แม้จะเป็นสิ่งที่หลายคนเติมกันอยู่ทุกวัน และใช้กันอยู่เป็นประจำ แต่น้อยคนมากที่จะทราบถึงความแตกต่างของน้ำมัน รถยนต์แต่ละประเภท ทั้งน้ำมันดีเซล และน้ำมันเบนซินที่เราใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวันนั้นได้มีการแบ่งประเภทด้วย “สีของน้ำมัน” ซึ่งกำหนดโดยการกรมธุรกิจพลังงาน เพื่อใช้ในจำแนกน้ำมันเชื้อเพลิงประเภทต่างๆ นั่นเอง ว่าแต่น้ำมันเชื้อเพลิงแต่ละชนิด มีอะไรบ้าง? KTC ได้สรุปรวมข้อมูลมาให้แล้ว
น้ำมันดีเซลคืออะไร และมีสีอะไร?
น้ำมันดีเซล (Diesel) คือเชื้อเพลิงชนิดหนึ่งที่ได้จากกระบวนการในการกลั่นน้ำมันดิบ ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงจุดเดือนที่ 150-350 องศาเซลเซียส เพื่อใช้ในเครื่องยนต์ดีเซลเท่านั้น โดยน้ำมันดีเซลที่เป็นที่นิยมใช้กันส่วนมาก ก็คือ “น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว” โดยจะมีสีเหลืองอ่อน โดยเป็นสีของน้ำมันดีเซลดั้งเดิมที่ได้มาจากการกลั่น
น้ำมันดีเซล มีอะไรบ้าง?
ในปัจจุบันน้ำมันดีเซลที่จำหน่ายในปั๊ม และสถานบริการน้ำมันที่ได้มาตรฐาน จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทด้วยกัน ได้แก่
- น้ำมันดีเซล
น้ำมันดีเซลที่จำหน่ายในปัจจุบัน เป็นน้ำมันดีเซลชนิด B10 หรือน้ำมันดีเซลที่มีส่วนผสมของน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ (ไบโอดีเซล) 10% กับน้ำมันดีเซล 90% ซึ่งในอดีตเราเรียกน้ำมันชนิดนี้ว่า ดีเซล B10 ก่อนที่กรมธุรกิจพลังงานจะได้มีการประกาศเปลี่ยนชื่อน้ำมันดีเซลดังกล่าว เมื่อปี 2563 เพื่อกำหนดให้ใช้เป็นน้ำมันดีเซลมาตรฐานของไทย ซึ่งจะช่วยเพิ่มการใช้น้ำมันปาล์มภายในประเทศให้มากยิ่งขึ้น และยังดีกับสิ่งแวดล้อมมากกว่าด้วย
- น้ำมันดีเซล B7
น้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่มีส่วนผสมของน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ 7% กับน้ำมันดีเซล 93% ซึ่งเดิมทีเคยเป็นน้ำมันดีเซลพื้นฐานของไทย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นน้ำมันดีเซล B10 เช่นในปัจจุบัน
- น้ำมันดีเซล B20
น้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่มีส่วนผสมของน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ 20% กับน้ำมันดีเซล 80% จึงทำให้มีราคาถูกกว่าน้ำมันดีเซลประเภทอื่นๆ ซึ่งนิยมใช้ในกลุ่มรถบรรทุกขนาดใหญ่ เนื่องจากต้องใช้น้ำมันในปริมาณมาก แน่นอนว่ารถกระบะทั่วไปก็สามารถใช้ได้เช่นกัน
เติมคุ้มกับบัตรเครดิต KTC เมื่อเติมน้ำมันที่ปั๊ม PT
สำหรับน้ำมันดีเซลทั้ง 3 ประเภทนั้น สามารถเติมได้ตามสถานบริการน้ำมันที่ได้มาตรฐาน ซึ่งอาจจะมีให้บริการครบทุกประเภท หรือบางประเภทนั้น ขึ้นอยู่กับสถานีบริการนั้นๆ แต่ที่สำคัญคือก่อนเติมน้ำมันทุกครั้ง รับความคุ้มค่าแน่นอนสำหรับสมาชิกบัตรเครดิต KTC เมื่อเติมน้ำมันที่ปั๊ม PT ตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป/เซลส์สลิป ทุกสาขาที่ร่วมรายการทั่วไทย รับเงินคืน 12% เมื่อใช้คะแนน KTC FOREVER แลกเท่ายอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป สามารถแลกได้ไม่จำกัด สิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิกบัตรเครดิต KTC เท่านั้น
ประโยชน์ของน้ำมันดีเซลเกรดพรีเมี่ยม
ในปัจจุบันที่ได้มีการพัฒนาน้ำมันดีเซลให้มีคุณภาพ โดยการเพิ่มสารต่างๆ เข้าไปเพื่อตอบสนองกับรถยนต์สมรรถภาพสูงอย่างรถสปอร์ตหรือรถหรู และจะมีราคาสูงกว่าน้ำมันดีเซลทั่วไป ซึ่งมาพร้อมประโยชน์ที่แตกต่างจากน้ำมันดีเซลทั่วไปอย่างไร มาดูกัน
- เพิ่มสมรรถนะในการขับขี่
เนื่องจากมีค่าซีเทนที่อยู่ในระดับที่เหมาะกับเครื่องยนต์ และมีการเสริมสารต่างๆ เข้าไป เพื่อทำให้เครื่องยนต์สามารถใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมถึงช่วยดึงสมรรถนะของเครื่องยนต์ให้ใช้ได้อย่างเต็มแรงม้า
- ลดการปล่อยมลพิษ
เนื่องจากมีการใช้สมรรถนะเครื่องยนต์อย่างเต็มประสิทธิภาพ จึงช่วยลดการปล่อยมลพิษ และปล่อยพลังงานที่สะอาดมากยิ่งขึ้น
- ยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์
ด้วยเพราะมีการใช้เครื่องยนต์อย่างเต็มสมรรถนะ เกิดการเผาไหม้พลังงานที่สะอาด ที่จะช่วยให้เครื่องยนต์ไร้สิ่งตกค้าง จึงช่วยยืดอายุการใช้งานเครื่องยนต์ได้ด้วยนั่นเอง
แลก รับ คุ้มกว่า! โปรโมชั่น ที่ปั๊มเชลล์ กับบัตรเครดิต KTC
สำหรับน้ำมันดีเซลพรีเมี่ยม จะมีให้บริการในบางปั๊มเท่านั้น ซึ่งปั๊มเชลล์ในบางสาขามีให้บริการสำหรับใครที่อยากสัมผัสประสบการณ์น้ำมันดีเซลคุณภาพระดับพรีเมี่ยม ยิ่งเป็นสมาชิกบัตรเครดิต KTC เมื่อเติมน้ำมันผ่านบัตรฯ ครบทุก 900 บาท/เซลส์สลิป และใช้คะแนน KTC FOREVER แลกทุก 900 คะแนน รับเงินคืน 13% พร้อมคะแนน KTC FOREVER x3 เมื่อใช้บริการที่ปั๊มเชลล์ เติมน้ำมันคุณภาพ พร้อมรับความคุ้มแบบ 2 ต่อ เฉพาะสมาชิกบัตรเครดิต KTC เท่านั้น
น้ำมันเบนซิน คืออะไร สีอะไร?
น้ำมันเบนซิน (Gasoline) เป็นเชื้อเพลิงที่ได้จากการกลั่นในส่วนที่เบาที่สุด โดยจะต้องมีการเพิ่มคุณภาพให้มากยิ่งขึ้นด้วยการใส่ค่าออกเทนเพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะแบ่งตามประเภทการใช้งานได้แก่ น้ำมันเบนซินสำหรับรถยนต์ (Motor Gasoline) และน้ำมันเบนซินสำหรับอากาศยาน (Aviation Gasoline) โดยจะมีสีเหลืองอ่อน ซึ่งเป็นสีดั้งเดิมที่ได้จากการกลั่น
น้ำมันเบนซินที่ใช้ในรถยนต์ของไทยมีจำหน่ายตามปั๊มน้ำมันทั่วไป
น้ำมันเบนซิน มีอะไรบ้าง?
น้ำมันเบนซินที่ใช้ในรถยนต์ของประเทศไทยที่มีการจำหน่ายตามปั๊มน้ำมันทั่วไป ปัจจุบันสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่
- น้ำมันเบนซิน
น้ำมันเบนซินที่เรียกกันติดปากเป็นน้ำมันเบนซินที่มีค่าออกเทน 91 หรือเรียกอีกชื่อว่าเบนซิน 91 ส่วนอีกประเภทคือน้ำมันเบนซิน 95 หรือเบนซินไร้สารตะกั่ว เป็นน้ำมันเบนซินที่มีค่าออกเทน 95 ซึ่งในปัจจุบันปั๊มน้ำมันในประเทศไทยส่วนใหญ่ได้ยกเลิกการจำหน่ายเบนซิน 95 ไปแล้ว
- แก๊สโซฮอลล์
ปัจจุบันรถยนต์ส่วนใหญ่นิยมใช้แก๊สโซฮอลล์กันมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีราคาถูกกว่าน้ำมันเบนซิน แต่ยังคงประสิทธิภาพได้ตามมาตรฐาน และสามารถใช้แทนน้ำมันเบนซินได้ตามปกติ โดยสามารถแบ่งแก๊สโซฮอลล์ได้อีก 3 ประเภท ตามการผสมดังนี้
- แก๊สโซฮอลล์ 91
คือเชื้อเพลิงที่เกิดจากการผสมระหว่างน้ำมันเบนซิน 91 อัตราส่วน 90% กับเอทานอลหรือเอทิลแอลกอฮอล์ 10% โดยยังคงคุณภาพเหมือนเบนซิน และไม่มีผลต่อสมรรถนะของเครื่องยนต์ สามารถเติมแทนน้ำมันเบนซินได้เลย โดยจะมีการใส่สีเขียว เพื่อใช้แยกประเภทน้ำมันตามข้อกำหนดของกรมธุรกิจพลังงาน
- แก๊สโซฮอลล์ 95
เชื้อเพลิงที่เกิดจากการผสมน้ำมันเบนซิน 95 อัตราส่วน 90% กับเอทานอลหรือเอทิลแอลกอฮอล์ 10% เพื่อใช้แทนน้ำมันเบนซิน 95 โดยสามารถใช้ได้เลย ไม่ต้องปรับแต่งเครื่องยนต์ และไม่ส่งผลต่อสมรรถนะของเครื่องยนต์แต่อย่างใด ซึ่งจะมีการใส่สีส้ม เพื่อใช้แยกประเภทน้ำมันตามข้อกำหนดของกรมธุรกิจพลังงาน
- แก๊สโซฮอล์ E20
เชื้อเพลิงที่เกิดจากการผสมน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่ว อัตราส่วน 90% กับเอทานอลหรือเอทิลแอลกอฮอล์ 10% โดยจะมีการใส่สีน้ำตาล เพื่อใช้แยกประเภทน้ำมันตามข้อกำหนดของกรมธุรกิจพลังงาน
- แก๊สโซฮอล์ E85
ถือได้ว่าเป็นเชื้อเพลิงที่เกิดขึ้นล่าสุด เพื่อช่วยลดการใช้น้ำมันเบนซิน โดยจะมีการผสมน้ำมันเบนไร้สารตะกั่ว อัตราส่วน 80% กับเอทานอลหรือเอทิลแอลกอฮอล์ 20% ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเชื้อเพลิงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากมีการปล่อยมลพิษน้อยกว่าเมื่อเทียบกับน้ำมันเบนซินทั่วไป ซึ่งจะมีการใส่สีม่วง เพื่อใช้แยกประเภทน้ำมันตามข้อกำหนดของกรมธุรกิจพลังงาน
ประโยชน์ของน้ำมันเบนซินเกรดพรีเมี่ยม
น้ำมันเบนซินเกรดพรีเมี่ยม ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนรักรถยนต์ ด้วยการเพิ่มสารต่างๆ ในการดึงสมรรถนะของเครื่องยนต์ให้สามารถทำงานได้เต็มกำลัง โดยคุณสมบัติและประโยชน์ของน้ำมันเบนซินที่โดดเด่นมีดังนี้
- ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น
ด้วยสารต่างๆ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาไหม้พลังงานในเครื่องยนต์ ทำให้ลดอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ทำให้สามารถวิ่งได้ในระยะทางที่ไกลมากขึ้นเมื่อเทียบกับน้ำมันเบนซินทั่วไป จึงทำให้ประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น
- เพิ่มอัตราเร่งในเครื่องยนต์
จากการพัฒนาสูตรและเพิ่มสารเคมีที่ช่วยดึงประสิทธิภาพในการเร่งให้เครื่องยนต์สามารถเผาไหม้ได้อย่างสมบูรณ์ จึงทำให้รถยนต์แรง วิ่งได้เต็มแรงม้า ขับสนุก ลื่นไหลมากกว่าเดิม
- ช่วยให้เครื่องยนต์สะอาด ยืดอายุการใช้งาน
ด้วยสูตรที่ถูกพัฒนาเพื่อให้เครืองยนต์สามารถเผาไหม้ได้อย่างสมบูรณ์ พร้อมทั้งทำความสะอาดเครื่องยนต์ไปในตัว ทำให้เครื่องยนต์สะอาด ช่วยรักษาและยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ได้ยาวนานยิ่งขึ้น
แลกคะแนนรับเครดิตเงินคืนคุ้มสุด กับบัตรเครดิต KTC ที่ปั๊ม Caltex
น้ำมันเบนซินเกรดพรีเมี่ยม ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนรักรถยนต์ และต้องการเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ ซึ่งหากใครอยากสัมผัสประสบการณ์ขับรถที่ดียิ่งขึ้น ก็สามารถลองใช้บริการได้ตามปั๊มน้ำมันชั้นนำ รวมไปถึงปั๊มน้ำมันคาลเท็กซ์ ก็มีให้บริการด้วยเช่นกัน พร้อมรับเครดิตเงินคืน 15% เมื่อเติมน้ำมันผ่านบัตรฯ ครบ 900 บาทขึ้นไป/เซลส์สลิป โดยใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่าย เมื่อเติมน้ำมันที่ปั๊มน้ำมันคาลเท็กซ์ เฉพาะสมาชิกบัตรเครดิต KTC เท่านั้น
หวังว่าจะได้ความรู้เกี่ยวกับน้ำมันเบนซินและดีเซล และสามารถเลือกใช้ได้ตรงตามต้องการของเครื่องยนต์ ที่สำคัญสำหรับสมาชิกบัตรเครดิต KTC รับสิทธิพิเศษ กับโปรโมชั่นจากปั๊มชั้นนำที่ร่วมรายการมากมาย ใครอยากรับสิทธิพิเศษ และส่วนลดดีๆ แบบนี้ สมัครบัตรเครดิต KTC ออนไลน์ พร้อมรับสิทธิพิเศษได้เลย
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC