLATINUM MASTERCARD สาย Shopping Therapy ช้อปออนไลน์คุ้มตลอดปีกับ Mastercard รับส่วนลดตลอดปีเมื่อช้อปผ่านพันธมิตรออนไลน์ที่ร่วมรายการตามเงื่อนไขที่กำหนด
และมั่นใจทุกครั้งที่ช้อปออนไลน์ ด้วยประกันภัยความคุ้มครองการซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านบัตรเครดิต KTC MASTERCARD กรณีไม่จัดส่งสินค้า และ / หรือการจัดส่งสินค้าไม่ถูกต้องและไม่ครบถ้วน ด้วยวงเงินประกันสูงสุด 200 ดอลล่าร์สหรัฐ โดย Mastercard ตั้งแต่ 1 ม.ค. 67 – 31 ธ.ค. 68 แตะจ่ายง่าย ปลอดภัย รวดเร็ว ด้วย Mastercard Contactless
เร็วกว่าและปลอดภัยด้วยการชำระเงินแบบไร้สัมผัสกับบัตรเครดิต KTC MASTERCARD ที่มีสัญลักษณ์ Mastercard Contactless
5. KTC JCB PLATINUM
ชอบท่องเที่ยวเดินทาง โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น แนะนำ KTC JCB PLATINUM รับคะแนน KTC FOREVER x2 แบบไม่จำกัดยอดรับคะแนนสูงสุด สำหรับทุกยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ที่ประเทศญี่ปุ่น (ยกเว้นยอดการใช้จ่ายที่เป็นสกุลเงินไทย) บริการห้องรับรองในสนามบินญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน เกาหลี สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม เยอรมนี สหราชอาณาจักร และฮาวาย รวมถึงบริการห้องรับรอง และบริการเลขาส่วนตัวผ่าน JCB Plaza ทั่วโลก พร้อมกินช้อปทั่วในไทย กับโปรโมชั่นมากมาย แตะจ่ายง่าย ปลอดภัย ด้วย JCB Contactless และชำระเงินแบบไร้สัมผัสกับบัตรเครดิต KTC JCB PLATINUM ที่มีสัญลักษณ์ JCB Contactless เพิ่มความคล่องตัวในการใช้จ่ายโดยไม่ต้องเสียบ/รูดบัตรที่เครื่องอ่านบัตร
6. KTC UNIONPAY PLATINUM
รับส่วนลดที่ฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน
สะดวกทุกการใช้จ่ายทั้งไทยและต่างประเทศ คุ้มค่าด้วยบัตร KTC UNIONPAY PLATINUM กับ U Collection รับส่วนลด และสิทธิพิเศษจากร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม ท่องเที่ยว ระดับพรีเมี่ยมทั้งใน และต่างประเทศ U Plan รับ e-Coupon ส่วนลดและสิทธิพิเศษต่างๆ ผ่าน U Plan Platform จากร้านค้าชั้นนำที่ร่วมรายการในประเทศไทย และต่างประเทศ ผ่าน UnionPay International WeChat Official Account และหน้าร้านค้าที่เข้าร่วมรายการ อีกทั้งยังรับคะแนน KTC FOREVER x2 ทุกการใช้จ่ายผ่านบัตรฯที่ฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน เป็นสกุลเงินท้องถิ่น HKD/MOP/TWD เท่านั้น ตั้งแต่ 1 ม.ค. 67 – 31 ธ.ค. 67
Shopping Therapy ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีคลายเครียด โดยช่วยเพิ่มความสุข และทำให้หายเครียดได้ไม่มากก็น้อย เพียงแต่ต้องรู้จักช้อปปิ้งอย่างฉลาดและหาตัวช่วยในการช้อปปิ้งดีๆ เพื่อให้ทุกการใช้จ่ายคุ้มค่า
ใครกำลังมองหาบัตรเครดิตเพื่อการช้อปปิ้งอย่างคุ้มค่า เสริมสภาพคล่องทางการเงิน รวมถึงตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง พร้อมสิทธิประโยชน์มากมาย แนะนำมีบัตรเครดิต KTC สักใบที่ใช่สำหรับคุณ สนใจคลิกที่นี่สมัครออนไลน์ได้เลย
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC