Human Resource Management and Development

การบริหารจัดการและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

เป้าหมายปี 2572
ระดับความพึงพอใจและความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กรเท่ากับร้อยละ 77


จำนวนชั่วโมงฝึกอบรมพนักงานต่อคนต่อปีเฉลี่ย 82 ชั่วโมง

ผู้หญิงดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงอย่างน้อยร้อยละ 50
เป้าหมายปี 2567
ระดับความพึงพอใจและความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กรเท่ากับร้อยละ 72

จำนวนชั่วโมงฝึกอบรมพนักงานต่อคนต่อปีเฉลี่ย 77 ชั่วโมง

ผู้หญิงดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงอย่างน้อยร้อยละ 50
ผลการดำเนินงาน 2567
ระดับความพึงพอใจและความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กรเท่ากับร้อยละ 75

จำนวนชั่วโมงฝึกอบรมพนักงานต่อคนต่อปีเฉลี่ย 81.12 ชั่วโมง

ร้อยละ 76.47 ของตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงดำรงตำแหน่งโดยผู้หญิง
โอกาสและความท้าทาย

บริษัทตระหนักดีว่าพนักงานคือรากฐานแห่งความสำเร็จขององค์กร เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนและผลักดันการเติบโตขององค์กร เคทีซีจึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะ ความรู้ และความเชี่ยวชาญของพนักงาน เพื่อให้พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วของธุรกิจ เทคโนโลยี และความต้องการของตลาด โดยถ้าหากบุคลากรไม่ได้รับการพัฒนาทักษะและความรู้ให้เท่าทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป อาจส่งผลให้บริษัทสูญเสียโอกาสทางธุรกิจ รวมถึงความสามารถในการแข่งขันด้วยเหตุนี้ บริษัทจึงมุ่งมั่นเสริมสร้างศักยภาพของบุคลากร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและสร้างความพร้อมให้พนักงานสามารถเติบโตในหน้าที่การงานได้อย่างเหมาะสม เสริมสร้างความมั่นใจและภาคภูมิใจในงานที่ทำ พร้อมขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้าร่วมกัน อีกทั้งบริษัทยังให้ความสำคัญกับการเคารพในความหลากหลายบนพื้นฐานของสิทธิมนุษยชน เพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานทุกคนได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมและมีคุณภาพชีวิตที่ดี การละเลยสิทธิของพนักงานหรือการจัดสวัสดิการอย่างไม่เหมาะสมอาจนำไปสู่ผลกระทบเชิงลบ เช่น ความผูกพันธ์องค์กรลดลง ประสิทธิภาพการทำงานลดลง อัตราการลาออกที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นเคทีซีมุ่งมั่นสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เปิดกว้าง ให้ความสำคัญกับความหลากหลาย พร้อมทั้งส่งเสริมวัฒนธรรมแห่งความเคารพซึ่งกันและกัน

ความสำเร็จที่สำคัญ
  • ผลระดับความพึงพอใจและความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กรอยู่ที่ร้อยละ 75
  • จำนวนชั่วโมงการฝึกอบรมพนักงานต่อคนต่อปีเฉลี่ย 81.12 ชั่วโมง
  • สัดส่วนผู้หญิงในผู้บริหารระดับสูงอยู่ที่ร้อยละ 76.47

บริษัทมีการบริหารทรัพยากรบุคคลอย่างมีประสิทธิภาพดังนี้

การบริหารทรัพยากรบุคคลอย่างมีประสิทธิภาพ การส่งเสริมความหลากหลายในการอยู่ร่วมกันและการมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียม
การบริหารทรัพยากรบุคคลอย่างมีประสิทธิภาพ การพัฒนาทรัพยากรบุคคล ความพึงพอใจและความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กร

การสรรหาพนักงานและการว่าจ้าง

บริษัทมีการวางแผนและบริหารจัดการอัตรากำลังคนเพื่อให้มีประสิทธิภาพและประโยชน์สูงสุด โดยกำหนดกลยุทธ์เพื่อดึงดูดผู้ที่มีความสามารถเข้าร่วมงานกับบริษัท โดยการประกาศรับสมัครงานของบริษัทในตำแหน่งต่าง ๆ จะอยู่บนหลักการเคารพสิทธิมนุษยชน เปิดโอกาสการจ้างงานอย่างเท่าเทียม และมีกระบวนการคัดเลือกอย่างโปร่งใส เป็นไปตามระเบียบทรัพยากรบุคคลและมาตรฐานการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการสรรหาพนักงานและการจ้างงานของบริษัท ซึ่งจะพิจารณาตามความจำเป็นและความเหมาะสมของงาน โดยพนักงานที่ได้รับการจ้างจะต้องมีคุณสมบัติ ประสบการณ์ และความสามารถเหมาะสมกับตำแหน่งงาน โดยไม่คำนึงถึงเรื่องที่มิใช่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงาน รวมถึงการพิจารณาอัตราค่าตอบแทนที่สอดคล้องกับคุณสมบัติผู้สมัครและอุตสาหกรรม บริษัทจะประกาศรับสมัครและสรรหาพนักงานทดแทนอัตราว่างจากภายในบริษัทก่อนเป็นหลัก หากพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่สามารถสรรหาบุคลากรภายในที่เหมาะสมขึ้นมาทดแทนได้ทันที หรือหากเป็นงานใหม่ที่ต้องการบุคลากรที่มีทักษะเฉพาะ และไม่สามารถสรรหาได้จากภายใน จะพิจารณารับบุคคลภายนอกตามความจำเป็นและเหมาะสมทางธุรกิจผ่านช่องทางและรูปแบบการสรรหาพนักงานที่หลากหลาย และสอดคล้องกับวิถีชีวิตที่มีการปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็วในยุคดิจิทัล เช่น การประชาสัมพันธ์ทางสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ได้แก่ Facebook, Line@, LinkedIn และเว็บไซต์ของบริษัท เป็นต้น

บริษัทพิจารณาการสรรหาและคัดเลือกผู้มีศักยภาพ รวมถึงพิจารณาอัตราค่าตอบแทนที่สอดคล้องกับคุณสมบัติผู้สมัคร และอุตสาหกรรมเพื่อเข้ามาปฏิบัติงานกับบริษัทให้ทันต่อความต้องการของสายงาน ทั้งนี้ การประกาศรับสมัครงานของบริษัทในตำแหน่งต่าง ๆ อยู่บนหลักการเคารพสิทธิมนุษยชน และเป็นไปตามระเบียบทรัพยากรบุคคล และคู่มือมาตรฐานการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการสรรหาพนักงาน และการว่าจ้างของบริษัท เปิดโอกาสการจ้างงานอย่างเท่าเทียม และมีกระบวนการคัดเลือกอย่างโปร่งใส ซึ่งจะพิจารณาตามความจำเป็นและความเหมาะสมของงาน โดยพนักงานที่จะได้รับการจ้างจะต้องมีคุณวุฒิ คุณสมบัติ ประสบการณ์ และความสามารถเหมาะสมกับตำแหน่งงาน ไม่คำนึงถึงถิ่นกำเนิด สีผิว เพศ เพศสภาพ เชื้อชาติ ศาสนา ความเชื่อ ความคิดเห็นทางการเมือง ฐานะ ชาติตระกูล หรืออื่นใดที่ไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงาน

การสรรหาบุคลากรภายนอกองค์กร
เท่ากับ 270 คน
คิดเป็นสัดส่วน 97.83%
การสรรหาบุคลากรภายในองค์กร
เท่ากับ 6 คน
คิดเป็นสัดส่วน 2.17%
รวมการสรรหาบุคคลกรทั้งหมด 276 คน คิดเป็นสัดส่วน 100.00%

การส่งเสริมความหลากหลายในการอยู่ร่วมกันและการมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียม

เคทีซีปฏิบัติต่อพนักงานทุกคนอย่างเป็นธรรม เคารพสิทธิมนุษยชน และห้ามมิให้มีการเลือกปฏิบัติหรือการล่วงละเมิดในทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นทางเพศ เพศสภาพ เชื้อชาติ สัญชาติ ศาสนา อายุ ความบกพร่องทางร่างกาย หรือสถานะของชนกลุ่มน้อย โดยถือปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับด้านแรงงานอย่างเคร่งครัด อีกทั้งยึดหลักสิทธิมนุษยชนที่กำหนดไว้ในคู่มือจรรยาบรรณธุรกิจเป็นแนวทางในการบริหารจัดการองค์กร เช่น การกำหนดค่าตอบแทนที่เท่าเทียม การสนับสนุนเสรีภาพในการสมาคม และสิทธิในการเจรจาต่อรองร่วมเป็นต้น เพื่อสนับสนุนความหลากหลายและการอยู่ร่วมกันอย่างเท่าเทียมในองค์กร ทั้งนี้ บริษัทได้เผยแพร่คู่มือจรรยาบรรณธุรกิจทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพื่อให้พนักงานสามารถศึกษาและปฏิบัติอย่างเคร่งครัด รวมถึงจัดให้มีช่องทางแจ้งเบาะแสสำหรับรายงานหากพบกรณีการเลือกปฏิบัติหรือการล่วงละเมิดที่ขัดต่อคู่มือจรรยาบรรณธุรกิจ โดยมีกลไกตรวจสอบข้อร้องเรียน กระบวนการพิจารณาที่ชัดเจน โปร่งใส และเป็นธรรม รวมถึงมีมาตรการทางวินัยที่เหมาะสม เพื่อให้พนักงานได้รับการดูแลอย่างเป็นธรรมและสามารถพัฒนาศักยภาพตนเองได้อย่างเท่าเทียม พร้อมทั้งเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มีส่วนได้เสียว่าบริษัทดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบ

องค์ประกอบพนักงานในปี 2567

องค์ประกอบพนักงานในปี 2567

นอกจากนี้เคทีซีมุ่งมั่นส่งเสริมการจ้างงานกลุ่มผู้ด้อยโอกาส เช่น ผู้พิการหรือผู้ทุพพลภาพ ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 (พ.ร.บ.) ซึ่ง พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าวเป็นการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนพิการ รวมถึงเพื่อคุ้มครองให้คนพิการมีงานทำหรือประกอบอาชีพโดยมิให้มีการเลือกปฏิบัติโดยมิเป็นธรรม เนื่องจากสาเหตุทางกายหรือสุขภาพซึ่งกําหนดให้หน่วยงานของรัฐ นายจ้าง หรือเจ้าของสถานประกอบการต้องรับคนพิการเข้าทำงานตามมาตรา 33 หรือส่งเงินเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการตามมาตรา 34 หรือเลือกดำเนินการให้สัมปทานและจัดจ้างเหมาช่วงงานตามมาตรา 35

ในปี 2567 บริษัทได้จ้างงานผู้พิการให้ทํางานนอกสถานที่ตามภูมิลําเนาของตน ซึ่งช่วยเปิดโอกาสให้ผู้พิการซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกลสามารถประกอบอาชีพเต็มเวลาและพึ่งพาตนเองได้

ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550

การจูงใจและรักษาบุคลากรที่มีความสามารถ

การจูงใจและรักษาผู้มีบุคลากรที่มีความสามารถถือเป็นรากฐานสำคัญของความสำเร็จที่ยั่งยืนของบริษัท กระบวนการสรรหา การฝึกอบรมและการช่วยให้พนักงานปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมองค์กร ต้องอาศัยการลงทุนทั้งด้านเวลาและทรัพยากรอย่างมีนัยสำคัญ ด้วยเหตุนี้บริษัทจึงให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการบุคลากรในเชิงกลยุทธ์ เพื่อสร้างความผูกพันในระยะยาวและส่งเสริมความมั่นคงในอาชีพของพนักงานภายในองค์กร

เคทีซีมุ่งมั่นที่จะปลูกฝังวัฒนธรรมแห่งความไว้วางใจภายในองค์กร (Trusted Organization) โดยขับเคลื่อนด้วยค่านิยมหลักขององค์กรที่รวมอยู่ใน DNA ของพนักงานทุกคน

การจูงใจและรักษาบุคลากรที่มีความสามารถ

ค่านิยมองค์กร

ค่านิยมองค์กร

การประเมินผลการปฏิบัติงาน

บริษัทกำหนดนโยบายส่งเสริมให้พนักงานที่มีศักยภาพสามารถเติบโตในตำแหน่งงานและเปิดโอกาสให้พนักงานสามารถโอนย้ายงานตามความถนัดและความสนใจ และมีระบบการบริหารผลการปฏิบัติงาน (Performance Management) ซึ่งเป็นกระบวนการที่ดำเนินการอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้ผลงานของพนักงานบรรลุเป้าหมายตามที่บริษัทได้ตั้งไว้ บริษัทวางแผนกำหนดตัววัดผลการดำเนินงาน เป้าหมาย และเกณฑ์ที่ใช้ในการประเมินผล รูปแบบการประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานทุกคนที่ชัดเจนตั้งแต่ต้นปีเพื่อความชัดเจน สอดคล้องกับทิศทางตามกลยุทธ์ และยุทธศาสตร์ของบริษัท โดยการประเมินผลการปฏิบัติงานในรูปแบบตัวชี้วัดผลงาน Key Performance Indicator (KPI) ซึ่งได้พิจารณาให้สอดคล้องกับการประเมินตามแนวทางของ Balance Scorecardทั้งในด้านการเงิน ด้านลูกค้า ด้านกระบวนการภายในมาใช้เป็นเครื่องมือกำหนดเป้าหมายการทำงานของพนักงาน โดยมีการตกลงร่วมกันระหว่างผู้บังคับบัญชากับผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งเป็นกระบวนการที่ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมระหว่างผู้บังคับบัญชากับผู้ปฏิบัติงานในการผลักดันให้พนักงานมีผลงานสูงขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งเน้นการสร้างความร่วมมือภายในองค์กร เพื่อสะท้อนการทำงานภายใต้เป้าหมายเดียวกันและยกระดับมาตรฐานการปฏิบัติงาน จึงได้กำหนดให้ผู้บริหารและพนักงานทุกระดับมีเกณฑ์การประเมินผลการปฏิบัติงานร่วมกัน (Group KPI) เช่น การปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ Market Conduct การปฏิบัติตามมาตรฐานด้านความปลอดภัยของสารสนเทศและข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งประเมินร่วมกับ KPI รายบุคคล โดยมีเกณฑ์ที่สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ครอบคลุมทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้บริษัทได้นำเอาส่วนหนึ่งจากผลการประเมินแบบ 360 องศา ที่มีตัวชี้วัดในด้าน Core Values และ Core Competenciesมาใช้ในการประเมินร่วมกับ KPI และมีการนำผลการประเมินของพนักงานทั้งบริษัท มาจัดอันดับเปรียบเทียบตามรูปแบบBell Curve ทั้งนี้มีการเชื่อมโยงผลที่ได้จากการประเมินผลการปฏิบัติงานไปใช้ในการพิจารณาผลตอบแทนให้แก่พนักงานทั่วทั้งองค์กร เพื่อพิจารณากำหนดการปรับเงินเดือน ค่าตอบแทนพิเศษ รวมถึงการพิจารณาเลื่อนระดับที่ชัดเจน และมีการติดตามผลการดำเนินการตามแผนการปฏิบัติงานที่กำหนดไว้เป็นประจำ เพื่อมุ่งเน้นประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องและเป็นการสร้างแรงจูงใจให้พนักงานที่มีผลการปฏิบัติงานดี มีความมุ่งมั่นในการทำงาน

ในปี 2567 พนักงาน ร้อยละ 100 ทำการประเมินผลการปฏิบัติงาน

การจัดทำแผนผู้สืบทอดตำแหน่ง

บริษัทให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรและการวางแผนสืบทอดตำแหน่งสำคัญในองค์กร (Succession Plan) เพื่อให้มั่นใจว่า การดำเนินธุรกิจจะเป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพในระยะยาว บริษัทได้มีการเตรียมความพร้อมสำหรับ 2 ส่วนด้วยกัน คือ ผู้ที่จะมาทดแทนหรือดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง (Key Position) และตำแหน่งงานสำคัญที่มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจขององค์กร (Critical Position) ในการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงและลดความเสี่ยงจากการสูญเสียบุคลากรสำคัญ รวมถึง เพื่อสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรให้พร้อมสำหรับการดำรงตำแหน่งสำคัญในอนาคต โดยผู้บริหารระดับสูงพิจารณาคัดเลือก ผู้สืบทอดตำแหน่ง โดยใช้เกณฑ์การประเมินศักยภาพ (Potential) และความพร้อม (Readiness) ของพนักงาน รวมทั้งพิจารณา จากผลงานในอดีต ทักษะการเป็นผู้นำ และความสามารถในการปรับตัว จากนั้นมีการจัดทำแผนพัฒนา (Individual Development Plan) สำหรับผู้ที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้สืบทอด (Successor) โดยเน้นการพัฒนาทักษะที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งเป้าหมาย โดยแผนพัฒนา ประกอบด้วย การเรียนรู้จากการงานจริง (On The Job Training), การมอบหมายงานพิเศษ (Special Assignments) และการให้คำปรึกษา แนะนำและให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ (Coaching & Feedback)

การจัดทำแผนผู้สืบทอดตำแหน่งสำหรับประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

บริษัทมีการจัดทำแผนการสืบทอดตำแหน่งสำหรับประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โดยมอบหมายให้คณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทนจัดทำแผนสืบทอดตำแหน่งผู้บริหาร เพื่อเตรียมความพร้อมให้มีผู้สืบทอดตำแหน่งในกรณีที่ผู้บริหาร ในตำแหน่งนั้น ๆ เกษียณอายุ หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ เพื่อให้การบริหารงานของบริษัทสามารถดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่องโดยคณะกรรมการบริษัทจะพิจารณาหลักเกณฑ์การสรรหาประธานเจ้าหน้าที่บริหารเพื่อให้ คณะกรรมการ สรรหาและกำหนดค่าตอบแทนใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการสรรหาประธานเจ้าหน้าที่บริหารกรณี ตำแหน่งว่างลง ก่อนเสนอ คณะกรรมการบริษัทพิจารณาแต่งตั้ง ซึ่งบุคคลดังกล่าวจะต้องเป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสม มีความรู้ ความสามารถและมี ประสบการณ์ด้านการบริหารธุรกิจบัตรเครดิต หรือด้านการบริหารการเงินหรือการธนาคาร หรือสถาบันการเงิน หรือธุรกิจอื่น ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจบัตรเครดิตอีกทั้งเป็นบุคคลที่มีวิสัยทัศน์และแนวคิด ที่ครอบคลุมและเหมาะสมในการบริหารกิจการ เป็นต้น

หมายเหตุ:
ผู้บริหาร หมายความว่า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้ดำรงตำแหน่งระดับบริหารสี่รายแรกนับต่อจาก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลงมา ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งเทียบเท่ากับผู้ดำรงตำแหน่งระดับบริหารรายที่สี่ทุกราย(1) และให้หมายความรวมถึงผู้ดำรงตำแหน่งระดับผู้บริหารในสายงาน บัญชีหรือการเงินที่เป็นระดับผู้จัดการฝ่ายขึ้นไปหรือเทียบเท่า
(1) ผู้บริหารทุกรายที่มีสายการบังคับบัญชาตรงต่อประธานเจ้าหน้าที่บริหารตามโครงสร้างของบริษัท

การบริหารค่าตอบแทนของพนักงาน

บริษัทดำเนินการตามนโยบายการบริหารค่าตอบแทน โดยมุ่งเน้นการจ่ายผลตอบแทนแก่พนักงานอย่างเป็นธรรมและเสมอภาคโดยพิจารณาปัจจัยสำคัญต่าง ๆ เช่น ประสบการณ์ ความสามารถ ความเสมอภาค และการไม่เลือกปฏิบัติ เพื่อให้สอดคล้องกับผลการปฏิบัติงานและความสามารถในการแข่งขันในตลาดแรงงาน ทั้งนี้ การกำกับดูแลนโยบายดังกล่าว รวมถึงการทบทวนค่าตอบแทนและผลประโยชน์ของพนักงานอย่างสม่ำเสมออยู่ภายใต้การจัดการของสายงานทรัพยากรบุคคล ทั้งนี้ผลประโยชน์ที่บริษัทมอบให้แก่พนักงานครอบคลุมถึงกองทุนเงินทดแทน กองทุนประกันสังคม และโครงการผลประโยชน์ของพนักงานหลังออกจากงาน ซึ่งทั้งหมดเป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน นอกจากนี้บริษัทยังดำเนินการสำรวจเกี่ยวกับค่าตอบแทนและสวัสดิการประจำปี ร่วมกับบริษัทที่ปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคลที่มีชื่อเสียง เพื่อปรับปรุงโครงสร้างค่าตอบแทนของบริษัทให้มีความเหมาะสมและสามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างต่อเนื่อง

อีกทั้ง บริษัทเสนอแผนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ยืดหยุ่น โดยเปิดโอกาสให้พนักงานเลือกอัตราการออมที่ต้องการ และบริษัทจะสมทบเงินในอัตราที่สอดคล้องกันตามนโยบายที่กำหนด โดยสัดส่วนเงินสมทบของบริษัทจะเพิ่มขึ้นตามระยะเวลาการทำงานของพนักงาน เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินและสนับสนุนการออมเพื่อการเกษียณอายุของพนักงาน

โครงการสวัสดิการสนับสนุนพนักงาน

นอกเหนือจากการพัฒนาทักษะและความสามารถของพนักงานแล้ว เคทีซียังให้ความสำคัญกับการดูแลความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานและการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เอื้อต่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทได้ดำเนินโครงการต่าง ๆ ที่มอบสิทธิประโยชน์อย่างครอบคลุม ซึ่งรวมถึงโครงการต่อไปนี้

สภาพแวดล้อมการทำงาน

  • บริษัทมีนโยบายชั่วโมงการทำงานที่ยืดหยุ่นให้พนักงานสามารถเลือกเวลาการเข้างานและเลิกงานได้ภายใต้กรอบเวลาที่บริษัทกำหนดเพื่อเพิ่มความสะดวกในการเดินทางและเลี่ยงความแออัดจากปัญหาการจราจรในชั่วโมงเร่งด่วน
  • บริษัทได้ออกแบบและจัดสรรพื้นที่พักผ่อนและพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อให้พนักงานสามารถปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมการทำงานได้อย่างอิสระ โดยไม่จำเป็นต้องนั่งประจำที่โต๊ะ นอกจากนี้ในกรณีฉุกเฉินบริษัทได้จัดเตรียมแนวทางการทำงานจากที่บ้าน พร้อมทั้งมาตรการเพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูลสำหรับการปฏิบัติงานจากระยะไกล เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินงานยังคงมีประสิทธิภาพและเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย

สวัสดิการกรณีคลอดบุตร
วันลาเพื่อคลอดบุตร
วันลาเพื่อคลอดบุตร

การให้พนักงานหญิงที่ตั้งครรภ์มีสิทธิ์ลาเพื่อคลอดบุตรได้ไม่เกิน 98 วัน รวมถึงวันลาเพื่อเตรียมก่อนคลอดบุตรด้วย โดยพนักงานจะได้รับค่าจ้างตลอดระยะเวลาที่ลาแต่ไม่เกิน 60 วัน โดยนับรวมวันหยุด ซึ่งมากกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ที่ 45 วัน

การเปลี่ยนงานเพื่อหญิงตั้งครรภ์
การเปลี่ยนงานเพื่อหญิงตั้งครรภ์

การให้พนักงานซึ่งเป็นหญิงตั้งครรภ์ที่มีใบรับรองแพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่งรับรองว่าไม่อาจทำงานในหน้าที่เดิมต่อไปได้ พนักงานนั้นมีสิทธิ์ขอให้บริษัทเปลี่ยนงานในหน้าที่เดิมเป็นการชั่วคราวได้ทั้งก่อนหรือหลังคลอด โดยบริษัทจะพิจารณาเปลี่ยนงานที่เหมาะสมให้แก่พนักงานหญิงนั้นตามสมควร

การจัดห้องปั๊มนมบุตร
การจัดห้องปั๊มนมบุตร

การจัดสรรพื้นที่ห้องพยาบาลให้สามารถใช้ประโยชน์เพื่อเป็นห้องสำหรับปั๊มนมบุตร โดยเป็นการดำเนินการเพื่อส่งเสริมให้ทารกได้กินนมแม่ และเพื่อให้เกิดสุขภาวะที่ดีของแม่และเด็ก

การให้เงินขวัญถุง
การให้เงินขวัญถุง

การให้เงินขวัญถุงสำหรับพนักงานชายที่ภรรยาคลอดบุตรเป็นจำนวนเงิน 2,000 บาท ต่อบุตร 1 คน สูงสุด 5 คน

สวัสดิการครอบครัว

  • สตรีที่ตั้งครรภ์มีสิทธิลาเพื่อคลอดบุตรได้สูงสุด 98 วัน ซึ่งรวมถึงวันลาเพื่อเตรียมก่อนคลอดบุตรด้วย โดยพนักงานจะได้รับค่าจ้างตลอดระยะเวลาที่ลาแต่ไม่เกิน 60 วัน โดยนับรวมวันหยุดนักขัตฤกษ์ ซึ่งมากกว่าที่กฎหมายแรงงานในประเทศไทยกำหนดไว้ที่ 45 วัน
  • พนักงานหญิงตั้งครรภ์ที่ไม่อาจทำงานในหน้าที่เดิมต่อไปได้ มีสิทธิขอให้บริษัทเปลี่ยนงานในหน้าที่เดิมเป็นการชั่วคราวได้ทั้งก่อนหรือหลังคลอด โดยบริษัทจะพิจารณาเปลี่ยนงานที่เหมาะสมให้แก่พนักงานหญิงนั้นตามสมควร
  • มีการจัดสรรพื้นที่ห้องพยาบาลเป็นห้องสำหรับปั๊มนมบุตร
  • การให้เงินขวัญถุงสำหรับพนักงานคลอดบุตรเป็นจำนวนเงิน 2,000 บาท ต่อบุตร 1 คน สูงสุด 5 คน
  • จัดให้มีสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลให้แก่พนักงาน ครอบคลุมไปถึงครอบครัวของพนักงาน ซึ่งกำหนดเป็นภาคสมัครใจ โดยบริษัทจะช่วยออกค่าเบี้ยประกันสุขภาพจำนวนครึ่งหนึ่งสำหรับครอบครัวของพนักงานประจำ รวมถึงสามารถรับวัคซีนป้องกันโรคต่าง ๆ ในราคาพิเศษ

การบริหารจัดการแรงงาน 

การบริหารจัดการชั่วโมงการทำงานและการทำงานล่วงเวลา

บริษัทให้ความสำคัญกับการส่งเสริมสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน (Work-Life Balance) โดยมีการบริหารจัดการชั่วโมงการทำงานอย่างเคร่งครัด เพื่อลดการทำงานล่วงเวลาหรือการทำงานที่มากเกินควร โดยกำหนดชั่วโมงการทำงานอย่างชัดเจนตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน โดยไม่เกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน (รวมเวลาพัก 1 ชั่วโมง) และไม่เกิน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ การทำงานล่วงเวลาจะต้องได้รับการอนุมัติล่วงหน้าผ่านระบบ SAP และต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน ซึ่งกำหนดไว้ไม่เกิน 36 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ การทำงานในวันหยุดสุดสัปดาห์หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์จะต้องได้รับอนุมัติแยกต่างหาก และมีการจ่ายค่าตอบแทนตามอัตราที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายในการทำงานล่วงเวลาทั้งหมดจะถูกตรวจสอบและควบคุมในทุกเดือนโดยฝ่ายการเงินและฝ่ายทรัพยากรบุคคล

สวัสดิการและสิทธิประโยชน์ของพนักงาน

แนวทางดังกล่าวสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานอย่างครบถ้วนในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการจัดสวัสดิการ การจ้างงาน หรือการเลิกจ้าง โดยบริษัทจัดให้มีสิทธิประโยชน์พื้นฐานตามที่กฎหมายกำหนด เช่น การสมทบประกันสังคม วันลาพักผ่อนประจำปี (อย่างน้อย 12 วัน หลังจากทำงานครบ 1 ปี) วันหยุดตามประเพณี และการลาป่วย ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน และข้อกำหนดของหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง (เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย) ทั้งนี้ ในหลายกรณี บริษัทจัดให้มีสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมที่เกินกว่าข้อกำหนดของกฎหมาย

นโยบายและกระบวนการเลิกจ้างครั้งสำคัญ

ในกรณีมีความจำเป็นต้องดำเนินการเลิกจ้างครั้งสำคัญ บริษัทจะดำเนินการด้วยความรอบคอบและพิจารณาอย่างถี่ถ้วน โดยมีการวางแผนล่วงหน้า พร้อมจัดเตรียมข้อมูลประกอบการตัดสินใจอย่างครบถ้วน เช่น การประเมินผลกระทบทั้งในแง่บวกและลบ เพื่อเสนอต่อประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือคณะกรรมการบริษัทพิจารณา ทั้งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบด้านภาพลักษณ์ ชื่อเสียง และเสถียรภาพทางการเงินขององค์กร บริษัทให้ความสำคัญกับการเลิกจ้างที่เป็นธรรม โปร่งใส และสอดคล้องกับกฎหมายแรงงานไทยและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยกระบวนการเลิกจ้างอ้างอิงจากหลักเกณฑ์ที่เป็นกลาง ให้ความเคารพในสิทธิของพนักงาน และมีขั้นตอนตรวจสอบและบันทึกอย่างชัดเจนในทุกกรณี บริษัทจะดำเนินการตามกระบวนการเอกสารอย่างถูกต้อง เช่น การออกหนังสือเตือนกรณีมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม (ยกเว้นกรณีร้ายแรง) และการจัดทำแผนพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานในกรณีที่เหมาะสม ทั้งนี้ การเลิกจ้างทุกรายจะต้องได้รับการตรวจสอบและอนุมัติจากฝ่ายทรัพยากรบุคคลและฝ่ายกฎหมาย เพื่อให้มั่นใจว่ามีความเป็นธรรม สม่ำเสมอ และเป็นไปตามข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากเป็นการเลิกจ้างตามระเบียบข้อบังคับของบริษัท จะต้องดำเนินการให้สอดคล้องตามระเบียบที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด

การปฏิบัติตามกฎหมายและการจัดเก็บเอกสาร

บริษัทมีการจัดเก็บเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงานอย่างครบถ้วนตามกฎหมายแรงงานไทย พร้อมทั้งมีการทบทวนนโยบายและแนวปฏิบัติเป็นประจำ เพื่อให้มั่นใจว่าปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมายและสนับสนุนสวัสดิภาพของพนักงานอย่างต่อเนื่อง

เสรีภาพในการสมาคมหรือแสดงความคิดเห็น

เคทีซีจัดให้มีคณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบการเพื่อเป็นกลไกในการให้อํานาจการเจรจาต่อรองกับพนักงานเกี่ยวกับสวัสดิการและการปฏิบัติงาน ซึ่งคณะกรรมการทำหน้าที่ร่วมหารือกับนายจ้างในด้านสวัสดิการของพนักงาน โดยมีหน้าที่และความรับผิดชอบดังนี้

คณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบกิจการ ประกอบด้วย
คณะกรรมการฝ่ายลูกจ้าง
คิดเป็นสัดส่วน 70 %
คณะกรรมการฝ่ายนายจ้าง
คิดเป็นสัดส่วน 30 %
ทำหน้าที่ดังนี้
  • เป็นตัวแทนของพนักงานในการพิจารณสวัสดิการและสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อพนักงานทุกคน เพื่อให้พนักงานได้รับสิทธิและสวัสดิการอย่างเป็นธรรม รวมถึงเสริมสร้างขวัญและกำลังใจในการสร้างความผูกพันกับองค์กร
  • ให้คําปรึกษาหารือ และเสนอแนะความเห็นแก่นายจ้างในการจัดสวัสดิการสำหรับลูกจ้าง
  • ตรวจตรา ควบคุม ดูแล การจัดสวัสดิการที่นายจ้างมอบให้แก่ลูกจ้าง
  • เสนอข้อคิดเห็น และแนวทางในการจัดสวัสดิการที่เป็นประโยชน์สำหรับลูกจ้างต่อคณะกรรมการสวัสดิการแรงงาน

คณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบการ ประกอบด้วยสมาชิกที่ได้รับการคัดเลือกจากกลุ่มอาสาสมัคร ซึ่งมีจำนวนสมาชิกทั้งหมด 14 คน โดยมีพนักงานร้อยละ 100 ได้รับการคุ้มครองภายใต้การดูแลของคณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบการ เพื่อให้สามารถต่อรองด้านแรงงานและสวัสดิการกับบริษัทได้อย่างเป็นธรรม

โอกาสเรียนรู้ผ่านการฝึกงาน

บริษัทเห็นความสำคัญของกลุ่มเยาวชนที่จะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศและสังคมในอนาคต จึงมุ่งสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพนักศึกษา ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี โดยได้จัดทำโครงการ KTC COOP ซึ่งเป็นโครงการต่อยอดจาก โครงการ KTC LEARN&EARNที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาโครงการสหกิจศึกษาของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เข้ามาฝึกงานภายในบริษัท เพื่อเรียนรู้แนวคิด วิธีปฏิบัติการทำงาน และพัฒนาทักษะด้านต่าง ๆ นำไปปรับใช้เมื่อก้าวสู่โลกแห่งการทำงาน โดยมีพนักงานที่ได้รับมอบหมายเป็นพี่เลี้ยง (Mentor) ทำหน้าที่ให้คำแนะนำ ถ่ายทอดทักษะการทำงาน และติดตามผลการปฏิบัติงานของนักศึกษาตลอดเวลาการฝึกงานระยะเวลาหนึ่งภาคการศึกษา อีกทั้งมีโอกาสเข้าร่วมหลักสูตรการเรียนรู้ต่าง ๆ ของบริษัท เช่น การแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับธุรกิจบัตรเครดิตสินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อรถยนต์ รวมถึงหลักสูตรพัฒนาตนเอง อาทิ Growth Mindset และความรู้ด้านการเงิน เป็นต้น โครงการดังกล่าวมีบทบาทสำคัญที่ช่วยพัฒนาศักยภาพของนักศึกษาให้เป็นบุคลากรที่มีคุณภาพสู่ตลาดแรงงานและเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศชาติ อีกทั้งยังเป็นกลไกสำคัญในการดึงดูดและสรรหาบุคลากรที่มีศักยภาพเข้าสู่องค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ

โอกาสเรียนรู้ผ่านการฝึกงาน

นอกจากนี้ เคทีซีจัดให้มีโครงการ Management Trainee (MT) ซึ่งเป็นโปรแกรมสร้างผู้บริหารรุ่นใหม่ที่มีการออกแบบหลักสูตรเพื่อเสริมสร้างทักษะและประสบการณ์เชิงลึกผ่านการเรียนรู้เชิงปฏิบัติและการโค้ชจากผู้บริหารระดับสูง เพื่อเตรียมความพร้อมสู่บทบาทผู้นำองค์กรในอนาคต

การพัฒนาทรัพยากรบุคคล

บริษัทมุ่งมั่นพัฒนาทักษะและความรู้ของพนักงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับบทบาทความรับผิดชอบในงานและทิศทางการดำเนินธุรกิจ โดยได้จัดทำแผนแม่บทการเรียนรู้และการพัฒนาประจำปีที่เน้นการยกระดับทักษะการเรียนรู้ทักษะใหม่ และการเสริมสร้างขีดความสามารถในด้านต่าง ๆ พร้อมทั้งส่งเสริมวัฒนธรรมการเรียนรู้อย่างเข้มแข็งทั่วทั้งองค์กร

การพัฒนาทรัพยากรบุคคล

นอกจากนี้ บริษัทยังเปิดให้บริการ KTC e-Library ห้องสมุดออนไลน์ฟรี รวมถึงมีบริการให้พนักงานยืมหนังสือที่น่าสนใจหรือได้รับการแนะนำจากผู้บริหาร เพื่อสนับสนุนการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เคทีซีมุ่งส่งเสริมให้พนักงานมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลายและเหมาะสมกับความต้องการส่วนบุคคล โดยนำแนวทางการเรียนรู้แบบผสมผสาน 70:20:10 มาใช้ โดยแบ่งเป็นหมวดหมู่ดังนี้

การพัฒนาทรัพยากรบุคคล การเรียนรู้

ในปี 2567 บริษัทได้จัดอบรมในหัวข้อต่าง ๆ อาทิ

หลักสูตร Six Sigma Green Belt
หลักสูตร Power BI
หลักสูตร Value Based-Marketing
RPA Horizon : Unlocking Efficiency
ชื่อหลักสูตร: Multiplier Leadership Program

รายละเอียดหลักสูตร:
หลักสูตรนี้ออกแบบมาเพื่อพัฒนาทักษะภาวะผู้นำของผู้บริหาร หัวหน้างาน หรือผู้ที่มีบทบาทในการชี้นำทีม ให้สามารถเป็น “ผู้นำที่ส่งเสริมศักยภาพของผู้อื่น (Multiplier)” ในขณะที่หลีกเลี่ยงพฤติกรรมของ “ผู้นำที่ลดทอนความสามารถของทีม (Diminisher)” โดยเน้นการเรียนรู้หลักการและการฝึกปฏิบัติ พร้อมนำเครื่องมือที่ได้จากการอบรมไปใช้จริงเพื่อพัฒนาศักยภาพของทีมอย่างต่อเนื่อง

ประโยชน์ของการฝึกอบรม

  • เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจในบทบาทและพฤติกรรมของตนเองในฐานะผู้นำ พร้อมปรับแนวทางการนำทีมให้สามารถส่งเสริมศักยภาพของทีมได้อย่างเต็มที่ โดยมุ่งเน้นการเป็นผู้นำที่เปิดโอกาสและสนับสนุนการเติบโตของสมาชิกในทีม
  • เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารคน ผ่านการใช้เครื่องมือและเทคนิคที่สามารถนำไปใช้ได้จริง พร้อมสร้างทีมที่มีแรงจูงใจ ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
ชื่อหลักสูตร: Leader as a COACH

รายละเอียดหลักสูตร:
Leader as a COACH คือหลักสูตรที่ออกแบบมาเพื่อพัฒนาทักษะความเป็น “ผู้นำแบบโค้ช” โดยเน้นการเปลี่ยนบทบาทจาก “ผู้สั่งการ” สู่ “ผู้ส่งเสริมศักยภาพ” ผ่านกระบวนการฟังอย่างตั้งใจ การตั้งคำถามอย่างมีเป้าหมาย และการสนทนาอย่างสร้างสรรค์ เพื่อเปิดพื้นที่ให้ทีมได้คิด ค้นหาคำตอบ และเติบโตด้วยตนเอง หลักสูตรนี้มุ่งเสริมสร้างแนวคิดของการเป็นผู้นำที่เน้นการสนับสนุนมากกว่าการควบคุม พร้อมปลูกฝังวัฒนธรรมการเรียนรู้ร่วมกันภายในทีมและองค์กร เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนทั้งในระดับบุคคลและทีม

ประโยชน์ของการฝึกอบรม

  • เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจหลักการและแนวทางเป็นผู้นำที่ส่งเสริมศักยภาพอย่างเป็นระบบ พร้อมสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการบริหารและพัฒนาทีมได้จริง
  • เพื่อส่งเสริมการสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้และการพัฒนาตนเองภายในทีมอย่างต่อเนื่อง ลดการพึ่งพาการตัดสินใจจากหัวหน้า โดยกระตุ้นให้ทีมมีความคิดเป็นของตนเอง กล้าตัดสินใจ และรับผิดชอบร่วมกัน
  • เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์และความไว้วางใจระหว่างผู้นำและทีมงาน ซึ่งเป็นพื้นฐานของการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ

ความพึงพอใจและความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กร 

บริษัทให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความผูกพันของพนักงานต่อองค์กร โดยดำเนินการสำรวจเป็นประจำปีทุกปี เพื่อประเมินระดับความพึงพอใจและความมุ่งมั่นของพนักงานที่มีต่อองค์กร โดยพนักงานทุกคนให้ความเห็นผ่านแบบสำรวจซึ่งประกอบด้วยคำถาม 3 ส่วน จำนวน 80 ข้อ ให้พนักงานได้จัดอันดับคะแนนความพึงพอใจแบ่งเป็น 6 ระดับ

ประเมินความพึงพอใจของพนักงานที่มีต่อองค์กรผ่าน 5 ตัวขับเคลื่อนหลัก

  • ความเป็นผู้นำที่สร้างความผูกพัน
  • การให้ความสำคัญกับพนักงานที่มีความสามารถ
  • ความคล่องตัว
  • ปัจจัยพื้นฐาน
  • งาน

ผลการสํารวจความพึงพอใจของพนักงานประจําปีจะเผยแพร่ให้พนักงานทุกคนทราบทางอีเมล

ผลการสํารวจความพึงพอใจของพนักงานประจําปีจะเผยแพร่ให้พนักงานทุกคนทราบทางอีเมล