ญี่ปุ่น เป็นประเทศที่เที่ยวได้ทุกฤดู ในแต่ละฤดูก็มีเอกลักษณ์และกิจกรรมต่างกันไป ซึ่งหนึ่งในฤดูที่เป็นไฮไลต์ และได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวก็คือ “ฤดูร้อน” เพราะมีธรรมชาติสวยงาม เป็นช่วงที่ดอกไม้บานสะพรั่ง มีท้องฟ้าสดใส และมีเทศกาลพิเศษมากมาย ที่ได้ถูกจัดขึ้นเฉพาะช่วงนี้เท่านั้น หากคุณกำลังวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นช่วงหน้าร้อน ลองเลือกดูจาก 30 ที่เที่ยวกิจกรรมญี่ปุ่นหน้าร้อนในบทความนี้ พร้อมโปรโมชั่นเที่ยวญี่ปุ่นสำหรับสมาชิกบัตรเครดิต KTC สุดพิเศษ ที่จะทำให้คุณแพลนเที่ยวญี่ปุ่นได้ง่ายขึ้น
เที่ยวญี่ปุ่น 2025 เดือนไหนดี
หากคุณต้องการไปเที่ยวญี่ปุ่น ควรตั้งจุดประสงค์ และแพลนทริปจากที่เที่ยว หรือกิจกรรมที่ต้องการ เพราะญี่ปุ่นสามารถเที่ยวได้ทุกฤดู แต่จะมีบางช่วงเท่านั้นที่เป็นหน้ามรสุม คือช่วงเดือนกรกฎาคม ไปจนถึงตุลาคม โดยสามารถดูรายละเอียดฤดู และกิจกรรมต่างๆ ของญี่ปุ่นได้ ดังนี้
- ฤดูหนาว เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ไปจนถึงต้นมีนาคม
- ฤดูชมซากุระ เริ่มตั้งแต่ปลายมีนาคม ไปจนถึงต้นเมษายน
- ฤดู Golden Week เริ่มตั้งแต่ปลายเมษายน ไปจนถึงต้นพฤษภาคม
- ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี เริ่มตั้งแต่ปลายตุลาคม ไปจนถึงกลางพฤศจิกายน
โปรโมชั่นบริการรถ Limousine กับบัตรเครดิต KTC MASTERCARD
เดินทางสะดวกมากกว่าด้วยโปรโมชั่น บริการรถ Limousine กับบัตรเครดิต KTC MASTERCARD สามารถเลือกรับหรือส่งที่สนามบินได้ 1 เที่ยว เมื่อมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต KTC MASTERCARD 50,000 บาทขึ้นไป/เซลส์สลิป ที่ KTC WORLD
- ระยะเวลาจอง : 20 ก.พ. 68 - 31 มี.ค. 68
- ระยะเดินทาง : 22 ก.พ. 68 - 31 ธ.ค. 68
หน้าร้อนญี่ปุ่น เดือนไหน ?
ฤดูร้อนของญี่ปุ่น เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน - สิงหาคม แต่บางปีอากาศอาจจะร้อนไปจนถึงตุลาคม โดยฤดูร้อนของญี่ปุ่นจะมีฝนตกร่วม และช่วงฤดูมรสุมในช่วงเดือนกรกฎาคม ทำให้อากาศญี่ปุ่นเดือนกรกฎาคมทั้งร้อน และแปรปรวน นักท่องเที่ยวต้องดูพยากรณ์อากาศก่อนเดินทาง เพราะในแต่ละปี ฤดูร้อนจะมีความแตกต่างกันไป
- มิถุนายน มีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 25-35 องศา
- กรกฎาคม มีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 28-35 องศา
- สิงหาคม มีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 29-35 องศา
เทศกาลและกิจกรรมญี่ปุ่นที่ไม่ควรพลาดในฤดูร้อน
จุดเด่นของเทศกาลฤดูร้อนในญี่ปุ่น คือประเพณีพื้นบ้าน และเทศกาลที่เป็นความเชื่อของคนท้องถิ่น เพราะชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าช่วงฤดูร้อน หรือ ช่วงโอบง เป็นช่วงเวลาที่วิญญาณบรรพบุรุษจะกลับมาเยี่ยมโลกมนุษย์ ทำให้เทศกาลส่วนใหญ่ถูกจัดขึ้นเพื่อเป็นการแสดงความเคารพ และเป็นเกียรติให้กับวิญญาณที่กลับมาช่วงฤดูร้อน โดยมีเทศกาลที่น่าสนใจ ดังนี้
- เทศกาลรำโอบง (Obon Festival) เป็นเทศกาลที่จะถูกจัดขึ้นทั่วญี่ปุ่น เป็นการร่ายรำโอบง ส่วนเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องเทศกาลรำโอบงคือ จังหวัดโทคุชิมะ โดยจะมีการปิดถนน และมีขบวนแห่ การรำเกิดขึ้น พร้อมกับมีการเล่นเครื่องดนตรีพื้นเมือง เทศกาลนี้มีชื่อว่า “เทศกาลอาวะโอโดริ”
- เทศกาลกิอง (Gion Festival) เทศกาลฤดูร้อนอันยิ่งใหญ่แห่งเมืองเกียวโต หากใครแพลนจะไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงฤดูร้อน แนะนำแพลนไปเที่ยวเกียวโต แล้วคุณจะสัมผัสได้ถึงประเพณี และวิถีชีวิต ด้วยขบวนแห่รถลากยามาโฮโกะ อันเป็นสัญลักษณ์ฤดูร้อน และการปิดถนนคนเดิน มีของกินของขายมากมาย
- เทศกาลทานาบาตะ (Tanabata) หรือเทศกาลแห่งดวงดาว เป็นเทศกาลชื่อดังในเดือนกรกฎาคมของญี่ปุ่น โดยคุณสามารถเขียนคำอธิษฐานลงบนกระดาษ และนำไปแขวนไว้กับกิ่งไผ่เพื่อขอพรจากดวงดาว ซึ่งเทศกาลนี้จะถูกจัดขึ้นทั่วญี่ปุ่น แต่เมืองที่ดัง และเป็นเจ้าภาพเทศกาลนี้คือเมืองเซนได
- เทศกาลชมดอกไม้ไฟ (Firework Festival) เทศกาลฤดูร้อนที่โด่งดังของญี่ปุ่น ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมากมายเดินทางไปชมดอกไม้ไฟที่ถูกจัดขึ้นทั่วญี่ปุ่น แนะนำให้ลองเช็คปฏิทินงานอีเว้นท์และจองตั๋วล่วงหน้า เพราะบางเทศกาลจำกัดผู้เข้าชม
- เท็นจินมัตสึริ (Tenjin Matsuri) จัดขึ้นที่โอซาก้า ซึ่งเป็นเทศกาลหน้าร้อนที่มีการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ ถูกจัดขึ้นทุกเดือนกรกฎาคมของทุกปี โดยเทศกาลนี้ถูกจัดขึ้นเพื่อเป็นการสักการะเทพเท็นจิน ไฮไลต์คือมีทั้งขบวนแห่ทางบก และขบวนแห่ทางน้ำ
1.สวนอุเอโนะ (Ueno Park)
ที่เที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อนที่มีเสน่ห์ และสวยงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส แนะนำให้มาเดินเล่นที่สวนอุเอโนะ ซึ่งเป็นที่เที่ยวใจกลางเมืองที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ แต่สวนอุเอโนะไม่ได้มีไฮไลต์แค่ช่วงซากุระบาน แต่สามารถมาเที่ยวชมความงามของธรรมชาติได้ทั้งปี รอบๆ ยังมีสวนสัตว์ พิพิธภัณฑ์ และร้านอาหารมากมาย
- ช่วงเวลาที่ควรไป : ตลอดทั้งปี
- เวลาทำการ : 05.00 - 23.00 น.
- ที่อยู่ : Uenokoen, Taito City, Tokyo 110-0007, Japan
- ค่าเข้าสถานที่ : เข้าชมฟรี
- วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟมาลงที่สถานี Ueno จากนั้นให้ออกทางออก Park Exit จากนั้นเดินข้ามไปยังสวนอุเอโนะ
2.เทศกาลอาโอโมริ เนบุตะ (Aomori Nebuta)
ถ้าเอ่ยถึงเทศกาลที่มีชื่อเสียงของฤดูร้อน อยากให้ลองเดินทางมาเที่ยวที่อาโอโมริ เพราะเทศกาลโนบุตะนี้จะถูกจัดขึ้นนาน 6 วัน ตั้งแต่วันที่ 2 - 7 สิงหาคม ของทุกปี เป็นเทศกาลที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าร่วมได้ โดยสามารถเข้าร่วมขบวนแห่ และเพลิดเพลินไปกับความสวยงามของโคมโนบุตะ
- ช่วงเวลาที่ควรไป : 2 - 7 สิงหาคม
- เวลาทำการ : 24 ชั่วโมง
- ที่อยู่ : Aomori, Japan
- ค่าเข้าสถานที่ : เข้าชมฟรี
- วิธีเดินทาง : ซื้อตั๋วเครื่องบินภายในประเทศไปลงที่อาโอโมริ หรือนั่งเครื่องบินไปลงฮอกไกโด และนั่งรถไฟมาประมาณ 5 ชั่วโมง หรือสามารถเดินทางจากโตเกียวโดยนั่งรถไฟชินคันเซ็นไปลงอาโอโมริ
โปรโมชั่น บัตรรถไฟ JR PASS ที่ KTC WORLD กับบัตรเครดิต KTC
สำหรับคนที่ต้องการเดินทางเที่ยวข้ามภูมิภาค หรือแพลนเที่ยวหลายเมือง ให้ลองแพลนเที่ยวโดยใช้ JR Pass เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และคุ้มค่า แนะนำโปรโมชั่นสำหรับสมาชิกบัตรเครดิต KTC ด้วยโปรโมชั่น บัตรรถไฟ JR PASS ที่ KTC WORLD กับบัตรเครดิต KTC และคะแนนและรับส่วนลดสูงสุดได้มากถึง 20% มีรายละเอียด ดังนี้
- แลกคะแนนรับส่วนลดสูงสุด 20% ในผลิตภัณฑ์บัตรรถไฟ JR PASS ทุกเส้นทางในญี่ปุ่น เมื่อใช้คะแนนเท่ายอด
- จองผ่าน KTC WORLD เท่านั้น
- ระยะเวลาจองและเดินทาง: 1 ม.ค. 68 - 31 ธ.ค. 68
3.คามาคุระ (Kamakura)
ใครมีแพลนไปเที่ยวโตเกียว อยากแนะนำให้เดินทางออกมานิดที่เมืองคามาคุระ เพราะเป็นเมืองติดริมทะเลที่วิวสวย และถ้าวันไหนท้องฟ้าแจ่มใสจะสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งคามาคุระมีที่เที่ยวมากมาย ทั้ง พระใหญ่ไดบุตสึ สถานีรถไฟ และทางรถไฟในอะนิเมเรื่องแสลมดังค์ ทั้งยังเดินทางง่าย นั่งรถไฟจากโตเกียวไปประมาณ 1 ชั่วโมง
- ช่วงเวลาที่ควรไป : ยกเว้นช่วงมรสุม เดือนกรกฎาคม
- เวลาทำการ : 24 ชั่วโมง
- ที่อยู่ : Kamakura, Japan
- ค่าเข้าสถานที่ : เข้าชมฟรี
- วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟไปลงสถานี Kamakura จากนั้นซื้อตั๋วรถไฟท้องถิ่นเพื่อเดินทางไปเที่ยวยังจุดๆ อื่นในเมืองคามาคุระ
4.ทะเลสาบอาชิ (Lake Ashi)
ทะเลสาบแสนสวย ถ้าหากใครไปช่วงฤดูร้อน ทะเลช่วงหน้าร้อนบริเวณทะสาบอาชิจะสวยเป็นพิเศษ ซึ่งบริเวณตรงนี้เป็นทะเลสาบที่อยู่ปากปล่องภูเขาไฟ สามารถมองเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิได้ชัดเจน แลนด์มาร์กสำคัญคือ “เสาโทริอิ” ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ เป็นจุดถ่ายรูปชื่อดัง และสามารถล่องเรือโจรสลัดเพื่อชมความงามของทะเลสาบ
- ช่วงเวลาที่ควรไป : ตลอดทั้งปี (โดยเฉพาะฤดูร้อน)
- เวลาทำการ : 24 ชั่วโมง
- ที่อยู่ : Motohakone, Kanagawa, Japan
- ค่าเข้าสถานที่ : เข้าชมฟรี
- วิธีเดินทาง : เดินทางไปที่เมืองฮาโกเนะ จากนั้นนั่งรถบัส Hakone-Yumoto ใช้เวลาประมาณ 40 นาที
5.โอกินาว่า (Okinawa)
ฤดูร้อนของญี่ปุ่น ต้องมีโอกินาว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่แนะนำให้ไปเที่ยว เพราะอากาศดี แม้จะมีสภาพอากาศร้อน แต่ทะเลสวย จึงเหมาะกับการไปดำนำ ส่วนชายหาดขึ้นชื่อของโอกินาว่า ได้แก่ หาดมันซะ (Manza Beach) และ หาดเอมเมอรัลด์ (Emerald Beach) หรือถ้าหากใครอยากเที่ยวชมเมือง ซึมซับบรรยากาศเฉพาะของวัฒนธรรมประจำถิ่นทั้งอาหารการกิน ภาษาประเพณี ก็ไม่ผิดหวังแน่นอน
- ช่วงเวลาที่ควรไป : ตลอดทั้งปี (โดยเฉพาะฤดูร้อน)
- เวลาทำการ : 24 ชั่วโมง
- ที่อยู่ : Okinawa, Japan
- ค่าเข้าสถานที่ : เข้าชมฟรี
- วิธีเดินทาง : ซื้อตั๋วเครื่องบินไปลงที่เกาะโอกินาว่า
แนะนำจองรถเช่าขับจัดทริป Road Trip ทั่วเกาะโอกินาว่า ด้วยโปรจองรถเช่าที่ KTC World Travel Service มีรายละเอียด ดังนี้
- รูดบัตรไม่มีชาร์จเพิ่ม
- ทุก 1,000 คะแนน KTC FOREVER แลกรับส่วนลด 130 บาท
- ผ่อน 0% นาน 6 เดือน เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไป/เซลส์สลิป
- ระยะเวลาการจองและแลกรับส่วนลด : 1 ม.ค. 68 – 31 ธ.ค. 68
6.หุบเขาทะคะจิโฮะ (Takachiho Gorge)
หุบเขาชื่อดังที่อยู่ในจังหวัดมิยาซากิ (Miyazaki) เป็นที่เที่ยว Unseen ที่อยากให้ทุกคนได้ไป เพราะมีช่องเขาเล็กๆ สามารถพายเรือชมความงามของน้ำตก อีกทั้งยังเป็นสถานที่โดดเด่นเรื่องการขอพร และเสริมในเรื่องของดวงชะตา นอกจากนั้นถ้าหากไปเที่ยวในช่วงฤดูร้อน จะมีการติดไฟ LED ประดับตรงทางเดินที่น้ำตก แนะนำฤดูร้อนถ้าไม่รู้จะไปไหน ให้แพลนมาเที่ยวที่หุบเขาทะคะจิโฮะ
- ช่วงเวลาที่ควรไป : ตลอดทั้งปี (โดยเฉพาะฤดูร้อน)
- เวลาทำการ : 24 ชั่วโมง
- ที่อยู่ : 983 Mitai, Takachiho, Nishiusuki District, Miyazaki 882-1101, Japan
- ค่าเข้าสถานที่ : เข้าชมฟรี
- วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟไปลงสถานี Kumamoto จากนั้นโดยสารรถ Kyushu Sanko Bus ไปลงที่สถานี Takachiho Bus Center และเดินไปยังหุบเขาทะคะจิโฮะ อีกประมาณ 30 นาที
7.ฮิตาชิ ซีไซด์ ปาร์ค (Hitachi seaside park)
สวนสาธารณะที่มีดอกไม้ติดริมชายทะเล ในอิบารากิ (Ibaraki) เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบถ่ายรูป เพราะมีดอกไม้มากมาย มีความกว้างประมาณ 1,200 ไร่ ในแต่ละฤดูจะมีดอกไม้ที่บานสะพรั่งแตกต่างกันออกไป โดยไฮไลต์คือ ทุ่งดอกเนโมฟีเลีย ทุ่งโคเชีย และดอกนาร์ซิสซัส ส่วนช่วงฤดูร้อนทุ่งโคเชียจะเป็นสีเขียว และค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงอมน้ำตาลในช่วงฤดูใบไม้ร่วง
- ช่วงเวลาที่ควรไป : ตลอดทั้งปี (โดยเฉพาะฤดูร้อน)
- เวลาทำการ : 09.30 - 17.00 น. ยกเว้นวันอังคาร (เวลาเปิด-ปิด ขึ้นอยู่กับฤดูกาล) แนะนำเช็กรายละเอียดในเว็บไซต์ Hitachi seaside park
- ที่อยู่ : 〒312-0012 Ibaraki, Hitachinaka, Mawatari, Japan
- ค่าเข้าสถานที่ :
- ช่วงปกติ ผู้ใหญ่ (15 ปีขึ้นไป) 450 เยน และผู้สูงอายุ (65 ปีขึ้นไป) 210 เยน
- ช่วงพีคตามฤดูกาล ผู้ใหญ่ (15 ปีขึ้นไป) 700 เยน และผู้สูงอายุ (65 ปีขึ้นไป) 460 เยน
- เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี เข้าชมฟรี
- วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟไปลงสถานี Katsuta จากนั้นนั่งรถบัสไปต่ออีกประมาณ 20 นาที หรือนั่งรถแท็กซี่ประมาณ 15 นาที หรือนั่งเครื่องบินไปลงที่สนามบิน Ibaraki Airport จากนั้นนั่งรถส่วนตัวต่อประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที
8.สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge)
แลนด์มาร์คดังของอุทยานแห่งชาตินิกโก้ (Nikko) ที่มีชื่อเสียงเรื่องความสวยงาม ในแต่ละฤดูจะมีทัศนียภาพที่แตกต่างกันออกไป หากคุณไปเยือนฤดูร้อน จะได้เห็นสีเขียวของธรรมชาติตัดกับสะพานสีแดง และมีท้องฟ้าที่สดใสปลอดโปร่ง เหมาะกับการเดินเล่น ถ่ายรูป และมองเห็นแม่น้ำ Daiya สีฟ้าสวยงาม ที่สำคัญเดินทางง่าย ใช้เวลาจากโตเกียวนั่งชินคันเซ็นไปประมาณ 2 ชั่วโมง แนะนำให้ซื้อ JR East Pass
- ช่วงเวลาที่ควรไป : ตลอดทั้งปี
- เวลาทำการ : 24 ชั่วโมง
- ที่อยู่ : Kamihatsuishimachi, Nikko, Tochigi 321-1401, Japan
- ค่าเข้าสถานที่ : เข้าชมฟรี
- วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟชินคันเซ็นจากโตเกียว ไปลงสถานี JR Nikko Station หรือถ้าหากคุณไม่ได้ซื้อ JR Pass ให้ไปลงที่สถานี Tobu Station
9.อุทยานแห่งชาติอะคัง-มะชู (Akan-Mashu National Park)
หากคุณปักหมุดไว้ที่ฮอกไกโด (Hokkaido) สำหรับฤดูร้อนที่ญี่ปุ่น แนะนำ “อุทยานแห่งชาติอะคัง-มะชู (Akan-Mashu National Park)” ซึ่งเป็นอุทยานที่สำคัญ และเก่าแก่มากของญี่ปุ่น เป็นถิ่นที่อยู่ของชาวพื้นเมืองไอนุ ได้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกขององค์การยูเนสโก ในช่วงฤดูร้อนจะมีธรรมชาติที่สวยงาม เหมาะกับการแคมป์ปิ้ง และเป็นฤดูของการเดินป่า ส่วนฤดูหนาวทุกพื้นที่จะถูกปกคลุมด้วยหิมะ และน้ำในแม่น้ำจะกลายเป็นน้ำแข็ง นักท่องเที่ยวนิยมมาเดินบนธารน้ำแข็ง
- ช่วงเวลาที่ควรไป : ตลอดทั้งปี
- เวลาทำการ : 24 ชั่วโมง
- ที่อยู่ : 〒085-0467 Hokkaido, Kushiro, 阿寒町阿寒湖温泉1丁目1−1, Japan
- ค่าเข้าสถานที่ : เข้าชมฟรี
- วิธีเดินทาง : นั่งเครื่องบินไปลงฮอกไกโด จากนั้นเช่ารถขับส่วนตัวไปยังอุทยานแห่งชาติ แนะนำให้เช็กสภาพอากาศ และเส้นทาง เพราะในช่วงฤดูหนาวเส้นทางอาจจะถูกปิดเพราะหิมะตกหนัก
10.สวนมิฟูเนะยามะ ราคุเอน (Mifune-yama Rakuen)
รับประกันเลยว่าความสวยของสวนมิฟูเนะยามะ ราคุเอน (Mifune-yama Rakuen) คุ้มค่ากับการเดินทางมาเที่ยวแน่นอน เพราะเป็นสวนดอกไม้ที่กว้าง และสวยงามในทุกฤดู ตั้งอยู่บริเวณตีนเขามิฟุเนะยามะ (Mifune-yama) นอกจากกิจกรรมเดินชมสวนดอกไม้ แนะนำให้มานอนค้างคืน จองที่พักเรียวกัง และแช่บ่อออนเซ็น
- ช่วงเวลาที่ควรไป : ตลอดทั้งปี
- เวลาทำการ : 24 ชั่วโมง
- ที่อยู่ : 4100 Takeocho Oaza Takeo, Takeo, Saga 843-0022, Japan
- ค่าเข้าสถานที่ : เข้าชมฟรี
- วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟมายังสถานี Takeo Onsen จากนั้นนั่งแท็กซี่มาประมาณ 15 นาที
11.โทมิตะฟาร์ม (Tomita Farm)
ที่เที่ยวญี่ปุ่น หน้าร้อน ที่เป็นไฮไลต์ในฮอกไกโด คือการชมทุ่งดอกลาเวนเดอร์สายรุ้ง ที่โทมิตะฟาร์ม (Tomita Farm) เมืองฟุราโนะ ที่นี่มีทุ่งลาเวนเดอร์และทุ่งดอกไม้ชนิดต่างๆ บนพื้นที่กว้างใหญ่ ปลูกเรียงสลับสีราวกับสายรุ้ง นอกจากสวนดอกไม้แล้ว ยังมีพิพิธภัณฑ์ และร้านค้า ทั้งน้ำหอม สบู่ น้ำมันหอมระเหย ดอกไม้อบแห้ง ฯลฯ แต่ที่ห้ามพลาดเลยคือ ไอศกรีม Soft Serve ลาเวนเดอร์ เย็นฉ่ำหวานหอมอร่อยเข้ากับหน้าร้อนสุดๆ
- ช่วงเวลาที่ควรไป : กรกฎาคม - สิงหาคม
- เวลาทำการ : 08.30 - 17.30 น.
- ที่อยู่ : 15Kisenkita, Nakafurano, Sorachi District, Hokkaido 071-0704
- ค่าเข้าสถานที่ : ผู้ใหญ่ 200 เยน / เด็ก 100 เยน
- วิธีเดินทาง : รถยนต์ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที จากสนามบินอะซาฮิคาว่า
12.คามิโคจิ (Kamikochi)
ดื่มด่ำธรรมชาติกลางขุนเขา ฤดูร้อน ญี่ปุ่น เป็นช่วงเวลาที่ธรรมชาติจะกลายเป็นสีเขียวสดชื่น ทำให้ช่วงหน้าร้อน คามิโคจิ (Kamikochi) กลายเป็นที่เที่ยวยอดนิยม ด้วยพื้นที่ธรรมชาติท่ามกลางหุบเขาเจแปนแอลป์ เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติจูบุซังกะคุ (Chubu Sangaku) ในจังหวัดนากาโนะ ล้อมรอบด้วยวิวธรรมชาติที่สวยงาม จุดถ่ายรูปยอดฮิตคือบริเวณ สะพานคัปปะ (Kappa Bridge) ที่มองเห็นแนวเทือกเขาสูงกว่า 3,000 เมตรเป็นฉากหลัง
- ช่วงเวลาที่ควรไป : กรกฎาคม - กันยายน
- เวลาทำการ : 05.00 - 19.00 น.
- ที่อยู่ : Matsumoto, Nagano 390-1516
- ค่าเข้าสถานที่ : ผู้ใหญ่ 300 เยน
- วิธีเดินทาง : รถยนต์ จากโตเกียวใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง, ขึ้นรถไฟด่วนพิเศษอาซึสะ ลงสถานีมัตสึโมโตะ จากนั้นต่อรถบัสอีก 1 ชั่วโมง 50 นาที
13.แม่น้ำสุมิดะ (Sumida Fireworks Festival)
ที่เที่ยวญี่ปุ่น หน้าร้อน โตเกียว เที่ยวเทศกาลดอกไม้ไฟริมแม่น้ำสุมิดะ ชมดอกไม้ไฟตระการตากว่า 2 หมื่นชุดในเทศกาลเก่าแก่ Sumida Fireworks Festival ที่จัดต่อเนื่องมากว่า 400 ปี ซึ่งจะจัดขึ้นในวันเสาร์สุดท้ายของเดือนกรกฎาคมของทุกปี ชมได้ที่ โตเกียวสกายทรี และวัดเซนโซจิ เป็นเทศกาลดอกไม้ไฟยิ่งใหญ่อลังการ นอกจากนี้ ยังมีการประกวดดอกไม้ไฟ ใครอยากได้รูปสวยๆ จองเที่ยวบินญี่ปุ่นล่วงหน้า ที่ KTC WORLD ได้เลย มาให้ตรงวัน รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน
- ช่วงเวลาที่ควรไป : วันเสาร์สุดท้ายของเดือนกรกฎาคม
- เวลาทำการ : 19.00-21:30 น.
- ที่อยู่ : Shinano River, Chousei Bridge downstream, Nagaoka-shi, Niigata
- ค่าเข้าสถานที่ : ไม่มี
- วิธีเดินทาง : รถไฟสายสีส้ม Ginza Line ลงสถานี อาซากุสะ ใช้ทางออกที่ 4 แล้วเดินต่อ 350 เมตร
14.ปีนเขาฟูจิ (Mount Fuji)
ท็อปลิสต์ที่เที่ยวญี่ปุ่น ยกให้ ภูเขาไฟฟูจิ ภูเขาสูงที่สุดในญี่ปุ่น ตั้งอยู่บริเวณจังหวัดชิสุโอกะ และยามานาชิ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของโตเกียว กิจกรรมช่วงหน้าร้อนคือการปีนเขา ซึ่งจะเปิดช่วงเดือนกรกฎาคม ถึงกลางเดือนกันยายนเท่านั้น มีเส้นทางปีน 4 ทาง แม้ไม่อนุญาตให้กางเต็นท์ แต่มีกระท่อมไว้ให้บริการ มีเครื่องนอนให้เช่า ใครอยากไปพิชิตฟูจิ ช่วงนี้ก็ฟิตร่างกายรอได้เลย
- ช่วงเวลาที่ควรไป : กรกฎาคม - กันยายน
- เวลาทำการ : 08.30 - 17.00 น.
- ที่อยู่ : Kitayama, Fujinomiya, Shizuoka 418-0112
- ค่าเข้าสถานที่ : 1,000 เยน
- วิธีเดินทาง : ใช้ Narita Express + รถบัสด่วนพิเศษ จากสนามบินนาริตะ มาถึงสถานีชินจูกุ เดิน 5 นาทีไปยังสถานีขนส่งชินจูกุ (รถบัสทางหลวง) 1 ชั่วโมง 45 นาที มาถึง สถานีคาวากุจิโกะ
15.ทะเลสาบคาวากุจิโกะ (Lake Kawaguchiko)
เช็กอินทุ่งลาเวนเดอร์ ชมดอกไม้หน้าร้อนริมทะเลสาบคาวากุจิโกะ ทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในบรรดาทะเลสาบทั้ง 5 ที่อยู่รอบภูเขาไฟฟูจิ ถือเป็นที่เที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อนที่คุ้มมาก เพราะจุดนี้นอกจากได้ชมดอกไม้สวยๆ แล้ว ยังเป็นจุดชมวิวฟูจิยอดฮิตอีกด้วย ไปเที่ยวที่เดียวได้ 2 ต่อเลย
- ช่วงเวลาที่ควรไป : มิถุนายน - กรกฎาคม
- เวลาทำการ : 09.00 - 18.00 น.
- ที่อยู่ : Fujikawaguchiko, Minamitsuru District, Yamanashi
- ค่าเข้าสถานที่ : ไม่มี
- วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟลงสถานี คาวากุจิโกะ ได้เลยแล้วต่อรถบัสสายสีแดงลงที่ป้าย 20 Kawaguchiko Natural Living Center
16.เนินเขาแห่งพระพุทธเจ้า (Hill of The Buddha)
เที่ยวญี่ปุ่น หน้าร้อน ชิลกับวิวบนเนินเขาแห่งพระพุทธเจ้า Hill of The Buddha มองดูทุ่งลาเวนเดอร์ ฮอกไกโด ภายในสุสาน Makomanai Takino ในเมืองซัปโปโร ที่ตั้งโดดเด่นอยู่บนเนินเขา และหากใครอยากจะเข้าไปเยี่ยมชมความงาม ขององค์พระพุทธรูปให้ถึงด้านในก็ต้องเดินผ่านอุโมงค์ รับรองว่าสวยงามอลังการไม่ผิดหวังแน่นอน
- ช่วงเวลาที่ควรไป : มิถุนายน - ตุลาคม
- เวลาทำการ : 09.00 - 16.00 น.
- ที่อยู่ : 2 Takino, Minami Ward, Sapporo, Hokkaido 005-0862
- ค่าเข้าสถานที่ : 300 เยน
- ค่าจอดรถ หรือวิธีเดินทาง : นั่งรถไฟ สาย Nanboku Line มาลงที่สถานีมาโคะมานาอิ
- แล้วต่อรถบัส Sapporo Chuo Bus 102 อีกประมาณ 20 นาที
17.ฮัตโตริ ฟาร์ม ไฮเดรนเยีย แมนชั่น (Hattori Farm Hydrangea Mansion)
เที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ชมดอกไฮเดรนเยีย หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า ดอกอาจิไซ (Ajisai) ซึ่งจะออกดอกในช่วง เดือนมิถุนายน–กรกฎาคม เราจะพบเห็นดอกไฮเดรนเยียได้จากหลายๆ สถานที่ในญี่ปุ่น หนึ่งในนั้นคือ ฮัตโตริ ฟาร์ม ไฮเดรนเยีย แมนชั่น (Hattori Farm Hydrangea Mansion) ในเมืองโมบาระ จังหวัดชิบะ ที่มีดอกไฮเดรนเยียปลูกอยู่ทั่วเนินเขากว่า 10,000 ต้น ซึ่งที่สวนแห่งนี้ก็มีดอกไฮเดรนเยียให้ชมหลากหลายสีสัน แถมยังมีสายพันธุ์ที่รูปร่างกลีบดูแปลกตาอีกด้วย
- ช่วงเวลาที่ควรไป : มิถุนายน - กรกฎาคม
- เวลาทำการ : 08.00 - 18.00 น.
- ที่อยู่ : 719 Sangaya, Mobara, Chiba 297-0042
- ค่าเข้าสถานที่ : ผู้ใหญ่ 500 เยน / เด็ก 200 เยน
- วิธีเดินทาง : นั่งแท็กซี่ 10 นาทีจากสถานี โมบาระ บนสาย JR Sotobo
18.สวนดอกไม้ชิกิไซโนะโอกะ (Shikisai no oka)
ต่อที่ทุ่งลาเวนเดอร์ ฮอกไกโด ที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองบิเอะ นั่นคือ สวนดอกไม้ชิกิไซโนะโอกะ นอกจากทุ่งดอกลาเวนเดอร์สวยๆ และทุ่งดอกไม้หลากสี ที่พร้อมใจกันบานสะพรั่งให้เราได้ชมอย่างจุใจแล้ว ใกล้ๆ กันยังมีฟาร์มอัลปาก้า ส่วนใครอยากชมรอบสวนแบบสนุกๆ ก็มีรถ ATV ให้ขับได้ รวมถึงร้านอาหาร และมุมขายผักผลไม้สดๆ จากเมืองบิเอะให้เลือกซื้อ
- ช่วงเวลาที่ควรไป : มิถุนายน - กันยายน
- เวลาทำการ : 09.00 - 17.00 น.
- ที่อยู่ : 071-0473 Hokkaido, Kamikawa District, Biei, Shinsei
- ค่าเข้าสถานที่ : ผู้ใหญ่ 500 เยน / เด็ก 300 เยน
- วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟสาย JR Furano มาลงที่สถานี Bibaushi แล้วเดินต่ออีกประมาณ 25 นาที
19.บ่อน้ำสีฟ้า (Shirogane Blue Pond)
บ่อน้ำสีฟ้า (Shirogane Blue Pond) หรือ "Aoi-ike" ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า "บ่อน้ำสีฟ้า" อยู่ที่จังหวัดมิเอะ ถือว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้ยาก ซึ่งปรากฏการณ์ทางธรรมชาตินี้เกิดขึ้นจากการกระทำของมนุษย์และธรรมชาติรวมกัน ส่งผลให้บ่อน้ำกลายเป็นสีฟ้าสวยงามอย่างที่เห็น ซึ่งบ่อน้ำแห่งนี้เป็นบ่อน้ำที่ถูกกักไว้จากการสร้างเขื่อน เพื่อป้องกันภัยจากพายุ ที่จะทำให้โคลนถล่มจากภูเขาไฟในบริเวณนั้น การที่น้ำในบ่อมีสีฟ้าสดขนาดนี้ ก็เป็นเพราะธาตุคอลลอยด์ และอะลูมิเนียมไฮดรอกไซด์จากการปะทุของภูเขาไฟได้ผสมกัน และน้ำในบ่อน้ำได้สะท้อนกับแสงแดดที่ส่องลงมา ทำให้เกิดเป็นน้ำสีฟ้าสวยงาม
- ช่วงเวลาที่ควรไป : พฤษภาคม - ตุลาคม
- เวลาทำการ : 07.00 - 19.00 น.
- ที่อยู่ : Shirogane, Kamikawa-gun, Biei-cho 071-0235, Hokkaido
- ค่าเข้าสถานที่ : ไม่มี
- วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟ JR มาจากซัปโปโร: นั่งรถไฟ JR จากสถานี Sapporo ไป สถานี Biei โดยจะต้องเปลี่ยนขบวนรถไฟ ลงที่สถานี Asahikawa เพื่อไป Biei ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง และต่อรถบัสมาลงที่ สถานี Biei
20.แหลมคามูอิ (Cape Kamui)
แหลมคามูอิ ที่เที่ยวญี่ปุ่น หน้าร้อน สวยงาม แห่งเกาะฮอกไกโด มีทางเดินเล็กๆ ยาวไปตามเนินเขาสีเขียวตัดกับน้ำทะเลสีครามสดใส ซึ่งที่แหลมคามูอิแห่งคาบสมุทรชาโคตัน คุณสามารถเดินขึ้นไปที่ปลายแหลมได้ โดยจะมีบันไดไม้ และทางเดินตามแนวเขา ข้างทางจะเต็มไปด้วยดอกไม้ และต้นหญ้าเขียวชอุ่ม และกลิ่นไอของหน้าร้อน เดินเพลินๆ เดี๋ยวเดียวถึงปลายทางบริเวณปลายเเหลมซึ่งมีประภาคารเล็กๆ ตั้งอยู่
- ช่วงเวลาที่ควรไป : มิถุนายน - สิงหาคม
- เวลาทำการ : 08.00 - 18.00 น.
- ที่อยู่ : Kamui-misaki, Kozakicho, Shakotan, Shakotan District, Hokkaido
- ค่าเข้าสถานที่ : ไม่มี
- วิธีเดินทาง : เดินทางจากเมืองโอตารุ โดยนั่งรถบัสสาย Hokkaido Chuo Bus จากป้าย Otarueki-mae Bus Termial มาลงที่ป้าย Kamui Misaki ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง
21.อุทยานแห่งชาติไดเซ็ตสึซัง (Daisetsuzan National Park)
อุทยานแห่งชาติไดเซสึซัง ที่เที่ยวญี่ปุ่น หน้าร้อน ที่อยู่ใจกลางเกาะฮอกไกโด ที่นี่มีภูเขาสูงโทกาจิ สูงมากจนมีชื่อเรียกว่า “หลังคาแห่งฮอกไกโด” ด้วยความที่อยู่สูงขนาดนี้จึงมีพืชพรรณไม้แบบป่าสนอัลไพน์สีสันสวยงามและธรรมชาติ และยังมีระบบนิเวศสมบูรณ์มากจนมีสัตว์หายากและปลาพันธุ์เฉพาะอยู่ด้วย ไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดคือจุดชมวิวที่จะได้เห็นทะเลหมอกที่ผาโซอุนเคียวตอนเช้า หรือใครอยากเช่าจักรยานปั่นชมวิวเขาก็มีให้บริการเช่นกัน
- ช่วงเวลาที่ควรไป : มิถุนายน - สิงหาคม
- เวลาทำการ : เปิด 24 ชม.
- ที่อยู่ : Sounkyo, Kamikawa-cho, Kamikawa-gun, Hokkaido
- ค่าเข้าสถานที่ : ไม่มี
- วิธีเดินทาง : นั่งรถโดยสารไปยังสถานี Asahikawa Station
22.สวนริมทะเลอุมิโนะนาคามิจิ (Uminonakamichi Seaside Park)
ที่เที่ยว หน้าร้อน ยอดฮิตริมอ่าวฮากาตะ สวนริมทะเลอุมิโนะนาคามิจิ สวนติดริมทะเลที่ควรค่าแก่การพักผ่อนที่สุด มีดอกไม้นานาชนิดให้ได้ชมช่วงหน้าร้อน สวนจะแบ่งออกเป็นโซนอย่างชัดเจน มีทั้งสวนดอกไม้ สนามเด็กเล่น สนามกีฬา สวนน้ำ และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ฤดูร้อนถือเป็นอีกหนึ่งฤดูไฮไลต์ของที่นี่เลยด้วย แถมยังมี Marine World พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น จัดแสดงเกี่ยวกับพันธุ์สัตว์นี้ต่างๆ ทั่วเกาะคิวชูอีกด้วย ใครแพลนเที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ต้องมีสวนริมทะเลอุมิโนะนาคามิจิเป็นหนึ่งในทริปให้ได้เลย
- ช่วงเวลาที่ควรไป : มิถุนายน - สิงหาคม
- เวลาทำการ : 09.00 - 17.30 น.
- ที่อยู่ : 18-25 Saitozaki, Higashi Ward, Fukuoka, 811-0321
- ค่าเข้าสถานที่ : ผู้ใหญ่ 450 JPY / เด็กเข้าฟรี
- วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟเส้นทาง JR Kashii Line ไปลงที่สถานี Uminonakamichi
23.สวนคาวาชิฟูจิ(Kawachi Fuji Garden)
ที่เที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ฟุกุโอกะ ห้ามพลาด อุโมงค์วิสทีเรีย ที่ถูกเลือกให้เป็น 1 ใน 34 สถานที่ที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น แบ่งออกเป็น 3 โซนคือ โซนอุโมงวิสทีเรีย แปลงดอกไม้ และใบไม้แดง โดยเข้ามาถึงก็จะเจออุโมงวิสทีเรียก่อนเลยมีดอกวิสทีเรียกว่า 22 ชนิด เรียงสลับสีกัน ทั้ง ม่วงเข้ม ม่วงอ่อน ชมพู และขาว สวยงามเหมือนอยู่ในเทพนิยาย ใครมาเที่ยวญี่ปุ่น หน้าร้อน ควรแวะมาเที่ยว
- ช่วงเวลาที่ควรไป : มิถุนายน - สิงหาคม
- เวลาทำการ : 08.00 – 18.00 น.
- ที่อยู่ : 2 Chome-2-48 Kawachi, Yahatahigashi Ward, Kitakyushu, Fukuoka 805-0045
- ค่าเข้าสถานที่ : ผู้ใหญ่ 1,500 เยน / เด็กเข้าฟรี
- วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟ JR สถานี Yahata Station จากนั้นต่อแท็กซี่มาอีก 20 นาที
ขอบคุณรูปภาพจาก https://en.japantravel.com/
24.ศาลเจ้านาคากาวะ (Nakagawa Shrine)
ศาลเจ้านาคากาวะเป็นศาลเจ้าที่ใหญ่ และสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองนาคาทสึกาวะ (Nakatsugawa) โบสถ์อาคารสวยงาม มีห้องโถงที่มีหลังคาที่มุงด้วยแผ่นทองแดง ศาลเจ้าเงียบสงบมาก รอบๆ มีธรรมชาติร่มรื่นอีกด้วย ที่นี่ยังเป็นสถานที่จัดเทศกาลดอกวิสทีเรีย Nakayama O-fuji Festival ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี
- ช่วงเวลาที่ควรไป : มิถุนายน - สิงหาคม
- เวลาทำการ : 24 ชั่วโมง
- ที่อยู่ : 4-816-1 Nakatsugawa, Gifu 508-0021
- ค่าเข้าสถานที่ : ไม่มี
- วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Yamanote ลงที่สถานี Shinagawa Station จากนั้นต่อรถไฟชินคันเซน Tokaido-Sanyo Shinkansen ไปลงที่ Nagoya เปลี่ยนรถไฟอีกครั้งนั่งสาย Shinano ไปลงที่ Nakatsugawa Station แล้วเดินต่อ 16 นาที
25.สวนดอกไม้อาชิคางะ (Ashikaga Flower Park)
สวนดอกไม้อาชิคางะ หนึ่งในสถานที่เที่ยวญี่ปุ่น มีสวนดอกวิสทีเรียสวยงาม ที่มีอุโมงค์ต้นวิสทีเรียยาวเกือบ 100 เมตร และต้นวิสทีเรียขนาดใหญ่ยักษ์ อายุกว่า 140 ปี ออกดอกแผ่กิ่งก้านสวยงามเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีสวนในโซนอื่นๆ อีก เช่น พีระมิดดอกไม้ลอยอยู่กลางสระน้ำ,โดมดอกไม้, น้ำตกจำลอง ใครชื่นชอบเที่ยวสวนดอกไม้แนะนำเลย
- ช่วงเวลาที่ควรไป : มิถุนายน - สิงหาคม
- เวลาทำการ : 09.00 – 18.00 น.
- ที่อยู่ : 607 Hasamacho, Ashikaga, Tochigi 329-4216
- ค่าเข้าสถานที่ : ผู้ใหญ่ 400 เยน / เด็ก 200 เยน
- วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟชินคันเซ็นไปลงที่สถานี Tomita Station จากนั้นก็เดินต่ออีกประมาณ 900 เมตร
26.หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawago)
หมู่บ้านเก่าแก่ญี่ปุ่นโบราณมีหลังคาทรงสูง เรียกว่า Gassho-Zukuri อายุกว่าร้อยปีเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของ UNESCO ในปี ค.ศ. 1995 ปกติเราจะมักจะเห็นรูปหมู่บ้านนี้จะช่วงฤดูหนาวมีหิมะปกคลุมหนาๆ ถึงอย่างนั้นในช่วงหน้าร้อน ทิวทัศน์ของหมู่บ้านแห่งนี้ก็ให้ความรู้สึกสดชื่นอย่างมาก เพราะว่าเป็นฤดูที่ทุ่งนาและต้นไม้กำลังเขียวขจี แถมยังมีดอกไม้สีสันสดใส ถือว่าเป็นที่เที่ยวญี่ปุ่นยอดฮิตทุกฤดูกาล
- ช่วงเวลาที่ควรไป : ตลอดปี
- เวลาทำการ : 08.40 - 17.00 น.
- ที่อยู่ : 2499 Ogimachi, Shirakawa, Ono District, Gifu 501-5627
- ค่าเข้าสถานที่ : ผู้ใหญ่ 600 เยน
- วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟ JR ลงสถานี Toyama จากนั้นนั่งรถบัสจากหน้าสถานีต่อมาลงที่หมู่บ้าน Shirakawa-go ได้เลย ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
27.ภูเขาไฟอะโสะ (Mount Aso)
พามาจังหวัดคุมะโมะโตะ ที่เที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน อยู่ที่ภูเขาไฟอะโซะ ซึ่งอยู่ใจกลางเกาะคิวชู จุดไฮไลต์คือปากปล่องภูเขาไฟนาคาดาเกะ เป็นปากปล่องภูเขาไฟที่สามารถเข้าถึงได้ สามารถขึ้นไปได้ทั้งทางถนน หรือกระเช้าไฟฟ้า รอบๆ ภูเขาไฟมีธรรมชาติสวยงาม มีเมืองชนบทเล็กๆ มีนาข้าว มีทุ่งหญ้ากว้างที่มีน้องวัว และน้องม้าอยู่ด้วย เป็นที่เที่ยวแนวธรรมชาติที่น่าสนใจมาก
- ช่วงเวลาที่ควรไป : มิถุนายน - สิงหาคม
- เวลาทำการ : 09.00 - 17.00 น.
- ที่อยู่ : Takawara, Aso, Kumamoto 869-2223
- ค่าเข้าสถานที่ : เข้าชมฟรี มีกระเช้าไฟฟ้าไปกลับคนละ 1,000 เยน
- วิธีเดินทาง : นั่งรถบัสจากสถานีรถไฟ JR Aso มาลงที่สถานีขึ้นกระเช้าไฟฟ้า Asosan Nishi จากนั้นต่อกระเช้าไฟฟ้าขึ้นไปบนปากปล่องภูเขาไฟใช้เวลาประมาณ 40 นาที
28.เกาะยะคุชิมะ (Yakushima Island)
ญี่ปุ่น หน้าร้อน กิจกรรมเดินป่าก็น่าสนใจ ที่เกาะยะคุชิมะ เกาะขนาดใหญ่ที่มีป่าดงดิบ และภูเขาอยู่ภายในเกาะ ป่านี้มีต้นสนโบราณอายุกว่าพันปี ระยะทางรอบเกาะประมาณ 100 กิโลเมตร วิธีการเที่ยวที่ดีที่สุดคือขับรถเที่ยวรอบๆ เกาะ หรือหากอยากไปเดินป่าก็ใช้บริการรถบัสสาธารณะ มีเส้นทางเดินป่า Yakusugi Land เป็นเส้นทางที่คนนิยมมากที่สุด มีแม่น้ำสายใหญ่ไหลผ่าน มีสะพานข้ามลำธารที่วิวธรรมชาติสวยมากสำหรับเส้นทางเดินป่าใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง
- ช่วงเวลาที่ควรไป : มิถุนายน-สิงหาคม
- เวลาทำการ : 24 ชั่วโมง
- ที่อยู่ : Yakushima, Kumage District, จังหวัดคะโงะชิมะ ญี่ปุ่น
- ค่าเข้าสถานที่ : คนละ 500 เยน
- วิธีเดินทาง : จากโอซาก้าจะมีเที่ยวบินตรงมายังสนามบินยะคุชิมะได้เลย จากนั้นขึ้นรถบัสจากสนามบินมาท่าเรือแล้วนั่งเรือเฟอรี่มายังเกาะยะคุชิมะ
29.น้ำตกนะชิ (Nachi Waterfall)
น้ำตกนะชิ สัญลักษณ์ของเมืองนะชิคัตซึอุระ ในวากายามะ เป็นน้ำตกสูง 133 เมตร ไหลลงมาจากป่าทึบเก่าแก่ เป็นน้ำตกชั้นเดียวสูงที่สุดในญี่ปุ่น ทำให้มีละอองน้ำลอยอยู่ทั่วบริเวณ ใครได้มีโอกาสมาเที่ยวที่น้ำตกนะชิ จะรู้เลยว่าที่นี่เย็นตลอดปีแม้แต่ช่วงหน้าร้อนด้วย ที่นี่มีจุดแลนด์มาร์ค คือศาลเจ้าฮิโร ที่ตั้งอยู่บริเวณฐานน้ำตก ซึ่งนักท่องเที่ยวชอบมาถ่ายรูปกัน
- ช่วงเวลาที่ควรไป : ตลอดปี
- เวลาทำการ : 08.30 - 16.00 น.
- ที่อยู่ : Nachisan, Nachikatsuura, Higashimuro District, Wakayama 649-5301
- ค่าเข้าสถานที่ : ไม่มี
- วิธีเดินทาง : จากสถานี Shin-Osaka ให้นั่งรถไฟ LTD. EXP KUROSHIO ไปลงที่สถานี Kiikatsuura ใช้เวลา 4 ชั่วโมง จากนั้นขึ้นรถ Kumano Kotsu Bus ไปลงที่ป้าย Nachi no Taki-Me และเดินต่ออีก 5 นาที
30.ป่าไผ่อาราชิยาม่า (Arashiyama)
ที่เที่ยวธรรมชาติ ญี่ปุ่น หน้าร้อน ป่าไผ่อาราชิยาม่า อยู่ที่จังหวัดเกียวโต เป็นพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติตามเส้นทางป่าไผ่ ซึ่งเป็นสถานที่เที่ยวยอดฮิตและเป็นมุมรูปถ่ายรูปที่ไม่ว่าใครมาก็ต้องแวะ มุมฮิตที่ว่านี้จะอยู่หลังวัดเทนริวจิ ได้วิวทั้งแม่น้ำโฮซูกาวะ และสะพานโทเก็ตสึเคียว นอกจากนี้ยังเหมาะแก่การพักผ่อนแบบสุดๆ เลยเพราะว่าป่าไผ่สูงมากทำให้บังแดดได้ดี อากาศไม่ร้อนและมีลมเย็น มีคาเฟ่ และร้านอาหารเพียบ กิจกรรมที่น่าสนใจในนี้คือล่องเรือแม่น้ำโฮซูกาวะ และนั่งรถไฟสายโรแมนติกชมวิวหุบเขาและสองข้างทางของแม่น้ำ
- ช่วงเวลาที่ควรไป : มิถุนายน - สิงหาคม
- เวลาทำการ : 24 ชั่วโมง
- ที่อยู่ : Ukyo Ward, Kyoto, 616-0007
- ค่าเข้าสถานที่ : ไม่มี
- วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟสาย JR Sagano Line มาลงที่สถานี Saga-Arashiyama
โปรโมชั่นสำหรับบัตรเครดิต KTC JCB ที่ประเทศญี่ปุ่น
รับเครดิตเงินคืน 1,000 บาท เมื่อลงทะเบียน และมียอดใช้จ่ายสะสมผ่านบัตรเครดิต KTC JCB ทุกประเภท เป็นสกุลเงินเยน ตั้งแต่ 45,000 เยนขึ้นไป ณ ร้านค้าในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น (ไม่รวมรายการออนไลน์ทุกประเภท)
- ระยะเวลาโปรโมชั่น: 1 มี.ค. 68 – 30 เม.ย. 68
ก่อนไปเที่ยวญี่ปุ่น แนะนำเตรียมตัวด้วยการแพลนที่เที่ยว การเดินทาง ซื้อตั๋วรถไฟ JR Pass หรือเช่ารถขับ ที่สำคัญคือควรแลกเงินไปให้พร้อม หรือเลือกใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต KTC JCB ที่นอกจากจะสะดวกแล้ว บัตรเครดิต JCB ยังมีสิทธิประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย แนะนำสมัครบัตรเครดิต KTC ออนไลน์ไว้เตรียมตัวไปเที่ยวญี่ปุ่น
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC