ไปญี่ปุ่น เป็นประเทศจุดหมายปลายทางที่หลายคนอยากไปเที่ยว ไปช้อป ไปกิน และค้นหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ ที่แฝงอยู่ในทุกมุมของเมือง ที่สำคัญประเทศญี่ปุ่นเปิดฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางเที่ยวได้สะดวกมากขึ้น แต่ก่อนที่จะแพลนทริปไปญี่ปุ่น ต้องเตรียมอะไรบ้าง ใช้เงินเท่าไหร่ จ่ายเงินยังไงในปี 2025 ครั้งนี้ KTC รวบรวมสิ่งที่ต้องเตรียมพร้อมก่อนไปเที่ยวญี่ปุ่น แบบฉบับอัปเดตล่าสุดมาให้ครบแล้ว
เที่ยวญี่ปุ่นต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง?
เรื่องแรกที่ควรรู้ ไปญี่ปุ่น ต้องเตรียมอะไรบ้าง นอกจากเตรียมชวนเพื่อน ชวนแฟน ลางาน เก็บเงินแล้ว ใครยังไม่แน่ใจว่าตัวเองเตรียมของที่จำเป็นครบแล้วหรือยัง มาเช็กลิสต์ตามนี้ได้เลย
1.พาสปอร์ต
หนังสือเดินทางเป็นเอกสารสำคัญที่ทางราชการใช้ในการยืนยันตัวบุคคล ใช้ออกนอกประเทศและกลับเข้าในประเทศ การไปเที่ยวต่างประเทศ พาสปอร์ตจะต้องมีอายุเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน โดยการแสดงพาสปอร์ตของทุกคนจะเริ่มตั้งแต่ซื้อตั๋วเครื่องบินในกรณีที่ซื้อผ่านเว็บไซต์เอเจนซี่ ใช้แสดงก่อนขึ้นเครื่องบิน และแสดงต่อเจ้าหน้าที่ ณ ด่านตรวจคนเข้าเมืองประเทศญี่ปุ่น รวมถึงต้องใช้ในการลงทะเบียน Visit Japan Web
2.Visit Japan Web คืออะไร
"Visit Japan Web" เป็นเว็บไซต์ที่พัฒนาขึ้นโดยรัฐบาลญี่ปุ่น เปรียบเทียบคือ เป็นเหมือนการกรอกใบ ตม. (ตรวจคนเข้าเมือง) แบบออนไลน์ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่น และเพื่อช่วยนักท่องเที่ยวในการเตรียมตัวก่อนการเดินทาง ลดขั้นตอนทางศุลกากรและการตรวจคนเข้าเมือง ให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้น นักท่องเที่ยวจึงสามารถเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัย ลดเวลาในการรอคิวและขั้นตอนต่างๆ ที่สนามบิน
3.วีซ่าญี่ปุ่น
ไปญี่ปุ่นต้องขอวีซ่าไหม? คำตอบคือ ถ้าอยู่เที่ยวไม่เกิน 15 วัน ไม่ต้องขอวีซ่า เนื่องจากทางการญี่ปุ่น ให้วีซ่าฟรี แก่นักท่องเที่ยวชาวไทยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และสนับสนุนการท่องเที่ยว แต่หากอยู่เกิน 15 วัน ต้องขอวีซ่าตามประเภทของตนเอง หากฝ่าฝืนจะมีโทษห้ามเข้าญี่ปุ่นขั้นต่ำ 1 ปีขึ้นไป
4.ตั๋วเครื่องบิน
สำหรับการไปเที่ยวญี่ปุ่น ตั๋วเครื่องบินไม่ใช่แค่แสดงการซื้อตั๋วเพื่อเดินทางไป–กลับเท่านั้น แต่การเดินทางเข้าญี่ปุ่นจำเป็นต้องใช้ข้อมูลจากตั๋วเครื่องบินสำหรับการกรอกลงทะเบียนบนเว็บไซต์ Visit Japan Web เพื่อกรอกข้อมูลในส่วนด่านตรวจคนเข้าเมือง และข้อมูลศุลกากร
5.เอกสารการจองโรงแรมที่พัก
เมื่อวางแผนการเดินทางและซื้อตั๋วเครื่องบินแล้ว อย่าลืมจองโรงแรมที่พักล่วงหน้าให้เรียบร้อย เพื่อเป็นหลักฐานแสดงต่อเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง และยังช่วยให้เบาใจว่าไปถึงญี่ปุ่นมีที่พักชัวร์แน่นอน
6.บัตรโดยสารสำหรับใช้เดินทางในญี่ปุ่น
การเดินทางในประเทศญี่ปุ่นเน้นใช้ระบบขนส่งสาธารณะเป็นหลัก ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถซื้อบัตรโดยสารได้หลากหลายประเภท เราจึงควรศึกษาเส้นทางในการเดินทางให้รอบคอบและซื้อบัตรโดยสารให้พร้อม
เพื่อความคุ้มค่า สะดวก ซื้อสินค้าและจ่ายบัตรเครดิต KTC JCB ดูโปรโมชั่นเพิ่มเติมคลิกเลย
- รับส่วนลด 20% เมื่อชำระตั๋วโดยสารรถบัสสายเชื่อมต่อสนามบินนิวชิโตเสะ (HOKUTO KOTSU BUS) ที่ศูนย์ข้อมูลโฮคุโตะ โคสึ ในสนามบินนิวชิโตเสะ 1 ก.ค. 67 - 31 มี.ค. 68
- ส่วนลด 20% เมื่อชำระตั๋วโดยสารรถบัสสายเชื่อมต่อสนามบินนิวชิโตเสะ (HOKKAIDO CHUO BUS)ที่ศูนย์ข้อมูลรถบัสฮอกไกโดชูโอ ในสนามบินนิวชิโตเสะ ระยะเวลาโปรโมชั่น 1 ก.ค. 67 - 31 มี.ค. 68
- ฟรีค่าบริการ 60 นาทีแรก เมื่อเช่า LUUP e-bikes และ e-scooters ในประเทศญี่ปุ่น ด้วยบัตรเครดิต KTC JCB ทุกประเภท ระยะเวลาโปรโมชั่น 25 มี.ค. 67 - 31 มี.ค. 68
7.บัตรเครดิตท่องเที่ยว / บัตร Travel Card
แม้ว่า “เงินสด” จะเป็นสิ่งที่สำคัญและต้องเตรียมให้พร้อมในการไปเที่ยวต่างประเทศ แต่สำหรับคนที่ไม่ต้องการพกเงินติดตัวเยอะ เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย หรือการสูญหาย แนะนำให้พกบัตร Travel Card หรือ บัตรเครดิต เที่ยวญี่ปุ่น ที่สามารถใช้แทนเงินสดเวลาเที่ยวต่างประเทศ ตัวช่วยดีๆ ที่ทำให้เราไม่ต้องพกเงินสดเยอะไว้กับตัว สามารถรูดจ่ายค่าสินค้า หรือเบิกถอนเงินจากตู้ ATM ในต่างประเทศได้
สำหรับสมาชิกบัตร KTC JCB สามารถเบิกถอนเงินสดได้ 100% ได้เต็มวงเงินของยอดคงเหลือในขณะนั้น หรือสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาทต่อวัน ผ่านเครื่อง ATM ตรวจสอบตู้ ATM เพิ่มเติมได้ที่นี่
และเบิกถอนเงินสดสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาทต่อวัน ผ่านแอป KTC Mobile
เที่ยวญี่ปุ่นต้องมีงบเท่าไหร่ ?
ไปเที่ยวญี่ปุ่น ใช้เงินเท่าไหร่ ไม่มีคำตอบตายตัว แต่ถ้าใครอยากเที่ยวแบบสบายๆ ไม่ต้องประหยัดจนเกินไป แนะนำให้เตรียมเงินไว้ตั้งแต่ 15,000-25,000 บาทต่อคน สำหรับทริป 2-3 วัน หรือ 30,000-50,000 บาทต่อคน สำหรับทริป 5-7 วัน ซึ่งรวมค่าที่พัก ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ของฝาก และเงินช้อปปิ้งไว้แล้ว
งบประมาณที่ใช้ในการไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นปี 2025 รวมค่าใช้จ่ายที่จำเป็น
1.ค่าตั๋วเครื่องบิน
ราคาตั๋วเครื่องบินไป-กลับญี่ปุ่น ชั้นประหยัด ปี 2025 ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ สู่ประเทศญี่ปุ่น หลากหลายเมือง ราคาเริ่มต้น 8,000 - 9,000 บาท แนะนำว่าให้จองล่วงหน้าจะได้ราคาถูกกว่า
2.ค่าที่พัก
ที่พักสำหรับเที่ยวญี่ปุ่นแบบประหยัด มีตั้งแต่โฮสเทล โรงแรม 2-3 ดาว ห้องพักหลากหลายเมืองในประเทศญี่ปุ่น ที่ราคาแตกต่างกันไปในแต่ละเมือง อาทิ
- ที่พักโอซาก้าราคาเริ่มต้น 2,990 บาท/ห้อง/คืน
- ที่พักฟุกุโอะกะ ราคาเริ่มต้น 3,560 บาท/ห้อง/คืน
- ที่พักโตเกียวราคาเริ่มต้น 2,300 บาท/ห้อง/คืน
- ที่พักโอกินาว่า ราคาเริ่มต้น 2,390 บาท/ห้อง/คืน
- ที่พักนาโกย่า ราคาเริ่มต้น 2,610 บาท/ห้อง/คืน
- ที่พักฮิโรชิม่า ราคาเริ่มต้น 2,140 บาท/ห้อง/คืน
- ที่พักซับโปโร ราคาเริ่มต้น 3,410 บาท/ห้อง/คืน
3.ค่าเดินทางในประเทศ
เราสามารถเดินทางทั่วญี่ปุ่นอย่างสะดวกสบาย ด้วยตั๋วรถไฟ JR PASS เริ่มต้น 700 - 800 บาท/คน
4.ค่าอาหาร
อาหารในญี่ปุ่นถือว่ามีราคาไม่แพงมากนัก โดยเฉพาะอาหารท้องถิ่น เช่น ราเมน ข้าวหน้า ซูชิ เฉลี่ยมื้อละ 100-600 บาท/คน
5.ค่าบัตรเข้าชม สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในแต่ละเมือง
เมืองโอซาก้า
- ค่าตั๋วเข้าพิพิธภัณฑ์ปราสาทโอซาก้า เริ่มต้น 160 บาท
- ค่าบัตรเข้าชมจุดชมวิวโอซาก้าอาเบะโนะ ฮารูคาส 300 เริ่มต้น 370 บาท
- ยูนิเวอร์แซล โอซาก้า เริ่มต้น 2,160 บาท
เมืองฟุกุโอะกะ
- บัตรเข้าชมฟุกุโอกะทาวเวอร์ เริ่มต้น 180 บาท
- บัตรเข้าธีมปาร์คฮูสเทนบอช เริ่มต้น 260 บาท
เมืองโตเกียว
- บัตรขึ้นจุดชมวิวโตเกียวสกายทรี เริ่มต้น 450 บาท
- Sanrio Puroland เริ่มต้น 690 บาท
เมืองโอกินาว่า
- บัตรเข้าชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชูราอุมิ เริ่มต้น 560 บาท
เมืองนาโกย่า
- บัตรเข้าสวนสนุกเลโก้แลนด์ นาโกย่า เริ่มต้น 1,190 บาท
- ทัวร์รถบัส 1 วัน ท่องเที่ยวผ่านประวัติศาสตร์และประเพณี เริ่มต้น 1,510 บาท
เมืองซับโปโร
- ตั๋วเข้าชมสวนสาธารณะชิโรอิ โคอิบิโตะ เริ่มต้น 210 บาท
- ตั๋วจุดชมวิวซัปโปโรทีวีทาวเวอร์ เริ่มต้น 220 บาท
6.ค่าของฝาก
ของฝากญี่ปุ่น มีเยอะมาก ทั้งของกิน เครื่องสำอาง ของเล่น ฯลฯ หิ้วติดไม้ติดมื้อกลับบ้านเฉลี่ย 2,000 บาท
เที่ยวญี่ปุ่นยังใช้เงินสดกันอยู่ไหม หากไปญี่ปุ่นจ่ายเงินยังไงได้บ้าง ?
ปัจจุบันญี่ปุ่นก้าวเข้าสู่สังคมไร้เงินสด (Cashless Society) การชำระค่าสินค้าหรือบริการตามร้านค้า และร้านอาหารจะรับชำระเงินด้วยระบบสแกน QR Code โดยชำระเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือการใช้จ่ายสมาร์ทโฟนที่นิยมใช้ต่างประเทศ เช่น ApplePay GooglePay และ AliPay ซึ่งตอบโจทย์นักท่องเที่ยวที่ไม่คุ้นชินกับสกุลเงินท้องถิ่น
อีกหนึ่งการใช้จ่ายที่ญี่ปุ่นสะดวกกับนักท่องเที่ยวคือ การใช้บัตรเครดิต KTC ซึ่งญี่ปุ่นรองรับบัตรเครดิต 3 ประเภท ได้แก่ Visa, JCB และ Mastercard เพื่อความคุ้มค่า หากไปเที่ยวญี่ปุ่นใช้จ่ายด้วยเครดิต KTC JCB มีสิทธิพิเศษมากมาย ตามที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น อีกทั้งทุกการใช้จ่าย 25 บาท สะสมคะแนน KTC FOREVER ได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งคะแนนนำมาแลกเป็นส่วนลด สินค้า และสิทธิประโยชน์ต่างๆ ได้อีก แต่บัตรเครดิตส่วนใหญ่จะใช้ชำระเงินได้ในโรงแรมหลักต่างๆ ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ และร้านอาหารในพื้นที่เมือง แต่ควรระวังไว้เสมอว่าในพื้นที่ชนบท ร้านค้าต่างๆ ยังคงรับชำระเงินสด นอกจากนี้บัตรเครดิต KTC ยังมีโปรโมชั่นดีๆจากบัตรเครดิต KTC JCB คือ
โปรโมชั่นพิเศษ รับบัตร Have Fun Pass ฟรี ที่ KTC WORLD กับบัตร KTC JCB
จองตั๋วเครื่องบินเส้นทางโตเกียวหรือโอซาก้า ด้วยบัตรเครดิต KTC JCB ยอดจองขั้นต่ำ 50,000 บาทขึ้นไป/เซลส์สลิป รับฟรีบัตร Have Fun Pass 1 ใบต่อ 1 ท่าน (จำกัดสิทธิ์ 1 ท่านตลอดรายการ และจำกัดโตเกียว 30 สิทธิ์ และโอซาก้า 20 สิทธิ์ตลอดรายการ)
ระยะเวลาการจอง: 1 เม.ย. 68 - 30 มิ.ย. 68
ระยะเวลาเดินทาง : 2 เม.ย. 68 – 30 มิ.ย. 69
ทำความรู้จัก บัตร Have Fun Pass คืออะไร
Have Fun Pass คือ บัตรที่ใช้เข้าเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวหรือเป็นส่วนลดร้านอาหารในแต่ละภูมิภาคในประเทศญี่ปุ่น (ใช้เข้าสูงสุดได้ไม่เกิน 3 แห่ง) โดยบัตรมีอายุการใช้งาน 1 สัปดาห์ ท่านสามารถเช็คสถานที่ท่องเที่ยวที่ร่วมรายการได้ในเขตโตเกียว คลิก เขตคันไซ คลิก
จองตั๋วโตเกียว เริ่ม 10,670 บาท/ท่าน คลิก
จองตั๋วโอซาก้า เริ่ม 13,165 บาท/ท่าน คลิก
รายละเอียดเพิ่มเติม
การเที่ยวญี่ปุ่นไม่มีอะไรยุ่งยาก ทั้งการเตรียมเอกสาร การเดินทาง หรือเรื่องของวิธีการชำระเงิน อย่างไรก็ตาม เราควรมีแผนสำรองเพื่อให้สามารถเที่ยวญี่ปุ่นได้อย่างสบายใจ สำหรับสายกิน ช้อป เที่ยว เจแปนเลิฟเวอร์ แนะนำให้สมัครบัตรเครดิต KTC JCB พร้อมรับสิทธิประโยชน์ดีๆ มากมาย ณ ร้านค้าที่ร่วมรายการมากมาย อยากได้สิทธิพิเศษดีๆ แบบนี้ แต่ยังไม่มีบัตรเครดิต KTC JCB คลิกสมัครออนไลน์ได้เลย
จองเที่ยวออนไลน์ ต้องบัตรเครดิต KTC
#KTCเรื่องเที่ยวบัตรเดียวครบ