จะเรียกว่าเป็นความชอบเฉพาะกลุ่มก็ได้ กับ "Exotic Pet" หรือสัตว์แปลก ที่เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเมียร์แคต เม่นแคระ งู หรือแม้แต่นกแก้วสายพันธุ์หายาก ด้วยความน่ารัก แปลกใหม่ และไม่ต้องการพื้นที่เยอะ Exotic Pet จึงกลายเป็นตัวเลือกของคนรักสัตว์ที่ต้องการเลี้ยงสัตว์ที่แตกต่างไปจากสุนัขหรือแมว แต่ก่อนที่จะตัดสินใจเลี้ยงสัตว์เหล่านี้ ก็มีปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณา รวมถึงแนวทางการดูแลที่ควรรู้ก่อนเลี้ยงจริง เพื่อให้ทั้งเจ้าของและสัตว์เลี้ยงมีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด ซึ่งจะมีรายละเอียดยังไงบ้าง มาติดตามบทความนี้กันได้เลย
Exotic Pet คืออะไร ?
Exotic Pet หรือ สัตว์แปลก หมายถึงสัตว์เลี้ยงที่ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงทั่วไปอย่างสุนัขหรือแมว แต่มักเป็นสัตว์หายากหรือสัตว์ป่าที่ถูกนำมาเลี้ยงภายใต้สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม โดยส่วนใหญ่แล้วจะหมายถึงสัตว์เลี้ยงชนิดพิเศษ สัตว์ต่างถิ่น ที่จำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษและเหมาะสม ไปจนถึงสัตว์ที่ได้รับการตัดแต่งพันธุกรรมจนมีรูปร่างที่ต่างจากสายพันธุ์เดิม หรือสัตว์มีพิษที่คนส่วนใหญ่ไม่เลี้ยงกัน แต่ก็สามารถนำมาเลี้ยงก็ได้
Exotic Pet มีกี่ประเภท ?
Exotic Pet สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามลักษณะของสัตว์ โดยหลัก ๆ แล้วสามารถจำแนกตามลำดับชั้นของสิ่งมีชีวิต ได้ดังนี้
- สัตว์เลื้อยคลาน (Reptiles) ที่เราอาจรู้กันอยู่แล้วว่าเป็นสัตว์ Exotic Pet ได้รับความนิยมมากเพราะเลี้ยงง่ายและไม่ต้องดูแลมาก อาทิ กิ้งก่า อีกัวนา งู และเต่า
- สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก (Amphibians) หรือครึ่งบกครึ่งน้ำ เช่น กบต่าง ๆ และ ซาลาแมนเดอร์
- สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก (Small Mammals) คือ สัตว์ขนาดเล็กที่สามารถเลี้ยงได้ง่าย มีขนาดกะทัดรัด อาทิ เม่นแคระ ชูการ์ไกลเดอร์ แฮมสเตอร์ เมียร์แคต ไปจนถึงกระต่ายสายพันธุ์หายากต่าง ๆ
- สัตว์ปีก (Poultry) อาทิ นกสายพันธุ์แปลก นกเเก้วค๊อกคาเทล นกแก้วมาคอร์ นกเหยี่ยว และ นกยูง เป็นต้น
- สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง (Invertebrates & Arachnids) หรือสัตว์จำพวกแมลงต่าง ๆ อาทิแมงมุมทารันทูล่า แมงป่องจักรพรรดิ หรือด้วง เป็นต้น
- สัตว์น้ำหายาก (Exotic Aquatic Pets) สัตว์น้ำที่ต้องการระบบน้ำที่เหมาะสม เช่น ปลาอะโรวาน่า ปลาปักเป้าฟาฮากา และอื่น ๆ
Exotic Pet หมายถึงสัตว์เลี้ยงที่ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงทั่วไปอย่างสุนัขหรือแมว แต่มักเป็นสัตว์หายาก
Exotic Pet น่าเลี้ยง และเลี้ยงง่ายมีอะไรบ้าง ?
สำหรับมือใหม่ ที่อยากลองเลี้ยง Exotic Pet ก็มีสัตว์บางชนิดที่ดูแลง่ายและเหมาะสำหรับมือใหม่เช่นกัน ดังนั้น มาดูกันตรงนี้เลยว่าสัตว์ Exotic Pet ที่น่าเลี้ยงและเลี้ยงง่ายมีอะไรบ้าง
- เม่นแคระ (Hedgehog) ด้วยมีขนาดเล็ก จึงดูแลง่ายและไม่ต้องการพื้นที่เยอะ การเลี้ยงดูจะคล้ายคลึงกับการเลี้ยงหนูแฮมเตอร์ ทั้งนี้ นิสัยของสัตว์ชนิดนี้จะค่อนข้างขี้อาย แต่หากเลี้ยงให้คุ้นเคยก็สามารถสัมผัสตัวได้
- ชินชิลล่า (Chinchilla) อีกหนึ่งสัตว์ Exotic Pet ที่ไม่แปลกแตกต่างมากจนเกินไป ด้วยมีหน้าตาน่ารัก มีขนนุ่ม และนิสัยร่าเริง เป็นสัตว์ฟันกัดแทะและออกหากินตอนกลางคืน ต้องการพื้นที่สำหรับปีนป่ายและเล่นสนุก โดยมีอาหารหลักคือหญ้าแห้งและอาหารเฉพาะของชินชิลล่า นอกจากนี้ ชินชิลล่ายังมีอายุขัยที่ยาวนาน ซึ่งบางตัวสามารถอยู่ได้นานถึง 15 ปีเลยทีเดียว
- เต่าซูลคาต้า (Sulcata Tortoise) เต่าบกขนาดใหญ่จากแอฟริกา ทนต่ออากาศร้อนได้ดี ต้องการพื้นที่กว้างขวาง ทั้งยังเป็นเต่าที่ชอบอากาศร้อน และไม่ชื้นจนเกินไป ซึ่งก็เหมาะกับการเลี้ยงในบ้านเรา และเป็นสัตว์ที่กินพืชเป็นหลัก โดยสามารถกินผักตามท้องตลาดทั่วไปได้
- ชูการ์ไกลเดอร์ (Sugar Glider) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กที่สามารถบินร่อนได้ และมีนิสัยเป็นสัตว์สังคม ต้องการการดูแลเอาใจ ติดเจ้าของเช่นเดียวกับสุนัข จึงเป็นสัตว์ที่มีนิสัยขี้อ้อนด้วย ซึ่งอาหารการกินของชูการ์ไกลเดอร์คือผลไม้และแมลงเป็นหลัก
ก่อนตัดสินใจเลี้ยง Exotic Pet ต้องรู้อะไรบ้าง ?
ก่อนตัดสินใจเลี้ยง Exotic Pet มีหลายเรื่องที่ต้องพิจารณา เพื่อให้แน่ใจว่าคุณสามารถดูแลสัตว์ได้อย่างเหมาะสมและถูกต้องตามกฎหมาย โดยมีข้อควรพิจารณา ดังต่อไปนี้
1.ศึกษากฎหมายและใบอนุญาต
ก่อนจะตัดสินใจเลี้ยง Exotic Pet หรือมี Exotic Pet ในใจที่อยากจะเลี้ยงแล้วนั้น สิ่งหนึ่งที่ควรศึกษาคือ อนุสัญญาไซเตส (CITES) ซึ่งเป็นอนุสัญญาที่ว่าด้วยการควบคุมไม่ให้มีการค้าสัตว์ป่าและพืชพรรณระหว่างประเทศที่อาจทำให้เกิดภัยคุกคามต่อความอยู่รอดของสัตว์ป่าและพืชพรรณเหล่านั้น โดยหากเป็นชนิดสัตว์ป่าที่อนุสัญญาไซเตสควบคุม จะแบ่งเป็นบัญชี ดังนี้
- หมายเลข 1 คือ ชนิดสัตว์ที่ห้ามค้าโดยเด็ดขาด เนื่องจากใกล้จะสูญพันธุ์แล้ว อาทิ เต่ามะเฟือง ไก่ฟ้าหางลายขวาง และอื่น ๆ
- หมายเลข 2 เป็นชนิดที่ยังไม่ถึงกับใกล้จะสูญพันธุ์ อนุญาตให้ค้าได้ แต่ต้องควบคุมไม่ให้เกิดความเสียหาย อาทิ นกยูง เหยี่ยวแดง นกอินทรีเล็ก และอื่น ๆ
- หมายเลข 3 เป็นชนิดพันธุ์ที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายของประเทศใดประเทศหนึ่ง แล้วขอความร่วมมือประเทศภาคีให้ช่วยดูแลการนำเข้า เช่น หมาจิ้งจอก งูแมวเซา งูลายสอ ไก่ฟ้าหน้าเขียว และอื่น ๆ
โดยสามารถดูรายละเอียดรายชื่อสัตว์ทั้งหมดได้ที่ https://www.fio.co.th/south/law/11/111.pdf
และนอกจากอนุสัญญาไซเตสแล้ว จะต้องดูด้วยว่า Exotic Pet ที่ต้องการเลี้ยงนั้น จัดอยู่ในกลุ่มสัตว์ป่าสงวน หรือสัตว์ป่าคุ้มครองของประเทศไทย ซึ่งมีข้อห้ามในการล่า หรือมีไว้ในครอบครองหรือไม่อีกด้วยเช่นกัน ซึ่งหาก Exotic Pet ที่ต้องการเลี้ยงจัดอยู่ในรายชื่อบัญชีหมายเลข 2 หรือ 3 หรือไม่ได้จัดอยู่ในรายชื่ออนุสัญญาไซเตส รวมถึงไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่มสัตว์ป่าสงวน หรือสัตว์ป่าคุ้มครองของไทย ก็สามารถเลี้ยงได้อย่างถูกกฎหมายนั่นเอง
2.ความพร้อมของสภาพแวดล้อมและการจัดเตรียมแหล่งที่อยู่อาศัย
การเลี้ยง Exotic Pet ไม่ใช่แค่เรื่องความแปลกใหม่เท่านั้น แต่ก็เป็นสัตว์ที่ต้องได้รับการดูแลเหมือนสัตว์เลี้ยงทั่วไปที่ต้องการการเอาใจใส่ และมากไปกว่านั้นอาจต้องดูแลเป็นพิเศษ บางชนิดจำเป็นต้องมีแหล่งที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม โดยอาจต้องการสภาพแวดล้อมที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติ เช่น สัตว์เลื้อยคลานต้องการหลอดไฟ UVB เพื่อสร้างวิตามิน D3 ในร่างกาย บางชนิดต้องการน้ำสะอาดและความชื้นที่พอเหมาะ หากไม่มีการดูแลที่ถูกต้อง อาจทำให้สัตว์ป่วยหรืออายุสั้นลงได้
3.ความพร้อมของเจ้าของและค่าใช้จ่ายในการเลี้ยง
การเลี้ยง Exotic Pet จำเป็นต้องศึกษาเกี่ยวกับข้อมูลของสัตว์นั้น ๆ เป็นอย่างดี เพราะส่วนใหญ่แล้ว Exotic Pet จะเป็นสัตว์ต่างถิ่น หากหลุดออกไปข้างนอก แล้วสามารถมีชีวิตรอด และสืบพันธ์ุได้ ก็อาจทำให้ระบบนิเวศเสียสมดุลได้ Exotic Pet บางชนิดมีอายุยืนยาวมาก เช่น เต่าซูลคาต้ามีอายุได้ถึง 80-100 ปี ดังนั้น ต้องคิดให้รอบคอบว่าคุณสามารถดูแลเขาได้ตลอดชีวิตหรือไม่ หรือ Exotic Pet ส่วนใหญ่ก็มักไม่ใช่สัตว์ที่ชอบให้จับหรือเล่นเหมือนสุนัขและแมว ดังนั้น ความเข้าใจในพฤติกรรมของสัตว์และเคารพธรรมชาติของพวกเขาจึงสำคัญอย่างมากสำหรับเจ้าของ
นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการเลี้ยง Exotic Pet ที่บางชนิดอาจมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าสัตว์เลี้ยงทั่วไป เช่น ค่าตู้เลี้ยงเฉพาะ อุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิ ค่าอาหารพิเศษ และหากสัตว์ป่วย อาจต้องพาไปพบสัตวแพทย์เฉพาะทาง ซึ่งค่ารักษาอาจแพงกว่าสัตว์เลี้ยงทั่วไป ดังนั้นแล้ว เจ้าของสัตว์ Exotic Pet จึงต้องมีความพร้อมทั้งในด้านทุนทรัพย์ เวลา สถานที่ที่เหมาะสม และความรู้ความเข้าใจในการดูแลสัตว์นั้น ๆ ได้อย่างถูกวิธี
ขอบคุณข้อมูลจาก :
https://pets.baanlaesuan.com/292956/pets/exotic-pets-by-vet
https://hdmall.co.th/blog/c/what-is-exotic-pet/
https://www.talingchanpet.net/5-exoticpets/
รับสิทธิประโยชน์ส่วนลดสูงสุด 15%
จากร้านค้าค้าสัตว์เลี้ยง และโรงพยาบาลสัตว์ชั้นนำที่ร่วมรายการทั่วประเทศ
แลกรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 15%
เมื่อใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดซื้อแลกรับ (ลงทะเบียนทุกครั้งที่ทำรายการ)
- ยอดใช้จ่าย ต่ำกว่า 2,000 บาท / เซลส์สลิป ใช้คะแนนเท่ายอดซื้อแลกรับเครดิตเงินคืน 12%
- ยอดใช้จ่าย ตั้งแต่ 2,000 บาทขึ้นไป / เซลส์สลิป ใช้คะแนนเท่ายอดซื้อแลกรับเครดิตเงินคืน 15%
ลงทะเบียน ผ่าน 3 ช่องทาง
- ผ่านเว็บไซต์โดยสแกน QR จากสื่อ ณ จุดขาย หรือ ktc.promo/AML
- SMS : พิมพ์ AML เว้นวรรค ตามด้วยหมายเลขบัตร16 หลัก # ตามด้วยยอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป ส่งไปยัง 0613845000 (ค่าบริการครั้งละ 3 บาท) และสมาชิกจะต้องได้รับข้อความตอบกลับยืนยันการเข้าร่วมรายการจากเคทีซี จึงจะมีสิทธิ์เข้าร่วมรายการนี้
- KTC PHONE : 02 123 5000
ผ่อน 0.74% ต่อเดือน นานสูงสุด 10 เดือน ผ่าน KTC PHONE
เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต KTC ตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไป (ลงทะเบียนทุกครั้ง)
- สามารถรวมเซลส์สลิปยอด 500 บาทขึ้นไป ณ ร้านค้าที่ร่วมรายการ ภายในวันที่ซื้อสินค้าเท่านั้น
- สมาชิกที่ประสงค์จะผ่อนชำระสามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ได้ ที่ KTC PHONE 02 123 5000 ในวันที่ซื้อสินค้าเท่านั้น
*ดอกเบี้ย 0.74% เทียบเท่าดอกเบี้ย Effective Rate ไม่เกิน 16% ต่อปี
ระยะเวลาโปรโมชั่น : 1 มี.ค. 68 – 31 ส.ค. 68
การจะเลี้ยง Exotic Pet ได้ไม่ใช่แค่เรื่องความชอบหรือความแปลกใหม่ แต่เป็นภาระหน้าที่ ที่ต้องมีความรู้ ความรับผิดชอบ และความพร้อมทั้งด้านเวลาและงบประมาณ หากสนใจเลี้ยง Exotic Pet ควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน และตรวจสอบข้อกฎหมายก่อนตัดสินใจ แต่หากต้องการวางแผนงบประมาณเลี้ยง Exotic Pet อย่างคุ้มค่า ต้องบัตรเครดิต KTC ที่ช่วยบริหารค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ทั้งค่าอุปกรณ์ ที่อยู่ อาหารพิเศษ และค่ารักษาพยาบาล ซึ่งอาจสูงกว่าสัตว์เลี้ยงทั่วไป สามารถใช้บัตรเครดิต KTC ช่วยบริหารค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อาทิ ใช้คะแนน KTC FOREVER แลกรับเป็นส่วนลด หรือเครดิตเงินคืน หรือการผ่อน 0.74% นาน 3-6-10 เดือน ที่โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC