สำหรับสาวๆ คนไหนที่เป็นสายสุขภาพชอบออกกำลังกาย เข้าฟิตเนส นอกจากการเลือกโปรแกรมการออกกำลังกายที่เหมาะสมแล้ว บอกเลยว่าอุปกรณ์ต่างๆ ก็ต้องพร้อม โดยเฉพาะรองเท้าเทรนนิ่งสำหรับเข้าฟิตเนสก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัย ที่หลายๆ คนพิถีพิถันในการเลือกซื้อ
ทั้งนี้รองเท้ากีฬาหรือรองเท้าเทรนนิ่งผู้หญิงในปี 2025 ก็มีหลากหลายแบบ จากหลากหลายแบรนด์ให้เลือกซื้อ ซึ่งแต่ละแบบก็มีจุดเด่นและลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวัสดุ รูปทรงการออกแบบ ระบบรองรับน้ำหนัก เทคโนโลยีที่นำมาใช้ในการผลิต ความทนทาน KTC จึงรวบรวมเทคนิคการเลือกซื้อรองเท้าเทรนนิ่ง พร้อมแนะนำ 10 รองเท้าเทรนนิ่งสำหรับผู้หญิง ใส่เข้าฟิตเนสได้ ใส่เที่ยวก็ได้ สามารถใส่ได้ทุกวัน ยี่ห้อไหนดีมาบอกกัน
เทคนิคการเลือกรองเท้าเทรนนิ่ง สำหรับผู้หญิง
การเลือกรองเท้าเทรนนิ่งสำหรับผู้หญิงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะรองเท้าที่เหมาะสมสามารถช่วยป้องกันการบาดเจ็บและเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกายได้
- ประเภทของการออกกำลังกาย : สิ่งแรกที่ต้องพิจารณาคือ เลือกซื้อรองเท้าเทรนนิ่งสำหรับโปรแกรมการออกกำลังกายประเภทใด เช่น ถ้าเราเน้นวิ่ง การเลือกรองเท้าวิ่งที่มีการซัพพอร์ตที่ดี เบา และมีการดูดซับแรงกระแทก ก็เป็นสิ่งที่ควรพิจารณา ใครที่เน้นการทำเวทเทรนนิ่ง ก็ควรเลือกรองเท้าที่มีพื้นรองเท้าหนา และมั่นคง เพื่อให้เกิดความเสถียรในการทรงตัว หรือสำหรับคนที่ชอบคาร์ดิโอ ควรเลือกรองเท้าที่น้ำหนักเบา และมีการระบายอากาศดี
- ความเหมาะสมของขนาด รูปทรง และการซัพพอร์ต : แน่นอนว่าเราควรตรวจสอบขนาดรองเท้าให้เหมาะสมกับเท้า ไม่ควรใหญ่หรือเล็กเกินไป นอกจากนี้ โดยเฉพาะรองเท้าเทรนนิ่ง ควรมีการซัพพอร์ตที่ดี เพื่อลดแรงกระแทก ช่วยลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บ
- วัสดุและการระบายอากาศ : เลือกรองเท้าที่ทำจากวัสดุที่มีคุณภาพ ทนทาน และการระบายอากาศที่ดี เพื่อช่วยลดการเกิดกลิ่นอับและทำให้เท้ารู้สึกสบายขึ้น
ทดลองใส่ก่อนซื้อ : ลองใส่รองเท้าเดินหรือวิ่งในร้าน เพื่อทดสอบความสบายและความเหมาะสม ซึ่งเวลาที่เหมาะสมในการเลือกซื้อรองเท้าคือช่วงบ่าย เพราะส่วนใหญ่แล้วเท้าของเราจะขยายระหว่างวัน เนื่องจากมีการใช้งาน เวลาที่ดีในการลองรองเท้าจึงเป็นช่วงเวลาบ่ายๆ หรือเย็น เพื่อให้ได้ขนาดที่ถูกต้อง นอกจากนี้ เวลาลองรองเท้าทุกครั้งควรใส่ถุงเท้าเหมือนกับการใช้จริง เพื่อให้ได้ขนาดที่เผื่อความหนาของถุงเท้าไว้แล้ว
1. รองเท้าผู้หญิง New Balance 1906R
แบรนด์และรุ่น |
New Balance 1906R |
สี |
Grey |
ราคา |
6,600 บาท |
เรียกได้ว่าเป็นรองเท้าแบรนด์ยอดนิยมที่ใส่ได้กับการเทรนนิ่งและชีวิตประจำวัน New Balance 1906R เป็นรองเท้าที่เหมาะสำหรับการวิ่ง โดดเด่นด้วยสไตล์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากยุค 2000 และมีวัสดุที่รองรับแรงกระแทกด้วยพื้นรองเท้าชั้นกลาง ABZORB ที่ดูดซับแรงกระแทกผ่านการผสมผสานระหว่างการกันกระแทกและความต้านทานการบีบอัด นอกจากนี้ พื้นรองเท้าด้านนอก N-ergy ยังให้การดูดซับแรงกระแทกที่เหนือกว่า และยังใช้เทคโนโลยีพื้นรองเท้าชั้นนอกแบบ Web Stability ที่ช่วยเพิ่มการรองรับส่วนโค้ง พร้อมทั้งดีไซน์รองเท้าและสีสัน ที่แมตช์ได้กับทุกลุค
2. รองเท้าผู้หญิง Nike Zoom Vomero 5
แบรนด์และรุ่น |
Nike Zoom Vomero 5 |
สี |
Black |
ราคา |
6,000 บาท |
สำหรับสาวๆ ที่เป็นสาวก Nike ก็มีรองเท้าเทรนนิ่งผู้หญิงที่น่าสนใจ Zoom Vomero 5 มีดีไซน์ที่มีความซับซ้อน มีมิติ และแมตช์กับชีวิตประจำวันได้ง่าย ด้วยดีไซน์มีเลเยอร์แบบจัดเต็มผสมผสานผ้า หนังกลับสังเคราะห์ และพลาสติกประกอบเข้าด้วยกัน จนได้ดีไซน์รองเท้าเทรนนิ่งสุดเจ๋ง ที่มีระบบลดแรงกระแทก Zoom Air ช่วยให้รองรับแรงกระแทก และช่วยให้เคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่ว อีกทั้งพื้นรองเท้ายางชั้นนอกให้การยึดเกาะทนทาน จึงเป็นรองเท้าที่เหมาะสำหรับทุกกิจกรรม
3. รองเท้าผู้หญิง Adidas Pureboost 23
แบรนด์และรุ่น |
Adidas Pureboost 23 |
สี |
White |
ราคา |
3,000 บาท |
รองเท้าเทรนนิ่งผู้หญิง Adidas Pureboost 23 นับว่าเป็นตัวเลือกรองเท้าเทรนนิ่งที่น่าสนใจ ด้วยราคาที่ไม่เกินเอื้อม ทั้งยังโดดเด่นด้วยเทคโนโลยี BOOST ที่ออกแบบมาเพื่อการวิ่งโดยเฉพาะ ทำให้พื้นยางชั้นล่างสามารถรองรับการเคลื่อนไหว บีบอัดและยืดขยายได้ตามจังหวะการเคลื่อนไหว นอกจากนี้ยังมีอัปเปอร์ผ้าตาข่ายน้ำหนักเบาที่ถักทอแบบพิเศษ ระบายอากาศได้ดี ในจุดที่เท้าเกิดความร้อน และรองรับเท้าในจุดที่จำเป็น Adidas Pureboost 23 จึงเป็นรองเท้าเทรนนิ่งที่พร้อมมอบประสบการณ์สุด Active ไปพร้อมกับความสบาย
4. รองเท้าผู้หญิง On Running Cloudmonster
แบรนด์และรุ่น |
On Cloudmonster |
สี |
Black |
ราคา |
7,000 บาท |
นับว่าเป็นรองเท้าแบรนด์ที่ถูกพูดถึงมากในปี 2024 เพราะแบรนด์ On ขึ้นชื่อเรื่องเทคโนโลยีที่ทำให้การเคลื่อนไหวรู้สึกสบาย โดยเฉพาะรองเท้าเทรนนิ่ง Cloudmonster รุ่นนี้ เป็นรองเท้าวิ่งที่พร้อมมอบความรู้สึกแปลกใหม่ โดดเด่นด้วยชุดพื้นโฟม Helion® Superfoam ที่หนานุ่มเป็นพิเศษ พร้อมทั้งเทคโนโลยีดั้งเดิมอย่าง Cloud CloudTec® ทำงานร่วมกับแผ่น Speedboard® จึงช่วยรองรับฝ่าเท้าผู้สวมใส่ที่มากขึ้นกว่า On Running ทุกรุ่นที่เคยมีมา ทำให้ผู้สวมใส่รู้สึกสบาย เคลื่อนไหวและสามารถพุ่งตัวไปข้างหน้าได้เร็วขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้ On Running Cloudmonster คู่นี้ยังเหมาะกับการใช้งานซ้อมวิ่งได้ในทุกระยะ ตั้งแต่ 5 กิโลเมตรไปจนถึงระยะ Full Marathon
5. รองเท้าผู้หญิง New Balance Made in USA 990v6
แบรนด์และรุ่น |
New Balance 990v6 |
สี |
Grey |
ราคา |
11,200 บาท |
New Balance 990v6 เป็นรองเท้ากีฬาและรองเท้าแฟชั่นที่หลายคนยกให้เป็นรองเท้าที่สวมใส่สบายที่สุดก็ว่าได้ ด้วยถูกยกให้เป็นรองเท้าวิ่งที่ดีที่สุดในตลาด ทั้งยังเหมาะแก่การใช้ในยิม หากคุณต้องการเวทเทรนนิ่ง ด้วยมีวัสดุพื้นรองเท้าชั้นกลางแบบ ENCAP ผสานโฟมน้ำหนักเบาเข้ากับขอบโพลียูรีเทน ให้ความทนทานและรองรับแรงกระแทก อีกทั้งโฟม FuelCell ที่ช่วยให้คุณเคลื่อนตัวไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ทั้งยังมีดีไซน์สวยเท่ และ Made in USA ทำให้รองเท้าคู่นี้เป็น Rare item ของสายแฟชั่นและสายออกกำลังกาย
6. รองเท้าผู้หญิง Nike V2K Run
แบรนด์และรุ่น |
Nike V2K Run |
สี |
Grey |
ราคา |
4,700 บาท |
Nike เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์รองเท้ากีฬาที่ได้รับความนิยม ซึ่งในปี 2025 รองเท้าเทรนนิ่งที่น่าสนใจอีกรุ่นคือ V2K ซึ่งเป็นรองเท้าดีไซน์แนวเรโทร แต่แฝงไปด้วยความเรียบง่าย ทันสมัย จึงสามารถใส่ได้กับการออกกำลังกายและในชีวิตประจำวัน โดยมีลูกเล่นเลเยอร์สีเมทาลิคสลับกับสีขาวที่ถูกคิดมาอย่างดี พร้อมเอกลักษณ์ Swoosh สีเทาที่ตัดกันอย่างลงตัว นอกจากนี้ วัสดุของรองเท้ารุ่นนี้ก็ไม่น้อยหน้า โดยส่วนบนเป็นตาข่ายให้สัมผัสโปร่งและเบา ผสมผสานเข้ากับโฟมแบบ 2 ชั้นที่นุ่มสบายในทุกย่างก้าว ยึดเกาะทนทาน จะใส่วิ่ง คาร์ดิโอ หรือเล่นเวทเทรนนิ่ง คู่นี้ก็คล่องตัว
7. รองเท้าผู้หญิง Hoka Bondi 8
แบรนด์และรุ่น |
Hoka Bondi 8 |
สี |
Beige |
ราคา |
6,500 บาท |
สำหรับสาวๆ ที่อยากซื้อรองเท้าเทรนนิ่งที่เน้นความทน ใช้ได้ยาวๆ ก็ต้อง Hoka Bondi 8 เพราะรุ่นนี้เป็นหนึ่งในรองเท้าที่ทนทานที่สุดของ Hoka โดย Bondi ได้รับการออกแบบใหม่ด้วยพื้นโฟมที่นุ่มและเบาขึ้น พร้อมรูปทรงส้นเท้าที่ขยาย และแผ่นกันกระแทกด้านหลังที่ให้สัมผัสนุ่มนวลและสมดุลอย่างเหลือเชื่อ บอกได้เลยว่าหากคุณจะหารองเท้าดีๆ มีสีสันที่สดใสสำหรับใส่ไปฟิตเนส แบรนด์ Hoka นี้ น่าสนใจไม่แพ้กัน
8. รองเท้าผู้หญิง Nike Dunk Low
แบรนด์และรุ่น |
Nike Dunk Low |
สี |
White Rose |
ราคา |
3,700 บาท |
สายเข้ายิมที่เน้นเวทเทรนนิ่ง พร้อมทั้งเป็นคนที่สนุกกับการแต่งตัว บอกเลยว่า Nike Dunk Low เป็นรุ่นที่น่าจับตามอง เพราะนอกจากจะเป็นรุ่นคลาสสิคตลอดกาลของ Nike แล้ว พื้นรองเท้าของ Nike Dunk Low ยังมีการซัพพอร์ตที่ลงตัว ด้วยพื้นรองเท้าโฟมชั้นกลาง ช่วยลดแรงกระแทก ทำให้สวมใส่สบายและมีน้ำหนักเบา นอกจากนี้ ตัวพื้นรองเท้ายางชั้นนอกยังมีลายวนก้นหอย ที่ทำให้การยึดเกาะดีขึ้นอีกด้วย เรียกได้ว่านี่คือรองเท้าระดับตำนานที่สามารถหยิบมาใส่ได้ทุกเวลา
9. รองเท้าผู้หญิง Hoka Clifton 9
แบรนด์และรุ่น |
Hoka Clifton 9 |
สี |
White |
ราคา |
5,990 บาท |
สำหรับสายวิ่งบนลู่ รองเท้าเทรนนิ่งผู้หญิงอย่าง Hoka Clifton 9 อาจทำให้คุณประทับใจถ้าได้ไปลอง ด้วยวัสดุที่เบากว่าและรองรับแรงกระแทกได้มากกว่าที่เคย Clifton 9 มีน้ำหนักเบา และยังเพิ่มความสูง 3 ซม. มอบประสบการณ์ใต้ฝ่าเท้าที่มีชีวิตชีวาด้วยพื้นโฟมใหม่ ที่ตอบสนองได้ดี ทั้งยังมีดีไซน์ทรงโค้ง Meta-Rocker แบบ Early Stage ที่ช่วยให้ผู้สวมใส่วิ่งได้อย่างลื่นไหล และตัวรองเท้าที่ให้ความรู้สึกโอบกระชับรูปเท้า ลดการลื่นของลิ้นรองเท้าได้ เอาเป็นว่าใครเน้นคาร์ดิโอบนลู่ต้องไปลองใส่ดูสักครั้ง
10. รองเท้าผู้หญิง New Balance 327
แบรนด์และรุ่น |
New Balance 327 |
สี |
White |
ราคา |
3,600 บาท |
สำหรับรองเท้าเทรนนิ่งท้ายสุดนี้ เราขอยกให้ New Balance 327 ที่นอกจากจะใส่ออกกำลังกายได้แล้ว ยังเป็นรองเท้าลำลองที่ออกแบบผสมผสานความเป็นรองเท้าวิ่งในยุค 70s ออกมาได้แบบวินเทจสปอร์ต โดยมีลูกเล่นหนังและหนังกลับทำให้ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น จึงใส่ในชีวิตประจำวันได้อย่างสบายๆ แต่ทั้งนี้ รองเท้าเทรนนิ่งผู้หญิง New Balance 327 ก็ยังมีฟังก์ชั่นพื้นรองเท้าชั้นนอก ที่ได้แรงบันดาลใจจากรองเท้าวิ่งเทรล พร้อมพื้นชั้นกลางที่ทำจากโฟม EVA ช่วยซัพพอร์ตแรงกระแทกอย่างนุ่มสบายอีกด้วย ทำให้คู่นี้เหมาะแก่การใส่เข้าฟิตเนสเช่นกัน
เป็นอย่างไรกันบ้างกับรองเท้าเทรนนิ่งผู้หญิงในปี 2025 ที่เอามาอัพเดทกันในครั้งนี้ บอกเลยว่าแต่ละรุ่นทั้งดีไซน์สวย และฟังก์ชันการใช้งานดี อย่างไรก็ดี เลือกที่เหมาะกับการใช้งานของตัวเองเป็นหลัก พร้อมไปลองกันได้ที่ JD Sports พร้อมโปรโมชั่นดีๆ กับบัตรเครดิต KTC ทั้งออนไลน์และออฟไลน์
โปรโมชั่นที่ ร้าน JD SPORTS กับบัตรเครดิต KTC และบัตรกดเงินสด KTC PROUD
แลกคะแนนรับ e-Coupon สูงสุด 1,000 บาท (สำหรับบัตรเครดิต KTC) เมื่อใช้คะแนน KTC FOREVER + ชำระเงิน แลกรับ e-Coupon ส่วนลดสำหรับซื้อสินค้าที่ร่วมรายการผ่านบัตรฯ ตามยอดใช้จ่ายที่กำหนด
แลกรับ e-Coupon ส่วนลด |
เมื่อใช้คะแนน KTC FOREVER + ชำระเงิน |
สำหรับใช้ซื้อสินค้า/เซลส์สลิป |
200 บาท |
999 คะแนน + 59 บาท |
1,000 บาทขึ้นไป |
500 บาท |
1,999 คะแนน + 199 บาท |
4,000 บาทขึ้นไป |
1,000 บาท |
3,999 คะแนน + 399 บาท |
6,000 บาทขึ้นไป |
- ผ่อน 0% นานสูงสุด 6 เดือน
เมื่อชำระยอดผ่อนตามที่เรียกเก็บรายเดือนภายในวันครบกำหนดชำระ - ระยะเวลาโปรโมชั่น : 1 ส.ค. 67 – 31 ม.ค. 68
โปรโมชั่นที่ JD Sports Online กับบัตรเครดิต KTC
รับส่วนลดสูงสุด 500 บาท
เมื่อมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ครบตามเงื่อนไข ต่อเซลส์สลิป ที่ www.jdsports.co.th
- รับส่วนลด 250 บาท เมื่อมียอดใช้จ่าย/เซลล์สลิป 3,500 บาท
รหัสโปรโมชั่น : JDKTC250
- รับส่วนลด 500 บาท เมื่อมียอดใช้จ่าย/เซลล์สลิป 5,000 บาท
รหัสโปรโมชั่น : JDKTC500
แลกคะแนนรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 12%
เมื่อใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรฯ/เซลส์สลิป *เฉพาะชำระเต็มจำนวน*
ยอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป |
แลกคะแนนรับเครดิตเงินคืน |
1 - 4,999 บาท |
10% |
5,000 บาทขึ้นไป |
12% |
*เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการชำระเต็มจำนวน เท่ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรฯ/เซลส์สลิป*
ระยะเวลาโปรโมชั่น : 1 ต.ค. 67 – 28 ก.พ. 68
สนใจโปรโมชั่นดีๆ แบบนี้ กดสมัครบัตรเครดิต KTC ผ่านช่องทางอนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC