ถ้าพูดถึงอิตาลีแล้ว คงต้องกล่าวถึงว่าเป็นประเทศที่อุดมไปด้วยศิลปะ, วัฒนธรรม, ธรรมชาติ, ประวัติศาสตร์ และอาหารรสเลิศอย่างพิซซ่าต้นตำรับที่ไม่มีที่ไหนเหมือน ซึ่งเมืองต่าง ๆ ในอิตาลีล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เหมาะสำหรับการพักผ่อนในวันหยุดยาว เหมาะกับคนที่ชื่นชอบการเดินเล่นชิล ๆ ถ่ายภาพวิวสวย หรือสนใจในประวัติศาสตร์และศิลปะ สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเที่ยวอิตาลีที่เมืองไหนดี เรามี 10 เมืองน่าเที่ยวที่พลาดไม่ได้มาแนะนำกันด้วย
10 เมืองน่าเที่ยวในอิตาลี ที่ต้องไปให้ได้!
1. โรม (Rome)
โรม เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของอิตาลีที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 3,000 ปี ในอดีตเคยเป็นศูนย์กลางของจักรวรรดิโรมัน ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลกตะวันตกนานหลายร้อยปี ทำให้แม้ว่าจักรวรรดิจะล่มสลายไปแล้ว แต่ซากอารยธรรม สถาปัตยกรรมก็ยังคงอยู่ ทำให้โรมเป็นเมืองหนึ่งที่มีทั้งมรดกโลกและสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอยู่ด้วย
ไฮไลต์ของเมือง
- โคลอสเซียม (Colosseum): สนามกีฬากลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ เป็นสัญลักษณ์ของจักรวรรดิโรมัน ซึ่งเคยใช้เป็นสถานที่จัดการต่อสู้ของนักสู้กลาดิเอเตอร์
- น้ำพุเทรวี (Trevi Fountain): น้ำพุที่มีชื่อเสียงของโรม มีประติมากรรมของเทพเจ้าโอเชียนัสและม้าสองตัวที่แสดงถึงธรรมชาติของทะเล ส่วนใหญ่แล้วนักท่องเที่ยวมักนิยมโยนเหรียญลงในน้ำพุเพื่อขอพรเรื่องต่าง ๆ ให้สมหวัง เช่น ความรัก
- แพนธีออน (Pantheon): เทวสถานศักดิ์สิทธิ์ของโรม เป็นวิหารโบราณมีโดมใหญ่และช่องเปิดที่ยอดโดม บางคนเรียกว่า ช่องตาแห่งแพนธีออน ในวันที่ 21 เมษายนของทุกปี ซึ่งเป็นวันกำเนิดกรุงโรม แสงแดดจะส่องตรงไปยังประตูทางเข้าผ่านช่องตรงกลางบนหลังคาเกิดเป็นภาพที่สวยงาม
2. ฟลอเรนซ์ (Florence)
ฟลอเรนซ์ เป็นเมืองหลวงของ แคว้นทัสคานี เมืองเล็ก ๆ ที่มีแม่น้ำฮาร์โนไหลผ่านเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และศิลปะ ช่วงศตวรรษที่ 14 ฟลอเรนซเป็นแหล่งกำเนิดของยุคสมัย Renaissance นอกจากนี้ยังเป็นบ้านเกิดของ ศิลปินชื่อดัง เช่น เลโอนาร์โด ดา วินชี, มิเกลันเจโล และบอตตีเชลลี
ไฮไลต์ของเมือง
- มหาวิหารฟลอเรนซ์ (Florence Cathedral) : โดดเด่นด้วยโดมขนาดใหญ่ที่ออกแบบโดยฟิลิปโป บรูเนลเลสกี (Filippo Brunelleschi) เป็นหนึ่งในโดมที่ใหญ่ที่สุดของโลก
- หอศิลป์อุฟฟิซี (Uffizi Gallery) : พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่รวบรวมผลงานชิ้นเอกของศิลปินยุคเรอเนซองส์ เช่น บอตตีเชลลี, ดา วินชี และคาราวัจโจ
- สะพานปอนเต เวคคิโอ (Ponte Vecchio) : สะพานเก่าแก่ที่ข้ามแม่น้ำอาร์โน ปัจจุบันเต็มไปด้วยร้านขายเครื่องประดับและแกลเลอรีศิลปะ
3. เวนิส (Venice)
เวนิส เมืองแห่งสายน้ำ ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอิตาลี บนทะเลสาบเวนิส (Venetian Lagoon) เมืองนี้ประกอบด้วยเกาะเล็กๆ 118 เกาะ เชื่อมต่อกันด้วยสะพานกว่า 400 แห่ง และมีคลองมากมายที่ใช้เป็นเส้นทางสัญจรหลัก
ไฮไลต์ของเมือง
- จัตุรัสซานมาร์โก (Piazza San Marco) : จัตุรัสหลักของเมือง ล้อมรอบด้วยมหาวิหารซานมาร์โกและพระราชวังดอจ
- เทศกาลหน้ากากเวนิส (Carnevale di Venezia) : จัดขึ้นทุกปีในช่วงก่อนเทศกาลมหาพรต มีการแต่งกายด้วยหน้ากากและชุดแฟนซีที่หรูหรา
- พิพิธภัณฑ์เปกกี กุกเกนไฮม์ (Peggy Guggenheim Collection) : รวบรวมผลงานศิลปะสมัยใหม่จากศิลปินชื่อดังหลายคน
4. มิลาน (Milan)
มิลาน เป็นหนึ่งในเมืองที่เป็นศูนย์กลางแฟชั่นระดับโลก ไม่ว่าจะสายแฟชั่นหรือคนทั่วไป อาจจะเคยได้ยิน Milan Fashion Week ซึ่งเป็นงานที่ดึงดูดทั้งดีไซเนอร์และคนที่สนใจแฟชั่นมาทุก ๆ ปี เนื่องจากเมืองมิลานค่อนข้างโดดเด่นในด้านของ ศิลปะและการออกแบบ ทำให้นอกจากจะมีสินค้าแฟชั่น เฟอร์นิเจอร์ งานศิลปะอื่น ๆ แล้ว สถาปัตยกรรมในเมืองก็ยังสวยงาม เหมาะแก่การเดินเล่นถ่ายรูป
ไฮไลต์ของเมือง
- Duomo di Milano : มหาวิหารสไตล์โกธิคที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี สร้างระหว่างค.ศ. 1386 ถึง 1577 โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมโกธิค ผสมผสานกับองค์ประกอบของสถาปัตยกรรมเรเนซองส์และนีโอโกธิค
- Galleria Vittorio Emanuele II : ห้างสรรพสินค้าหรูหราเก่าแก่ของอิตาลี มีสถาปัตยกรรมโดมกระจกภายในห้างมีแบรนด์หรูระดับโลกมากมาย เช่น Prada, Louis Vuitton, Gucci, Armani, Borsalino
- Santa Maria delle Grazie : โบสถ์คาทอลิกที่มีชื่อเสียงระดับโลกในเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลกโดยยูเนสโก เพราะเป็นสถานที่ตั้งของภาพวาด The Last Supper อันเลื่องชื่อของ เลโอนาร์โด ดา วินชี
5. โบโลญญา (Bologna)
โบโลญญา เป็นเมืองมีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีชื่อเสียงในยุคกลางจากการเป็นศูนย์กลางการศึกษาและการเมือง มีมหาวิทยาลัยโบโลญญา (University of Bologna) ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1088 ซึ่งถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของโลก แต่นอกจากจะมีมหาวิทยาลัยเก่าแก่แล้ว โบโลญญาเป็นที่รู้จักในนาม เมืองแห่งหอคอย (La Turrita) เนื่องจากเคยมีหอคอยมากถึง 180 แห่งเลยทีเดียว แม้ว่าในปัจจุบัน หอคอยหลายแห่งจะพังลงไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังเหลือบางแห่งให้ได้ไปถ่ายรูปอยู่บ้าง
ไฮไลต์ของเมือง
- Piazza Maggiore : จัตุรัสหลักใจกลางเมืองโบโลญญา ล้อมรอบด้วยอาคารประวัติศาสตร์สำคัญ เช่น โบสถ์ซานเปโตรนิโอ (Basilica di San Petronio), น้ำพุเทพเนปจูน (Fontana di Nettuno), และ Palazzo del Podestà นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่จัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมและงานกลางแจ้งตลอดทั้งปี
- Le Due Torri : หรือที่รู้จักว่า สองหอเอนแห่งโบโลญญา ลักษณะเป็นหอคอยที่ตั้งอยู่ข้างกัน โดยมีอันหนึ่งสูงกว่า คือ หออาซิเนลลี (Asinelli) กับ หอการิเซนดา (Garisenda) ยังคงตั้งตระหง่านมานานหลายศตวรรษ แม้เคยผ่านแผ่นดินไหวและการปรับปรุงซ่อมแซมหลายครั้ง
- Portico di San Luca : ทางเดินที่มีหลังคาโค้ง (portico) ที่มีความยาวเป็นพิเศษ สร้างขึ้นเพื่อเชื่อมต่อ ใจกลางเมืองโบโลญญา กับ โบสถ์ Santuario della Madonna di San Luca ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขา
6. นาโปลี (Naples)
นาโปลีเป็นเมืองหลวงของแคว้นกัมปาเนีย ซึ่งตั้งอยู่ที่ชายฝั่งด้านตะวันตกของอิตาลี เมืองตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างพื้นที่ภูเขาไฟสองแห่ง คือ ภูเขาไฟวิสุเวียส และกัมปีเฟลเกรย์ เมืองนาโปลีได้ชื่อว่าเป็นเเหล่งกำเนิดของสถาปัตยกรรมในยุคกลาง นอกจากนี้ยังเป็นพิซซ่าแท้ ๆ อีกด้วย
ไฮไลต์ของเมือง
- Pompeii : ปอมเปอี เป็นเมืองมรดกโลก อดีตเคยเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรือง แต่หลังจากที่ภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่ ปี ค.ศ. 79 ก็ทำให้เมืองจมหายไปในพริบตา เมืองปอมเปอีเคยจบอยู่ใต้ดินนานนับพันปีก่อนที่นักสำรวจจะมาค้นพบ ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่ได้รับความนิยม
- Castel dell’Ovo : เป็นปราสาทที่เก่าแก่ที่สุด ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ที่คนสนใจประวัติศาสตร์สามารถเข้าไปชมโบราณวัตถุที่น่าสนใจได้
- Naples Cathegral : เป็นมหาวิหารหลักของเมือง มีความสำคัญมากเพราะถูกสร้างเพื่อบูชานักบุญหลักของเมือง ภายในมีศิลปกรรมของศิลปินชื่อดังมากมาย
7. อามาลฟี (Amalfi)
อามาลฟี เป็นเมืองชายฝั่งที่สวยงามอีกหนึ่งของอิตาลี จุดเด่นคือบ้านเรือนสีสันสดใสที่ลดหลั่นตามไหล่เขาแคบ ๆ แต่พอดูแล้วกลับมีเสน่ห์ที่หาได้ยากจากที่อื่น นอกจากนี้ใครชอบที่เที่ยวประวัติศาสตร์ เมืองก็มีโบสถ์เก่าแก่ให้แวะไปเยี่ยมชม หรือไปเดินเล่นผ่อนคลายในบรรยากาศริมทะเลก็ดีไม่แพ้กัน
ไฮไลต์ของเมือง
- Duomo di Sant'Andrea (Amalfi Cathedral) :มหาวิหารที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบอาหรับ-นอร์มัน มีบันไดสูงชันที่นำไปสู่ประตูบรอนซ์อันงดงาม ภายในตกแต่งด้วยศิลปะบาโรก และมีห้องใต้ดินที่เก็บรักษาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของนักบุญแอนดรูว์ (Sant'Andrea) ซึ่งเป็นนักบุญ patron ของเมือง
- Piazza Flavio Gioia : จัตุรัสหลักของเมือง ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้ามหาวิหาร เป็นจุดศูนย์กลางของกิจกรรมต่าง ๆ และมีร้านค้า ร้านอาหารมากมาย
- Arsenali della Repubblica (Ancient Arsenals) : ซากของอู่ต่อเรือโบราณ ในอดีตเคยเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างกองทัพเรือที่แข็งแกร่งของอามาลฟี
8. ปิซ่า (Pisa)
ถ้าพูดถึง 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก หลายคนคงจะต้องนึกถึงหอเอนเมืองปิซ่าอย่างแน่นอน แต่นอกจากหอเอนอันโด่งดังแล้ว ปิซ่ายังมีสถาปัตยกรรมยุคกลางที่สวยงาม จัตุรัสที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน รวมไปถึงโบสถ์ต่าง ๆ ที่มีประวัติศาสตร์น่าสนใจ เป็นอีกเมืองที่ไม่ควรพลาดหากมาเที่ยวอิตาลี
ไฮไลต์ของเมือง
- Leaning Tower of Pisa : หอระฆังของมหาวิหารปิซ่า สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว เริ่มสร้างในปี 1173 และเริ่มเอียงเมื่อสร้างไปได้ไม่นานเนื่องจากพื้นดินที่ไม่มั่นคง ปัจจุบันเป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่นของอิตาลีและเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก
- Duomo di Pisa หรือ Pisa Cathedra : มหาวิหารแห่งนี้ โดดเด่นของสถาปัตยกรรมโรมาเนสก์ ซึ่งเป็นรูปแบบศิลปะที่พัฒนาขึ้นในปิซา มีลักษณะเฉพาะคือการใช้ ซุ้มโค้งครึ่งวงกลม
- Battistero di San Giovanni หรือ Pisa Baptistery : หอล้างบาปทรงกระบอกขนาดใหญ่ สร้างด้วยหินอ่อน ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามมหาวิหาร เป็นหอล้างบาปที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี มีโครงสร้างและวัสดุที่ใช้ในการสร้างหอล้างบาปทำให้เกิดเสียงสะท้อน ถ้าใครไปเที่ยว ภายในจะมีเจ้าหน้าที่ทำการแสดงเสียงสะท้อนให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสทุกครึ่งชั่วโมง
9. เวโรนา (Verona)
ถ้าพูดถึงเวโรนาเฉย ๆ หลายคนอาจจะนึกไม่ออก แต่ถ้าบอกว่าเป็นฉากหลังของหนังดังระดับตำนานอย่างโรเมโอกับจูเลียต คนที่เคยดูหนังก็คงจะพอเห็นผ่าน ๆ มาอย่างแน่นอน เวโรนาขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองโรแมนติก และมีภาพจำว่าเป็นเมืองของโรเมโอกับจูเลียต ตัวละครจากวรรณกรรมชิ้นเอกวิลเลียม เชกสเปียร์ แต่นอกจากเป็นฉากหนึ่งของหนังแล้ว เวโรนายังเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมสวย ๆ แถมเมืองยังตั้งอยู่ริมแม่น้ำอะดิเจ (Adige River) ที่สวยงาม เหมาะแก่การเดินชิล ๆ อย่างมาก
ไฮไลต์ของเมือง
- Casa di Giulietta : หรือบ้านของจูเลียต โด่งดังของบทละคร ทำให้บ้านหลังนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญและเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักในเวโรนา ไม่ว่าจะเป็นระเบียงที่เป็นฉากโรเมโอคุยกับจูเลียต หรือกำแพงที่เต็มไปด้วยโน้ตจากนักท่องเที่ยวและแฟนหนัง
- Arena di Verona : สนามกีฬากลางแจ้งสมัยโรมันที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีเยี่ยม สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 1 ถือเป็นอัฒจันทร์ที่ใหญ่เป็นอันดับสามของอิตาลี ปัจจุบันยังคงใช้จัดการแสดงโอเปร่าและคอนเสิร์ตในช่วงฤดูร้อน
- Castelvecchio : ปราสาทสมัยยุคกลางที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของ Museo di Castelvecchio ซึ่งจัดแสดงงานศิลปะยุคกลางและยุคเรเนซองส์
10. ปาร์มา (Parma)
ทางตอนเหนือของอิตาลี มีเมืองสวย ๆ ที่เป็นบ้านเกิดของผลิตภัณฑ์อาหารที่มีชื่อเสียงระดับโลก เช่น พาร์มิจาโน เรจจาโน (Parmigiano Reggiano) หรือชีสพาร์มิจาโน และแฮมพาร์มา (Prosciutto di Parma) อย่างเมืองปาร์มาอยู่ แต่นอกจากอาหารเมืองนี้ยังมสถาปัตยกรรม ย่านท่องเที่ยว และมีมรดกทางศิลปะให้ได้ชมอีกด้วย
ไฮไลต์ของเมือง
- Teatro Regio : โรงละครโอเปร่าที่สวยงามและมีชื่อเสียง สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 19 เป็นหนึ่งในโรงละครโอเปร่าที่สำคัญที่สุดในอิตาลี
- Parco Ducale : สวนสาธารณะที่สวยงามและเงียบสงบ เคยเป็นสวนส่วนตัวของดยุคแห่งปาร์มา เหมาะสำหรับการเดินเล่น พักผ่อน และชมประติมากรรม
- Galleria Nazionale di Parma : หอศิลป์แห่งชาติ จัดแสดงผลงานศิลปะที่สำคัญ รวมถึงภาพวาดของ Leonardo da Vinci, Correggio, และ Parmigianino
วางแผนการเดินทาง เที่ยวอิตาลีเตรียมตัวยังไง
สำหรับการเตรียมตัวเรื่องการเดินทางในอิตาลี แนะนำให้ศึกษาเมืองนั้น ๆ และวางแพลนสถานที่ที่จะไป ว่าต้องนั่งรถสายไหน มีวิธีไปอย่างไร มีวิธีซื้อตั๋วอย่างไร สามารถซื้อได้ที่ไหนบ้าง เพื่อให้สะดวกต่อการเดินทางเมื่อไปถึง
ส่วนการเดินทางจากไทยไปอิตาลีก็ง่ายนิดเดียว เพราะสามารถไปได้อย่างง่าย ๆ ด้วยสายการบิน Emirates มีเที่ยวบินไปยังเมืองหลักอย่าง โรม และ มิลาน พร้อมการต่อเครื่องที่รวดเร็ว
โปรโมชั่น สายการบิน Emirates กับบัตรเครดิต KTC
ต่อที่ 1 รับส่วนลดสูงสุด 4,900 บาท
เพียงใส่โค้ดส่วนลด (Promo Code) : THKTC25
เมื่อจองผ่านเว็บไซต์ http://emirates.th/thktc25
สำหรับจองบัตรโดยสารแบบไป-กลับ เส้นทางเริ่มต้นเดินทางจากประเทศไทย (กรุงเทพฯ และภูเก็ต)
เส้นทาง ยุโรปและสหรัฐอเมริกา(เฉพาะเส้นทางที่สายการบิน Emirates มีให้บริการ)
- รับส่วนลดสูงสุด 4,900 บาท สำหรับชั้นธุรกิจ (Business Class) (เฉพาะบัตรโดยสารประเภท Saver, Flex และ Flex Plus)
- รับส่วนลดสูงสุด 3,500 บาท สำหรับชั้น Premium Economy (เฉพาะบัตรโดยสารประเภท Flex Plus)
- รับส่วนลดสูงสุด 2,000 บาท สำหรับชั้นประหยัด (Economy Class) (เฉพาะบัตรโดยสารประเภท Saver, Flex และ Flex Plus)
เส้นทาง ฮ่องกง, เสียมราฐ และดานัง
- รับส่วนลดสูงสุด 1,950 บาท สำหรับชั้นธุรกิจ (Business Class) (เฉพาะบัตรโดยสารประเภท Saver, Flex และ Flex Plus)
- รับส่วนลดสูงสุด 850 บาท สำหรับชั้นประหยัด (Economy Class) (เฉพาะบัตรโดยสารประเภท Saver, Flex และ Flex Plus)
ระยะเวลาจอง: 1 พ.ค. 68 – 31 ก.ค. 68
ระยะเวลาเดินทาง: 4 พ.ค. 68 – 31 ต.ค. 68
หมายเหตุ :
- ข้อเสนอนี้เฉพาะผู้ถือบัตรเครดิต KTC เท่านั้น
- ข้อเสนอนี้ใช้ได้กับการซื้อตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ที่ออกเดินทางจากประเทศไทย ไปยังจุดหมายปลายทางที่กำหนดซึ่งให้บริการโดยสายการบิน Emirates เท่านั้น
- ข้อเสนอนี้ใช้ได้เฉพาะเที่ยวบินที่ให้บริการโดย Emirates เท่านั้น
- ส่วนลดที่ระบุไว้คำนวณจากราคาตั๋วเครื่องบินปกติ (Published Fare) และไม่สามารถใช้เปรียบเทียบกับราคาที่มีการลดแล้วซึ่งแสดงอยู่บนเว็บไซต์ Emirates.com ได้
- ไม่สามารถใช้ส่วนลดเพิ่มเติมกับบัตรโดยสารราคาพิเศษ (Special fares) ได้
- ไม่สามารถใช้ร่วมกับโปรโมชั่นอื่น ๆ ได้ เว้นแต่จะมีการระบุไว้เป็นพิเศษ
- ส่วนลดนี้ใช้ได้เฉพาะค่าโดยสารเครื่องบินเท่านั้น ไม่รวมค่าธรรมเนียมน้ำมัน ภาษีสนามบิน และภาษีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
- อาจมีข้อจำกัดช่วงวันที่ไม่สามารถเดินทางได้ (Blackout dates)
ต่อที่ 2 แลกคะแนนรับเครดิตเงินคืน 15% ไม่จำกัดจำนวนครั้ง
เมื่อจองตั๋วเครื่องบินโดยตรงผ่านสายการบิน Emirates จ่ายผ่านบัตรฯ และใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่าย/เซลส์สลิป
ลงทะเบียนภายในวันที่ทำรายการเพื่อแลกรับเครดิตเงินคืน ผ่านเว็บไซต์ https://www.ktc.co.th/promotion/travel/online-flight-booking/emirates
ระยะเวลาโปรโมชั่น : 1 พ.ค. 68 – 31 ก.ค. 68
ไม่ว่าจะชอบศิลปะ อาหาร สถาปัตยกรรมและงานศิลปะที่ทรงคุณค่า หรือชายหาดที่สวยงาม อิตาลีก็มีครบ ดินแดนรูปรองเท้าบู๊ตแห่งนี้มีเสน่ห์ที่ทำให้ผู้คนหลงใหลและอยากกลับมาอีกครั้งแล้วครั้งเล่า แถมการการเดินทางยังสะดวก เพราะสายการบินระดับโลกอย่าง Emirates ที่มีเที่ยวบินเชื่อมต่อหลายเมืองหลักในอิตาลี แนะนำให้จองตั๋วล่วงหน้าผ่านบัตรเครดิต KTC ที่ใช้จ่ายง่าย ปลอดภัย พร้อมสิทธิพิเศษมากมายในการท่องเที่ยวต่างประเทศ หากยังไม่มีบัตรเครดิต KTC ก็สามารถสมัครออนไลน์ได้ง่าย ๆ ตลอด 24 ชั่วโมง!
ทุกทริปเที่ยวคุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC