ทำสีรถใหม่ ถ้าไม่แจ้งจะมีความผิดหรือไม่
เมื่อใช้งานรถยนต์มาสักระยะหนึ่ง ผู้ขับขี่อาจรู้สึกเบื่อและอยากเปลี่ยนบรรยากาศใหม่ด้วยการเปลี่ยนสีรถคันโปรด เพราะการเปลี่ยนสีสันของรถยนต์ก็เหมือนการตกแต่งรถให้สวยและดูแปลกตาไปจากเดิม ขณะที่บางคนอาจเลือกเปลี่ยนสีรถด้วยเหตุผลด้านความเชื่อเรื่องสีรถถูกโฉลกตามวันเกิด แต่รู้ไหมว่าการเปลี่ยนสีรถต้องแจ้งต่อนายทะเบียนภายในกี่วัน ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง และมีขั้นตอนอย่างไร มาหาคำตอบได้ที่บทความนี้
เลือกอ่านตามหัวข้อ
กฎหมายเรื่องการระบุสีรถในคู่มือจดทะเบียน
แต่เดิมตามกฎหมายกำหนดให้รถยนต์ที่จดทะเบียนทุกคัน ต้องระบุสีของรถในคู่มือจดทะเบียนให้ชัดเจน ซึ่งปัจจุบันสามารถระบุได้ 2 สีหลัก โดยคำนวณจากพื้นที่สีส่วนใหญ่ แต่เนื่องจากเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการทำสีรถยนต์ได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว มีความหลากหลาย และสามารถทำได้ง่าย ๆ ดังนั้นเพื่อให้มีความชัดเจนทั้งฝ่ายเจ้าของรถ เจ้าหน้าที่ตรวจสภาพรถ และการควบคุมกำกับดูแลของเจ้าหน้าที่ ทางกรมการขนส่งทางบก(ขบ.) ได้กำหนดหลักเกณฑ์การระบุ สีรถในคู่มือจดทะเบียนให้มีความชัดเจนเพื่อป้องกันความสับสน โดยตามระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยการกำหนดสีและลักษณะของรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 มีรายละเอียดดังนี้
การเปลี่ยนสีรถไม่ใช่เรื่องยาก แค่ต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงภายในกำหนด
- กรณีตัวรถมีสีเดียว ให้กำหนดสีที่เป็นสีหลักเพียงสีเดียว โดยไม่ต้องคำนึงถึงความเข้มของสีที่แตกต่างกัน
- กรณีตัวรถมี 2 หรือ 3 สี โดยแต่ละสีแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเจนในบริเวณตัวถังส่วนที่สำคัญของรถ (ฝากระโปรงหน้า-ท้าย หลังคา หรือประตู) ให้กำหนดสีที่เป็นสีหลักเป็นสีของรถเป็น 2 หรือ 3 สีแล้วแต่กรณี เช่น ตัวรถมีสีขาวแต่ส่วนของหลังคามีสีดำ ให้ระบุสีรถในคู่มือจดทะเบียนเป็นสีขาว-ดำ หรือตัวรถมีสีขาว ฝากระโปรงหน้าและหลังเป็นสีดำ ขณะที่หลังคามีสีแดง ในสมุดคู่มือจดทะเบียนรถให้ระบุเป็น สีขาว-ดำ-แดง
- กรณีตัวรถมีมากกว่า 3 สี ให้กำหนดสีหลักไว้ 2 สี และตามด้วยคำว่า หลายสี ในสมุดคู่มือจดทะเบียนรถ เว้นแต่ไม่สามารถกำหนดสีหลักได้ ให้กำหนดเป็น "หลายสี"
- กรณีสีคาดหรือแถบคาดตกแต่งรถ โดยไม่ทำให้สีหลักของรถเปลี่ยนแปลงไป ไม่ต้องกำหนดเป็นสีรถ
ติดสติกเกอร์ หรือวัสดุอื่น ๆ ต้องแจ้งเปลี่ยนสีรถหรือไม่
หากสังเกตรถยนต์บนท้องถนนจะพบว่า นอกจากรถที่มีการทำสีฝากระโปรงรถหรือหลังคาเพิ่มเติม รถบางคันยังมีการแปะสติกเกอร์รอบคันหรือใช้วัสดุอื่น ๆ มาตกแต่งรอบตัวรถให้มีสีสันสะดุดตามากขึ้น แล้วถ้าเป็นกรณีติดสติกเกอร์ หรือวัสดุอื่น ๆ เจ้าของรถต้องไปดำเนินการแจ้งเปลี่ยนสีรถด้วยหรือไม่ ? คำตอบคือ หากติดสติกเกอร์หรือสีที่ทำมาใหม่เกินกว่า 30% ของตัวรถ ต้องทำการแจ้งเปลี่ยนสีรถกับกรมการขนส่งทางบกเช่นเดียวกัน
การเปลี่ยนสีรถ ต้องแจ้งภายในกี่วัน
หากเจ้าของรถทำการเปลี่ยนสีรถยนต์จากที่เคยจดทะเบียน ไม่ว่าจะด้วยกรรมวิธีใดก็ตามบุคคลที่เป็นเจ้าของรถต้องต้องแจ้งเปลี่ยนสีรถยนต์กับกรมการขนส่งทางบกทุกครั้ง เพราะพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 13 ระบุว่า รถใดที่จดทะเบียนแล้ว หากมีการเปลี่ยนสีรถ ให้ผิดไปจากที่จดทะเบียนไว้ เจ้าของรถต้องแจ้งนายทะเบียนภายใน 7 วันนับแต่วันเปลี่ยนแปลงสีรถมากกว่า 30% ของพื้นที่ตัวถังรถทั้งหมด
แต่กรณีที่มีการเปลี่ยนสีรถเฉพาะบางจุดและไม่เกิน 30% ของพื้นที่ตัวถังรถ ไม่จำเป็นต้องแจ้งเปลี่ยนสีรถแต่อย่างใด เพราะถือว่าไม่ทำให้สีหลักของรถเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม รวมถึงการใช้แถบคาดเพื่อตกแต่งรถ โดยไม่ทำให้สีหลักของรถเปลี่ยนแปลงไป ไม่ต้องแจ้งเปลี่ยนสีรถเนื่องจากกรณีนี้ไม่ถือเป็นการทำสีรถนั่นเอง
การเปลี่ยนสีรถเกิน 30% ของตัวถัง ต้องแจ้งต่อนายทะเบียนทุกครั้ง
หากไม่แจ้งเปลี่ยนสีรถ มีความผิดอย่างไร
หากเจ้าของรถทำการเปลี่ยนสีรถยนต์ แต่ไม่ทำการแจ้งเรื่องภายใน 7 วันตามที่กฎหมายระบุเอาไว้ เจ้าของรถมีความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 60 โดยมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท ส่วนเจ้าของรถที่ไม่สะดวกไปดำเนินการด้วยตนเอง และมีข้อสงสัยว่า การแจ้งเปลี่ยนสีรถ ไม่ใช่เจ้าของรถ สามารถทำแทนได้หรือไม่ ? คำตอบคือ ได้ โดยเจ้าของรถต้องเขียนใบมอบอำนาจให้บุคคลอื่นไปแจ้งแทน พร้อมเตรียมเอกสารที่ต้องนำไปยื่นให้ครบ รวมถึงผู้รับมอบอำนาจต้องนำบัตรประจำตัวประชาชนแสดงต่อเจ้าหน้าที่ด้วย
แจ้งเปลี่ยนสีรถ ใช้หลักฐานอะไรบ้าง มีขั้นตอนอย่างไร
สำหรับใครที่ต้องการแจ้งเปลี่ยนสีรถ ให้เตรียมหลักฐานสำคัญเพื่อยื่นแจ้งที่กรมการขนส่งทางบก ดังนี้
- คู่มือจดทะเบียนรถ
- บัตรประจำตัวประชาชนเจ้าของรถ หากเป็นนิติบุคคลให้ใช้สำเนาบัตรประชาชนของผู้มีอำนาจลงนาม
- หลักฐานการเปลี่ยนสีรถ นิยมใช้ใบเสร็จการเปลี่ยนสีรถ จึงควรเก็บหลักฐานนี้เอาไว้เพื่อยื่นเปลี่ยนสีรถด้วย
- เอกสารรับรองการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล กรณีที่เป็นนิติบุคคล
- หากการแจ้งเปลี่ยนสีรถไม่ใช่เจ้าของรถดำเนินการเอง ให้ใช้บัตรประจำตัวประชาชนของผู้แจ้ง พร้อมหนังสือมอบอำนาจด้วย
ขั้นตอนการดำเนิน
- ยื่นคำขอนำรถเข้ารับการตรวจสอบ พร้อมกับเอกสารสำคัญ
- หลังผ่านการตรวจสภาพรถแล้ว ให้นำใบแจ้งผลการตรวจสอบรถ พร้อมใบคำขอต่าง ๆ ไปยื่นกับเจ้าหน้าที่
- ชำระค่าธรรมเนียม
- รอรับเอกสารคืน ได้แก่ เล่มทะเบียนรถและใบเสร็จการชำระเงิน
แจ้งเปลี่ยนสีรถยนต์เสียกี่บาท
ค่าธรรมเนียมเป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียมก่อนแจ้งเปลี่ยนสีรถ
ในการแจ้งเปลี่ยนสีรถแต่ละครั้ง เจ้าของรถต้องเตรียมค่าธรรมเนียมให้กับเจ้าหน้าที่ เพื่อตรวจสอบสภาพรถและดำเนินการเปลี่ยนข้อมูลในเล่มทะเบียนรถใหม่ โดยค่าใช้จ่ายในการแจ้งเปลี่ยนสีรถ มีดังนี้
- ค่าดำเนินการตรวจสภาพรถ 50 บาท
- ค่าธรรมเนียมการแจ้งเปลี่ยนสีรถ 50 บาท
- ค่าคำขอ 5 บาท
ดังนั้น ค่าธรรมเนียมในการแจ้งเปลี่ยนสีรถ อยู่ที่ 105 บาท หลังจากชำระเงินเรียบร้อย ก็จะได้รับใบเสร็จการชำระเงินกลับมา
แจ้งเปลี่ยนสีรถออนไลน์ได้ไหม
คำตอบคือ ไม่ได้ เจ้าของรถต้องทำการแจ้งเปลี่ยนสีรถที่สำนักงานขนส่งทั่วประเทศ รวมถึงต้องนำรถเข้าตรวจสภาพที่สำนักงานขนส่งด้วย ไม่สามารถตรวสภาพรถ ตรอ. ได้
สำหรับใครที่มีความกังวลว่าการเปลี่ยนสีรถยนต์จะมีความผิด ก็สามารถดำเนินการเพื่อให้ถูกกฎหมายได้ง่าย ๆ เพียงหลังทำการเปลี่ยนสีรถต้องแจ้งต่อนายทะเบียนภายใน 7 วัน นอกจากช่วยป้องกันเรื่องค่าปรับที่อาจจะตามมาในอนาคต ยังมีผลดีเวลายื่นขอสินเชื่อรถแลกเงิน เพราะสามารถนำเล่มทะเบียนรถไปเป็นประกันการกู้ยืมเงินได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาไปแจ้งเปลี่ยนสีรถก่อน เนื่องจากข้อมูลในเล่มทะเบียนตรงกับสภาพรถจริงแล้ว ถ้าถามว่าจำนำเล่มทะเบียนรถแบบไม่โอนเล่มที่ไหนดี ? ให้วงเงินก้อนใหญ่ อนุมัติไวทันใจ ขอแนะนำ สินเชื่อ KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน แหล่งเงินด่วนถูกกฎหมายที่มีความน่าเชื่อถือ ปลอดภัย และได้รับเงินโอนเข้าบัญชีรวดเร็วเมื่อผ่านการอนุมัติ ทั้งยังเพิ่มความสะดวกสบายแก่ผู้ขอสินเชื่อรถแลกเงิน ด้วยบริการพี่เบิ้ม Delivery ที่พร้อมเดินทางไปรับสมัครและตรวจสภาพรถถึงที่ นอกจากนี้ผู้สมัครยังได้รับบัตรกดเงินสด KTC พี่เบิ้ม เอาไว้เบิกถอนเงินสดโดยไม่มีค่าธรรมเนียมในยามฉุกเฉินอีกด้วย
แจ้งเปลี่ยนสีรถให้เรียบร้อย ขอสินเชื่อรถแลกเงินได้ไม่สะดุด