ในช่วงนี้กระแสการออมทองและการสะสมทองคำกำลังเป็นที่นิยมอีกครั้ง ด้วยราคาทองคำที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลายคนจึงหันมาสะสมทองคำกันมากขึ้น แน่นอนว่าคนที่อยากเริ่มต้นเก็บออมทองคำคงมีคำถามเกิดขึ้นในใจว่าควรเริ่มต้นซื้อทองเก็บไว้ดีไหม? และควรสะสมทองแบบไหนถึงจะได้กำไรมากที่สุด KTC ได้รวบรวมข้อมูลการซื้อทองมาให้แบบพร้อมเสิร์ฟแล้ว
เก็บเงินกับเก็บทองแบบไหนดีกว่ากัน?
เป็นคำถามที่หลายคนสงสัย ซึ่งการเก็บเงิน และเก็บทอง ต่างสร้างกำไรได้ทั้งคู่ แต่แตกต่างกันที่ไลฟ์สไตล์ในการใช้ ซึ่งสามารถสรุปได้ง่ายๆ ดังนี้
- เก็บเงิน
การเก็บเงิน หรือออมเงินนั้น ถือเป็นทางที่มีความเสี่ยงต่ำ และมีโอกาสขาดทุนน้อย โดยสามารถเลือกเก็บออมผ่านการฝากประจำ ฝากออกทรัพย์ หรือซื้อกองทุนรวม แน่นอนว่าความเสี่ยงที่ต่ำ อาจจะไม่ได้รับผลกำไรเยอะ แต่สามารถนำเงินออกมาใช้ได้ยามจำเป็น เหมาะกับผู้ที่มีการหมุนเวียนเงินตลอดเวลา และอาจต้องการใช้เงินสำรองยามฉุกเฉิน
- เก็บทอง
ทองถือเป็นทรัพย์สินที่มีเสถียรภาพสูง ซึ่งการออมทอง หรือเก็บทอง อาจมีความเสี่ยงสูงกว่าการออมเงิน เนื่องจากราคาทองที่มีความผันผวนตลอดเวลา แต่หากราคาทองขึ้นสูง ย่อมได้กำไรที่มากกว่า การออมทองเหมาะกับผู้มีเงินลงทุนที่ต้องการลงทุนในระยะยาว จะได้ผลกำไรที่ดีกว่า
สรุปง่ายๆ ว่าการเก็บเงิน เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการขาดทุนเยอะ หรือต้องการลงทุนในการรูปแบบความเสี่ยงต่ำ การเก็บเงิน หรือออมเงิน ก็จะเป็นรูปแบบการลงทุนที่เหมาะกว่า แต่หากต้องการลงทุนที่ผลตอบแทนกำไรมากขึ้น หรือสามารถลงทุนได้ในระยะยาว การเก็บทอง ก็เป็นทางเลือกที่เหมาะสมมากกว่า แต่อาจต้องแบกรับความเสี่ยงของราคาทองคำที่มีการผันผวนตลอดเวลานั่นเอง
การซื้อทองด้วยเงินสด และบัตรเครดิต มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน ดังนี้
ซื้อทองด้วยเงินสด
ข้อดี
- ได้ราคาทองที่ถูกกว่า เพราะบางร้าน อาจคิดค่าธรรมเนียมเพิ่มหากจ่ายด้วยบัตรเครดิต
- ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียมจากบัตรเครดิต
- ควบคุมการใช้เงินได้ เพราะจ่ายตามที่มี ไม่มีหนี้เพิ่ม
ข้อเสีย
- ต้องมีเงินก้อนพร้อมจ่ายทันที
- เสี่ยงต่อการสูญหายหรือโดนขโมยหากพกเงินสดจำนวนมาก
- การใช้จ่ายเป็นเงินก้อนใหญ่ในคราวเดียว อาจทำให้ขาดสภาพคล่องหากเกิดเหตุฉุกเฉิน
ซื้อทองด้วยบัตรเครดิต
ข้อดี
- ไม่ต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่ทันที ช่วยให้มีสภาพคล่องทางการเงิน
- บัตรเครดิตมักมีโปรโมชั่น ผ่อน 0% หรือส่วนลดพิเศษ หรือโปรโมชั่น Cashback จากการใช้จ่าย และยังมีคะแนนสะสม สามารถนำไปใช้แลกรับสิทธิประโยชน์อื่นๆ ได้
- ลดความเสี่ยงเรื่องเงินสดสูญหาย เพราะจ่ายผ่านบัตร
ข้อเสีย
- อาจมีค่าธรรมเนียมรูดบัตร 1-3% ขึ้นอยู่กับทางร้าน
- ถ้าผ่อนหรือจ่ายไม่ตรงเวลา อาจเสียดอกเบี้ยสูง
- หากใช้จ่ายเกินตัว อาจเป็นหนี้สะสมได้ง่าย
ความแตกต่างระหว่างทองรูปพรรณกับทองคำแท่ง
ผู้ที่เริ่มต้นอยากลงทุน ซื้อทองเก็บไว้เพื่อเก็งกำไร น่าจะอยากทราบความแตกต่างระหว่างทองรูปพรรณและทองแท่ง ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร? และต้องซื้อทองแบบไหนเก็บไว้ จึงจะเหมาะกับการลงทุน
- ทองรูปพรรณ
ทองรูปพรรณ คือทองคำที่ถูกนำมาแปรสภาพกลายเป็นเครื่องประดับ ที่รูปทรงและลวดลายต่างๆ โดยมีจุดประสงค์เพื่อการสวมใส่เพื่อความสวยงาม ไม่ว่าจะเป็น สร้อยทอง, สร้อยคอมือ, ต่างหู และแหวน ซึ่งทองรูปพรรณอาจมีความบริสุทธิ์อาจมีความบริสุทธิ์ที่ต่ำกว่า 96.5% เนื่องจากแร่ทองคำสัดส่วนที่มากทำให้ทองอ่อนตัว ไม่สามารถขึ้นรูป และทำลวดลายที่สวยงามได้ จึงต้องมีการผสมแร่ทองแดงเข้าไป โดยการซื้อทองรูปพรรณจะต้องเสียค่ากำเหน็จ หรือก็คือค่าฝีมือในการทำลวดลายต่างๆ หากเป็นลวดลายที่มีความยาก ราคาค่ากำเหน็จก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย
- ทองคำแท่ง
ทองคำแท่ง ชื่อก็สามารถบ่งบอกลักษณะในตัวได้เลย เป็นทองคำที่มีลักษณะเป็นแท่ง โดยมีน้ำหนักตั้งแต่น้อยกว่า 1 บาทจนถึงมากกว่า 10 บาท และมีความบริสุทธิ์อย่างน้อยที่ 96.5% ตามมาตรฐานข้อกำหนดของตลาดทองคำไทย หากซื้อทองคำแท่งจะไม่มีการเรียกเก็บค่ากำเหน็จ จึงเป็นทองที่เหมาะกับการซื้อเพื่อการลงทุน
การซื้อทองรูปพรรณจะต้องเสียค่ากำเหน็จ หรือก็คือค่าฝีมือในการทำลวดลาย
จุดเด่นของทองแต่ละประเภท
- ทองรูปพรรณ
ทองรูปพรรณ มีราคาเริ่มต้นที่ถูกกว่าทองคำแท่ง เพราะมีรูปแบบให้เลือกซื้อที่หลากหลาย เครื่องประดับจากทองรูปพรรณบางชิ้น ราคาเริ่มต้นที่หลักพันบาท ดังนั้นจึงสามารถซื้อได้ง่ายกว่าทองคำแท่ง ทั้งยังสามารถนำมาใช้งาน ใส่เป็นเครื่องประดับออกงานสังคมต่างๆ แต่เมื่อต้องการขาย จะมีราคาที่ถูกกว่า เนื่องจากจะถูกหักค่าธรรมเนียม และค่ากำเหน็จ ไม่เกิน 5% ของราคาซื้อคืนที่กำหนดไว้ตามหลักเกณฑ์ของสมาคมค้าทอง (สคบ.)
- ทองคำแท่ง
ทองคำแท่ง ถูกผลิตมาเพื่อใช้เป็นในการซื้อเพื่อการลงทุนเป็นหลัก ดังนั้นหากใครต้องการลงทุนระยะยาวในตลาดทองคำ แนะนำให้เก็บเป็นทองคำแท่ง เนื่องจากเมื่อต้องการขายคืนกำไร ราคาทองคำแท่งจะไม่ได้ถูกหักค่ากำเหน็จ (ไม่เกิน 5% ของราคาซื้อคืนที่กำหนดไว้ตามหลักเกณฑ์ของสมาคมค้าทอง) รวมไปถึงทองคำแท่งนั้นไม่ได้ถูกใช้งาน ซึ่งส่งผลให้น้ำหนักทองมีโอกาสอยู่ครบมากกว่าทองคำรูปพรรณที่อาจสูญเสียน้ำหนักทองจากการใช้งาน จึงทำให้ได้ราคาที่มากกว่าทองรูปพรรณนั่นเอง
ซื้อทองเก็บไว้เพื่อเก็งกำไร ทำอย่างไร?
สำหรับใครที่ต้องการซื้อทองเพื่อเก็งกำไร สามารถเริ่มต้นได้ง่ายๆ ดังนี้
- ซื้อเก็บออมทีละนิด
ใครที่มีเงินลงทุนน้อย สามารถเริ่มต้นด้วยการซื้อทองรูปพรรณเก็บออมทีละนิด ค่อยๆ ออมไปเรื่อยๆ เมื่อได้จำนวนมากก็สามารถนำไปเปลี่ยนเป็นทองที่มีน้ำหนักมากขึ้นได้ ใครที่เน้นเก็งกำไร ขอแนะนำให้งดสวมใส่ หรือใส่ให้น้อยที่สุด เพื่อรักษาลวดลาย และน้ำหนักทองให้คงอยู่เช่นเดิม จะได้ขายคืนได้อย่างคุ้มค่าที่สุด
- ออมทองผ่านแอปพลิเคชัน
เรียกได้ว่าเป็นช่องทางการซื้อทองที่กำลังเป็นที่นิยม ซึ่งสามารถเริ่มต้นซื้อทองได้ตั้งแต่ 500 บาทเท่านั้น สามารถทำได้ง่ายๆ ผ่านแอปฯ ไม่ว่าจะเป็นแอปฯ ของธนาคารต่างๆ ที่เริ่มให้มีการลงทุนซื้อทองคำ รวมไปถึงแอปฯ ออมทองจากร้านทองชื่อดัง การออมทองผ่านแอปฯ เป็นการซื้อทองที่ง่าย และไม่จำเป็นต้องเสียค่ากำเหน็จเมื่อขายทองคำ ยกเว้นค่าธรรมเนียมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น รวมไปถึงเมื่อออมจนได้น้ำหนัก 1 สลึงขึ้นไป ก็สามารถไปรับทองได้ที่ร้านทองจากแอปฯ ที่เราออมได้เลย รวมไปถึงหากต้องการใช้เงินฉุกเฉิน ก็สามารถเลือกขายทองที่เราออมในแอปฯ จะได้เป็นเงินโอนเข้าบัญชี
ซื้อทองแท่ง หรือทองรูปพรรณเพื่อสะสม ที่ไหนดีในปี 2568
หากใครต้องการซื้อทองแท่ง หรือทองรูปพรรณเพื่อสะสม แต่ยังไม่รู้จะซื้อที่ไหนดี KTC มีเคล็ดลับในการเลือกซื้อทองมาฝากกัน
- ร้านขายของที่มีมาตรฐาน
เลือกซื้อทองแท่ง หรือทองรูปพรรณจากร้านที่ได้รับการรับรองจากสมาคมค้าทองแห่งประเทศไทย หรือร้านที่มีชื่อเสียงมายาวนาน มีหน้าร้านชัดเจน จะช่วยสร้างความมั่นใจในการซื้อ ว่าจะได้รับทองคำที่ได้มาตรฐาน และราคาที่เป็นธรรม เป็นไปตามตลาดทองคำโลก
- แอปฯ ออมทองจากร้านทองที่มีชื่อเสียง
ใครที่ไม่นิยมเก็บรักษาทองคำแท่ง หรือทองรูปพรรณ ก็สามารถซื้อทองได้ผ่านแอปฯ เริ่มต้นเพียง 500 บาท โดยเลือกซื้อทองจากร้านทองชื่อดัง ที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาว และเชื่อถือได้ เมื่อออมได้น้ำหนักที่ร้านกำหนด ก็สามารถนำไปรับทองคำแท่ง หรือทองรูปพรรณได้เช่นกัน
- ออมทองผ่านแอปฯ ธนาคาร
ปัจจุบันแอปฯ ธนาคารในไทยหลายธนาคาร ก็มีฟีเจอร์ในการออมทอง เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการความมั่นใจในการออมทอง โดยการออมทองผ่านธนาคารก็จะสร้างความน่าเชื่อถือได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งการออมทองผ่านแอปฯ ธนาคารนี้สามารถเลือกรับทองคำจากร้านทองชั้นนำที่เข้าร่วมกับธนาคารได้เหมือนแอปฯ ออมทองทั่วไปเลย
บัตรเครดิต KTC ผ่อนทองได้ไหม?
สำหรับสมาชิกบัตรเครดิต KTC ที่อยากผ่อนทองคำ สามารถเลือกผ่อนทองได้ สบายๆ เหมือนการซื้อสินค้าและบริการประเภทอื่นๆ นอกจากนี้ ยังมีโปรโมชั่นให้เลือกตามการวางแผนการใช้จ่ายของแต่ละคน โดยสามารถผ่อนทองรูปพรรณด้วยบัตรเครดิต KTC ที่ ห้างเพชรทองโกลด์เด้น 99 พร้อมรับสิทธิประโยชน์มากมาย อาทิ
สิทธิประโยชน์ 1
ผ่อนทองรูปพรรณ กับบัตรเครดิต KTC
- ผ่อน 0% นานสูงสุด 6 เดือน อัตราดอกเบี้ย 0%
เมื่อชำระยอดผ่อนตามที่เรียกเก็บรายเดือนภายในวันครบกำหนดชำระ
เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการเท่านั้น, ยอดใช้จ่ายขั้นต่ำในการผ่อน และระยะเวลาการผ่อนขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของร้านค้าร่วมรายการ, กรุณาตรวจสอบเพิ่มเติม ณ จุดขาย - ผ่อนนาน 10 เดือน ในอัตราดอกเบี้ย 0.69% ต่อเดือน
อัตราดอกเบี้ย 0.69% เทียบเท่าดอกเบี้ย effective rate ไม่เกิน 16% ต่อปี
ผ่อนทองรูปพรรณ กับบัตรกดเงินสด KTC PROUD
- ผ่อนนานสูงสุด 24 เดือน อัตราดอกเบี้ย 1.16% ต่อเดือน โดยต้องมียอดผ่อนขั้นต่ำ 3,000 บาทขึ้นไป กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้ตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 20% - 25% ต่อปี
สิทธิประโยชน์ 2
- แลกคะแนนรับเครดิตเงินคืน 130 บาท เมื่อมียอดใช้จ่าย 1,000 บาทขึ้นไป/เซลส์สลิป และใช้ทุก 1,000 คะแนน KTC FOREVER ยอดการแลกคะแนนสูงสุดไม่เกินยอดซื้อ (เครดิตเงินคืนคำนวณจากคะแนนที่แลก) ลงทะเบียนทุกครั้งภายในวันที่มียอดใช้จ่าย เพื่อรับสิทธิ์ พิมพ์ GOD เว้นวรรค ตามด้วยหมายเลขบัตรเครดิต 16 หลัก และเครื่องหมาย # ตามด้วยคะแนนที่ต้องการแลก ส่งมาที่ 061-3845000 (ค่าบริการ SMS ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการเครือข่าย) หรือลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์ www.ktc.co.th ทั้งนี้ สมาชิกจะต้องได้รับข้อความตอบกลับยืนยันจากเคทีซี จึงจะมีสิทธิ์เข้าร่วมรายการนี้
15 ธ.ค. 67 – 30 มิ.ย. 68
การซื้อทองเพื่อการลงทุนเป็นเรื่องที่ดี โดยเฉพาะการลงทุนระยะยาว หรือใช้เป็นการลงทุนหลังเกษียน เนื่องจากทองถือเป็นทรัพย์สินที่มีราคาโดยเฉลี่ยสูงขึ้นทุกปี (ดูราคาย้อนหลังได้ที่ https://ทองคําราคา.com) ซึ่งปัจจุบันการเริ่มออมทอง เพียงมีเงินหลักร้อยก็ออมได้ แต่ไม่ว่าจะออมทองหรือซื้อทองที่ไหน อย่าลืมชำระผ่านบัตรเครดิต KTC ที่มีโปรโมชั่นร่วมกับร้านค้าชั้นนำมากมาย และยังสามารถเปลี่ยนยอดชำระเป็นยอดผ่อนชำระด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษได้ ช่วยให้คุณจัดการค่าใช้จ่ายได้อย่างเป็นระบบ และยังได้รับ KTC FOREVER จากทุกยอดใช้จ่าย สามารถใช้แลกรับเป็นเครดิตเงินคืน หรือส่วนลดได้ เป็นตัวช่วยเพิ่มความคุ้มค่าในการลงทุนอีกต่อ ใครยังไม่มีบัตรเครดิต KTC สามารถกดสมัครบัตรเครดิต KTC ผ่านช่องทางออนไลน์ สมัครง่าย ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องไปสาขา และยังสามารถเช็กผลการอนุมัติได้ด้วยตัวเอง
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC