การแต่งงานถือเป็นความฝันของคู่รัก และยังเป็นจุดเริ่มต้นของคน 2 คน ที่จะใช้เดินทางร่วมกันไปจนแก่เฒ่า แน่นอนว่าการแต่งงานนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญในชีวิต เต็มไปด้วยรายละเอียดต่างๆ มากมาย รวมไปถึงสิ่งสำคัญก็คือค่าใช้จ่าย ที่เรียกได้ว่าอาจเป็นเงินก้อนใหญ่ ดังนั้นหากใครกำลังวางแผนแต่งงาน และอยากเก็บเงินแต่งงาน เพื่อเตรียมพร้อมให้กับวันสำคัญของชีวิต KTC จะพาทุกคนไปลงลึกถึงรายละเอียดการแต่งงาน งบประมาณ และวิธีในการเก็บเงินแต่งงานให้พร้อม ตามมาดูกัน
แต่งงานต้องใช้เงินกี่บาท?
เรียกได้ว่าเป็นคำถามพื้นฐานของเหล่าคู่รักที่วางแผนจะแต่งงาน เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญ งบประมาณที่ใช้ในการแต่งงานนั้น มีความแตกต่างกันไปตามขนาดของงาน โดยสามารถประมาณการเบื้องต้นได้ดังนี้
- ขนาดเล็ก (ไม่เกิน 50 คน)
สำหรับงานแต่งงานขนาดเล็กๆ จัดแบบกันเอง และมีแขกเข้าร่วมงานไม่เกิน 50 คน งบประมาณที่ใช้โดยรวมจะเริ่มต้นตั้งแต่ 30,000 - 70,000 บาท
- ขนาดกลาง (ไม่เกิน 200)
หากมีขนาดมากกว่า 50 คน แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายต่างๆ ย่อมมากขึ้น เพราะขนาดของการจัดงานนั้นจะต้องใหญ่ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าสถานที่ ค่าดอกไม้ประดับตกแต่ง รวมไปถึงค่าอาหาร โดยจะเริ่มต้นที่ 70,000 - 300,000 บาท
- ขนาดใหญ่ (มากกว่า 200 คน)
ส่วนใครที่มีเพื่อน หรือญาติผู้ใหญ่เยอะ แต่งงานทั้งทีก็ต้องจัดให้อลังการสุดๆ พร้อมเชิญแขกมากกว่า 200 คน แน่นอนงบประมาณที่ใช้ก็จะมากขึ้นตามขนาดของงาน สำหรับงานแต่งงานขนาดใหญ่ จะต้องใช้เงินประมาณ 400,000 บาทขึ้นไป จนถึงหลักล้าน ซึ่งราคาค่าใช้จ่าย ขึ้นอยู่กับค่าสถานที่ อาหาร ค่าชุดแต่งงาน และอื่นๆ ตามความต้องการและกำลังทรัพย์ของคู่บ่าวสาว
ค่าใช้จ่ายในการแต่งงานมีอะไรบ้าง?
งานแต่งงาน นอกจากจะเป็นงานที่สำคัญแล้ว ยังเต็มไปด้วยรายละเอียด และความซับซ้อนที่ซ่อนไปด้วยรายจ่ายมากมาย ดังนั้นจึงควรวางแผนให้ดีก่อนจัดงานแต่ง เพื่อที่งบประมาณจะได้ไม่บานปลาย ซึ่งค่าใช้จ่ายสำหรับงานแต่งงาน สามารถแบ่งได้ดังนี้
- ค่าชุดบ่าวสาว และค่าแต่งหน้า - ทำผม
ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่สำคัญของการจัดงานแต่งก็ต้องเริ่มจากค่าชุดเจ้าบ่าว และเจ้าสาว โดยส่วนใหญ่ทางร้านจะจัดเป็นแพ็กเกจคู่กับช่างแต่งหน้า และทำผม แต่ถ้าหากใครต้องการช่างแต่งหน้าเป็นพิเศษ ก็อาจจะต้องเตรียมเงินในส่วนนี้เพิ่มเติมด้วยเช่นกัน
- ค่าถ่ายภาพ Pre-Wedding
ภาพ Pre-Wedding สวยๆ ก็ถือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในงานแต่งงานเช่นกัน บางครั้งอาจจะรวมมาเป็นแพ็กเกจกับชุดเจ้าบ่าว - สาว หรือใครที่ต้องการภาพสวยๆ จากช่างภาพมืออาชีพชื่อดัง ก็ต้องมีงบประมาณในการจ้างเพิ่มเติม เพื่อให้ได้ภาพสวยงาม เก็บไว้เป็นความทรงจำ
- ค่าช่างภาพในงาน
บรรยากาศในงานแต่ง ก็ต้องเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วยเช่นกัน ซึ่งอาจจะประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้ หากจ้างทีมงานถ่ายภาพในงาน และ Pre-Wedding ทีมเดียวกัน ก็อาจจะได้รับเป็นแพ็กเกจราคาพิเศษ หรือถ้าต้องการให้งานแต่งอลังการสุดๆ ด้วยทีมโปรดักชันมืออาชีพ ก็เตรียมงบประมาณในส่วนนี้กันไว้ได้เลย
- ค่าสถานที่
อีกหนึ่งค่าใช้จ่ายงานแต่งที่ต้องจัดเตรียมงบประมาณกันไว้ให้พร้อม ก็คือค่าสถานที่ ซึ่งค่าสถานที่จะมากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับขนาดของแขกที่มาร่วมงาน รวมไปถึงความสวยงามของสถานที่ หากเป็นสถานที่สำหรับจัดงานแต่งงาน ที่มีบรรยากาศการตกแต่งหรูหรา อลังการ แม้จะมีขนาดไม่ใหญ่ แต่ก็อาจมีค่าใช้จ่ายที่สูงได้
- ค่าตกแต่งสถานที่
งานแต่งงานก็ต้องมาพร้อมความสวยงาม และบรรยากาศอันแสนโรแมนติก ดังนั้นค่าตกแต่งสถานที่จึงมีความสำคัญ แถมยุคปัจจุบันแขกที่มาร่วมก็ชื่นชอบการถ่ายรูป ดังนั้นหากมีการตกแต่งที่สวยงามก็จะยิ่งสร้างความประทับใจ และสร้างอรรถรสให้กับผู้ร่วมงานได้เป็นอย่างดี
- ค่าแหวนหมั้น และแหวนแต่งงาน
แหวนหมั้น หรือแหวนแต่งงาน ถือเป็นสัญญาแทนใจของคู่บ่าว - สาวที่จะเริ่มต้นใช้ชีวิตร่วมกัน แน่นอนว่าแหวนแต่งงาน มีให้เลือกหลากหลายดีไซน์ หลากหลายราคา ซึ่งมีให้เลือกตั้งแต่หลักหมื่นต้นๆ ไปจนถึงหลักล้าน หากใครกลัวเตรียมเงิน วางแผนไม่ทัน แนะนำให้ชำระผ่านบัตรเครดิต อย่างบัตรเครดิต KTC ที่มาพร้อมสิทธิพิเศษร่วมกับร้านเครื่องประดับชื่อดังมากมาย สามารถผ่อนจ่าย 0% ได้นานสูงสุด 10 เดือน พร้อมรับคะแนนสะสม KTC FOREVER หรือใช้แลกคะแนนแลกรับส่วนลด หรือเครดิตเงินคืน เป็นทางเลือกในการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายงานแต่งงาน แถมยังได้แหวนแต่งงานในราคาสุดคุ้ม สมัครบัตรเครดิต KTC ออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ พร้อมรับสิทธิพิเศษได้เลย
- ค่าของชำร่วย และการ์ดแต่งงาน
องค์ประกอบของงานแต่งที่ขาดไม่ได้ ก็คือของชำร่วยและการ์ดแต่งงาน เพราะเป็นดั่งของตอบแทนคำขอบคุณที่มอบให้แก่ผู้มาร่วมงาน โดยของชำร่วยและการ์ดนั้น มีให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ราคาหลักสิบ ไปจนถึงหลักร้อย สามารถเลือกได้ตามงบประมาณ และความเหมาะสม
- ค่าอาหารเครื่องดื่มภายในงาน
อาหารและเครื่องดื่ม เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ เพราะจะช่วยสร้างความประทับใจให้กับแขกที่มาร่วมงาน ซึ่งการเลี้ยงแบบโต๊ะจีน ก็อาจจะมีราคาที่สูงกว่าการจัดแบบค็อกเทล หรือเลือกซื้อเป็นแพ็กเกจร่วมกับสถานที่จัดงาน ก็อาจจะได้ราคาที่คุ้มค่ากว่า
- ค่าจิปาถะอื่นๆ
นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายที่กล่าวไปแล้ว ยังควรเตรียมเงินสำรองไว้สำหรับฉุกเฉิน หรือสำหรับค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่นๆ อย่างเช่น ค่าเครื่องเสียง ค่าวงดนตรี ค่าดีเจ สำหรับคู่บ่าว - สาวสายปาร์ตี้ รวมไปถึงค่าพิธีกรในงาน แต่ถ้าหากมีคนรู้จักที่สามารถเป็นพิธีกรได้ ก็สามารถไหว้วานให้มาร่วมเป็นพิธีกร ซึ่งก็จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้
การจัดงานแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญ และยังต้องมีการใช้เงินก้อนครั้งใหญ่
10 วิธีเก็บเงินในการแต่งงาน
แน่นอนว่าการแต่งงานถือเป็นงานสำคัญ และยังต้องมีการใช้เงินก้อนครั้งใหญ่ ซึ่งใครที่วางแผนแต่งงาน และอยากจะเริ่มต้นเก็บเงินแต่งงานให้สำเร็จ KTC มีเคล็ดลับ และวิธีมาฝากกัน
1. ศึกษาข้อมูล และวางแผนประเมินค่าใช้จ่ายให้ชัดเจน
เริ่มต้นจากการวางแผนการจัดการงานแต่งงาน ด้วยการศึกษาข้อมูล รายละเอียด และค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการจัดงานแต่งงาน เพื่อเป็นการวางแผนประเมินค่าใช้จ่ายได้อย่างรอบคอบ จะได้สามารถตั้งเป้าหมาย และวางแผนเก็บเงินแต่งงานให้สำเร็จได้ง่ายยิ่งขึ้น
2. เจรจาตกลงค่าสินสอดให้ชัดเจน
ค่าสินสอดต่างๆ ถือเป็นหนึ่งในรายจ่ายสำหรับงานแต่งงาน ดังนั้นในขั้นตอนการสู่ขอ ควรพูดคุยเจรจาถึงเงินในส่วนนี้ให้ชัดเจน เพื่อจะได้สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างครบถ้วน
3. ตั้งงบประมาณ และค่าใช้จ่ายสำหรับงานแต่งงาน
การตั้งงบประมาณ และค่าใช้จ่ายสำหรับงานแต่งงานเพื่อยึดเป็นหลักในการเก็บเงิน ก็เป็นอีกวิธีที่สำคัญ เพื่อจะได้ทราบว่าจะต้องใช้เงินเท่าใด ในส่วนไหนของงานแต่งบ้าง? หรือส่วนไหนสามารถตัดออก หรือประหยัดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ก็จะทำให้มองเห็นเป้าหมายได้ชัดเจน และมีโอกาสเก็บได้สำเร็จเร็วยิ่งขึ้น
4. กำหนดระยะเวลาในการเก็บ
กำหนดระยะเวลาในการเก็บให้ชัดเจน หากยังไม่ได้ฤกษ์ หรือวันในการจัดงานแต่งงานที่แน่นอน อาจจะใช้กำหนดเป็นช่วงปีในการแต่ง เพื่อจะได้ทราบถึงจำนวนเงิน และระยะเวลาที่มีการเริ่มต้นเก็บออมนั่นเอง
5. มุ่งมั่นในการเก็บเงินร่วมกัน
การแต่งงานเป็นเรื่องของทั้งคู่บ่าว - สาว ดังนั้นควรร่วมมือกันในการเก็บเงิน อาจจะกำหนดว่าในแต่ละเดือนจะต้องแบ่งเงินเพื่อมาเก็บออมเท่าใด เพื่อให้เกิดความยุติธรรมกับทั้งสองฝ่าย และแน่นอนว่าการช่วยกันเก็บย่อมทำให้ถึงเป้าหมายได้เร็วกว่าเก็บเพียงคนเดียว
6. ทำบัญชีรายรับ - รายจ่าย
เริ่มต้นหัดทำบัญชีรายรับรายจ่าย หากเริ่มมีรายจ่ายของงานแต่งงาน เพื่อที่จะได้ทราบถึงรายละเอียดของรายจ่าย และสามารถควบคุมการใช้เงินในงานแต่งงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
7. เปิดบัญชีใหม่ สำหรับเก็บเงินแต่งงาน
การเปิดบัญชีใหม่ สำหรับทำการออมเงินเพื่อแต่งงานโดยเฉพาะ ก็เป็นอีกวิธีที่หลายคนนิยม เพราะจะทำสามารถแยกเงินเก็บแต่งงานได้ออกมาเป็นสัดส่วน ไม่ปะปนกับเงินส่วนตัว หรือเงินส่วนอื่นๆ ซึ่งอาจทำให้เกิดความผิดพลาดในอนาคตได้ ยิ่งหากใครเปิดเป็นบัญชีสะสมทรัพย์ที่มาพร้อมดอกเบี้ยในอัตราพิเศษ ก็จะยิ่งเพิ่มมูลค่าให้กับเงินในบัญชีของเรามากยิ่งขึ้น
8. มองหาช่องทางทำรายได้เสริม
หากงานประจำยังไม่สร้างรายได้ให้เพียงพอต่อการเก็บเงินแต่งงาน ควรเริ่มมองหาอาชีพเสริมในการเพิ่มรายได้ เพื่อจะได้มีเงินเหลือมาเก็บออมสำหรับการแต่งงานมากยิ่งขึ้น
9. นำเงินเก็บบางส่วนไปลงทุน
หากเริ่มมีเงินเก็บออมมาก ควรแบ่งบางส่วนไปลงทุน ซึ่งต้องเป็นการลงทุนแบบความเสี่ยงต่ำ อย่างการซื้อสลากออมสิน สลาก ธกส. หรือการออมทอง ก็อาจจะช่วยเพิ่มเงินในการเก็บออมจากกำไรเล็กๆ น้อยได้เช่นกัน
10. เลือกใช้ตัวช่วยด้านการเงิน
หากพยายามเก็บจนสุดความสามารถแล้ว แต่ก็ยังขาดเหลือบางส่วน แนะนำตัวช่วยค่าใช้จ่าย บัตรเครดิต KTC สามารถซื้อสินค้าและบริการต่างๆ ได้ แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี เช่น ของชำร่วย แหวานแต่งงาน อาหาร เครื่องดื่มภายในงาน เป็นต้น อีกทั้งยังสามารถเปลี่ยนยอดใช้จ่ายเป็นรายการผ่อนชำระได้นาน 3 - 10 เดือน ด้วยอัตราดอกเบี้ย
พิเศษ 0.74% ต่อเดือน หรือหากอยากใช้เงินสดก็โอนเข้าบัญชีตรงได้เลยผ่านแอป KTC Mobile สะดวกสบายและปลอดภัย เพื่อให้คุณไม่สะดุดทุกการใช้จ่าย
การนำเงินไปลงทุนเป็นอีกไอเดียในการเพิ่มมูลค่าให้กับเงินเก็บ
เก็บเงินแต่งงานลงทุนอะไรดี ลงอะไรได้บ้าง?
- กองทุนรวมตราสารหนี้ต่างประเทศ
หากใครมีแผนการเก็บเงินแต่งงานระยะไม่เกิน 3 ปี สามารถนำเงินไปลงทุนในกลุ่มกองทุนรวมตราสารหนี้ต่างประเทศ ที่ให้ผลตอบแทน 2-6% ต่อปี ก็เป็นอีกไอเดียในการเพิ่มมูลค่าให้กับเงินเก็บ แต่ควรศึกษาให้ดีก่อนลงทุน อาจจะเริ่มลงทุนทีละน้อย เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้
- ออมทอง
หรือจะแบ่งเงินบางส่วนมาออมทอง ก็อาจช่วยสร้างกำไรเล็กๆ น้อยๆ ให้กับเงินเก็บแต่งงานของเราได้มากขึ้น แต่ควรลงทุนด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากตลาดทองมีความผันผวนสูง ดังนั้นควรศึกษาข้อมูลก่อนออม และคอยติดตามข่าวสารในวงการทองอย่างสม่ำเสมอ
- สลากออมสิน
ถือเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำที่สุด และเน้นไปที่การพึ่งพาโชคลาภ เพราะหากดวงดีก็อาจได้รับเงินรางวัลใหญ่ที่จะช่วยให้เก็บเงินแต่งงานได้สำเร็จเร็วยิ่งขึ้น และยังช่วยสร้างวินัยในการเก็บออม เพราะต้องฝากครบถึง 2 ปี จึงจะสามารถนำเงินออกมาได้ เหมาะกับคู่รักที่มีแผนเก็บเงินระยะยาว ซึ่งหากโชคดีถูกรางวัลใหญ่ ก็รับเงินก้อนใหญ่ต้อนรับงานแต่งได้เลย
- สลากออมทรัพย์ ธ.ก.ส.
รูปแบบการลงทุนคล้ายๆ กับสลากออมสิน โดยสามารถฝากเพิ่มได้ทุกวัน และจะต้องฝากให้ครบ 3 ปี จึงจะสามารถนำเงินออกมาได้ นอกจากจะสร้างวินัยในการเก็บออมเงินแล้ว หากดวงดีก็มีโอกาสลุ้นโชครางวัลใหญ่ที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าเงินฝากของเราให้มากขึ้น
ประหยัดมากขึ้นเมื่อจองสถานที่แต่งงานแล้วใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต KTC เพราะมีโปรโมชั่นรับห้องพักเพิ่มเมื่อชำระค่าแพ็คเกจแต่งงานยอดตามที่กำหนด ณ โรงแรมที่ร่วมรายการ คลิกที่นี่ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
การแต่งงานถือเป็นอีกช่วงจังหวะที่สำคัญของชีวิต ดังนั้นจึงควรวางแผนเรื่องค่าใช้จ่าย และการเก็บออมให้รอบคอบ รวมไปถึงมีวินัยในการเก็บออม ก็จะช่วยให้สามารถไปถึงเป้าหมายของการมีงานแต่งในฝันได้ง่ายยิ่งขึ้น และอย่าลืมเลือกใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิตที่มาพร้อมสิทธิพิเศษจากร้านค้า แบรนด์ดังมากมาย อย่างบัตรเครดิต KTC ที่มาพร้อมโปรโมชันส่วนลดเครดิตเงินคืน ช่วยให้ทุกการใช้จ่าย คุ้มค่ากว่าเดิม สมัครบัตรเครดิต KTC ออนไลน์
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC