ราคาน้ำมันวันนี้ ปัจจัยก่อให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ
วิกฤตการณ์ราคาน้ำมัน คือช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายของตลาดพลังงานโลก ที่ได้มีการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของราคาน้ำมัน วิกฤตินี้มักเกิดจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ การหยุดชะงักของอุปทาน และความต้องการทรัพยากรพลังงานที่เพิ่มขึ้น ผลกระทบของสถานการณ์ดังกล่าวไปกระทบกับเศรษฐกิจโลก ทำให้ราคาเชื้อเพลิงสูงขึ้น แรงกดดันด้านเงินเฟ้อ และผลกระทบต่ออุตสาหกรรมที่พึ่งพาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมเป็นอย่างมาก วิกฤติการณ์ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นยังตอกย้ำความสำคัญอย่างยิ่งยวดของการกระจายแหล่งพลังงาน การลงทุนในทางเลือกแหล่งพลังงานทดแทน และการใช้มาตรการอนุรักษ์พลังงานเพื่อบรรเทาความเปราะบางของประเทศจากความผันผวนของราคาน้ำมัน และป้องกันผลกระทบทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้น
น้ำมันราคาขึ้น-ลง ในประเทศไทยสาเหตุหลักมาจากอะไร
1. อุปสงค์น้ำมันทั่วโลก หนึ่งในปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลต่อราคาน้ำมันคืออุปสงค์ทั่วโลก หากมีความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นเนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจหรือการบริโภคที่เพิ่มขึ้น ราคาน้ำมันก็มักจะมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นตามไปด้วย
2. การหยุดชะงักของอุปทาน การหยุดชะงักใด ๆ ในการจัดหาน้ำมันทั่วโลก เช่น ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ภัยธรรมชาติ หรือปัญหาด้านการผลิต อาจส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน ประเทศไทยพึ่งพาการนำเข้ามาก ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงของอุปทานทั่วโลกอาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อราคาน้ำมันภายในประเทศ
3. อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา สำหรับประเทศไทย ราคาน้ำมันจะอ้างอิงราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ตลาดสิงคโปร์ หรือ Singapore International Monetary Exchange (SIMEX) โดยสิงคโปร์เป็นผู้ส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย โดยอาศัยการนำเข้าน้ำมันดิบมากลั่นเป็นน้ำมันสำเร็จรูปแล้วส่งออก ด้วยเหตุนี้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ตลาดสิงคโปร์จึงเป็นราคาที่สะท้อนอุปสงค์และอุปทานของประเทศไทยด้วยนั่นเอง
4. นโยบายของรัฐบาล นโยบายของรัฐบาลและภาษีนำเข้าน้ำมันสามารถมีอิทธิพลต่อราคาขายปลีกสุดท้ายของน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศไทย การอุดหนุน การเก็บภาษี และการตัดสินใจด้านกฎระเบียบมีส่วนทำให้ราคาสูงขึ้นหรือต่ำลงได้
5. สภาวะตลาดโลก ราคาน้ำมันของไทยยังได้รับอิทธิพลจากตลาดน้ำมันระหว่างประเทศ ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น การตัดสินใจของ OPEC (องค์กรร่วมประเทศผู้ผลิตน้ำมันเพื่อการส่งออก) การเปลี่ยนแปลงของน้ำมันสำรอง และแนวโน้มเศรษฐกิจโลก
6. ต้นทุนการขนส่งและการกระจาย ต้นทุนการขนส่งและกระจายน้ำมันจากตลาดโลกไปยังผู้บริโภคในท้องถิ่นอาจส่งผลต่อราคาขายปลีกขั้นสุดท้าย ส่งผลให้ผู้บริโภคหน่วยครัวเรือนต้องซื้อน้ำมันในราคาแพงขึ้น
7. การเก็งกำไร การเก็งกำไรทางการเงินในตลาดน้ำมัน อาจทำให้ราคาน้ำมันผันผวนในระยะสั้นได้เช่นกัน
ดังที่กล่าวมาข้างต้นล้วนเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่เพิ่มสูงขึ้นที่ทุกประเทศที่นำเข้าน้ำมันเป็นหลักต้องเผชิญรวมถึงประเทศไทยด้วย อย่างไรก็ตามในส่วนไทยนั้นยังมีอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาน้ำมันโดยตรงนั่นก็คือ ระบบโครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมันภายในประเทศ
โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมันภายในประเทศไทยประกอบด้วยอะไรบ้าง
เมื่อราคาน้ำมันในตลาดโลกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศไทยก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า โครงสร้างราคาน้ำมันขายปลีกในแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน สำหรับประเทศไทยราคาน้ำมันขายปลีกหน้าปั๊มน้ำมัน อาทิ ปั๊มปตท. ปั๊มน้ำมันบางจาก หรือปั๊มน้ำมัน PT นั้นประกอบด้วย 4 กลุ่มหลัก คือ ต้นทุนเนื้อน้ำมัน ภาษี เงินกองทุน และค่าการตลาด เพราะฉะนั้น ราคาน้ำมัน 1 ลิตร ที่ขายในหน้าปั๊ม จึงประกอบด้วยค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ดังนี้
1. ค่าต้นทุนจาก ราคาเนื้อน้ำมัน
น้ำมันสำเร็จรูปที่ผลิตจากโรงกลั่น มีความผันผวนไปตามราคาน้ำมันในตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาน้ำมันที่ขายหน้าปั๊มแพงขึ้น
2. ค่าภาษีน้ำมัน
การจัดเก็บภาษีน้ำมัน ในประเทศไทยมีอยู่ทั้งหมด 3 ประเภท คือ
- ภาษีสรรพสามิต จัดเก็บโดยกระทรวงการคลังตาม พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต ซึ่งมีวัตถุประสงค์ใช้เพื่อพัฒนาประเทศ
- ภาษีเทศบาล จัดเก็บโดยกระทรวงการคลัง ในอัตรา 10% ของภาษีสรรพสามิต ตาม พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต มาตรา 150 ซึ่งเงินที่ได้จากภาษีนี้จะส่งให้กระทรวงมหาดไทยเพื่อใช้ในการพัฒนาท้องถิ่น
- ภาษีมูลค่าเพิ่ม จัดเก็บ 7% ของราคาขายส่งน้ำมันเชื้อเพลิง และอีก 7% ของค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงแต่ละชนิด
3. ค่ากองทุนน้ำมัน
- เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ถูกสร้างขึ้นตามประกาศของคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เพื่อควบคุมราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศให้อยู่ในสภาพเสถียรและไม่เกิดความผันผวน
- เงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานถูกเก็บรวบรวมตามประกาศของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมพลังงานทางเลือกและพลังงานทดแทนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงาน
4. ค่าการตลาด
ค่าการตลาดของธุรกิจค้าปลีกน้ำมันทั้งระบบคือ ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในกระบวนการดำเนินธุรกิจนำมาจากการจัดการคลังน้ำมันและการขนส่งน้ำมันมายังสถานีบริการ รวมถึงกำไรที่ได้รับจากการให้บริการของสถานีบริการที่เติมน้ำมันแต่ละลิตรให้กับประชาชน
น้ำมันราคาแพง ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างไร
น้ำมันแพง ส่งผลกระทบอย่างมากต่อต้นทุนทางธุรกิจ
สถานการณ์น้ำมันราคาแพง ย่อมส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจในรูปแบบต่างๆ ประการแรก ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นส่งผลกระทบโดยตรงต่อต้นทุนการขนส่ง ทำให้ราคาสินค้าและบริการสูงขึ้น เนื่องจากน้ำมันเป็นวัตถุดิบพื้นฐานในการผลิตและจำหน่ายสินค้าเกือบทั้งหมด ค่าใช้จ่ายในการขนส่งที่สูงขึ้นจึงส่งต่อไปยังผู้บริโภค ซึ่งนำไปสู่แรงกดดันด้านเงินเฟ้อ การเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อสามารถบั่นทอนกำลังซื้อของผู้บริโภค ลดความสามารถในการจับจ่ายซื้อของที่ไม่จำเป็นและส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวม นอกจากนี้ อุตสาหกรรมที่ต้องพึ่งพาน้ำมันอย่างมาก เช่น สายการบิน โรงไฟฟ้า ธุรกิจขนส่งและธุรกิจโลจิสติกส์ รวมถึงธุรกิจที่มี Supply Chain ที่เกี่ยวข้องต้องเผชิญกับต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรลดลง
ประการที่สอง น้ำมันราคาแพงอาจส่งผลกระทบต่อภาคส่วนที่ต้องพึ่งพาพลังงาน เช่น เกษตรกรรม การผลิต และการก่อสร้าง เนื่องจากต้องพึ่งพาแหล่งพลังงานจากน้ำมันเป็นส่วนใหญ่ ต้นทุนด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้นอาจนำไปสู่การลดการผลิตและการลงทุนในอุตสาหกรรมเหล่านี้ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ น้ำมันราคาแพงยังส่งผลกระทบต่อประเทศที่พึ่งพาการนำเข้าน้ำมันอย่างมาก ซึ่งนำไปสู่ความไม่สมดุลทางการค้าและการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ในประเทศผู้นำเข้าน้ำมัน ต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้นยังสามารถสร้างแรงกดดันให้รัฐบาลลดเงินอุดหนุนหรือใช้มาตรการรัดเข็มขัด ซึ่งส่งผลกระทบต่อโครงการสวัสดิการสังคมและบริการสาธารณะอีกด้วย
โดยสรุปแล้วจะเห็นได้ว่ามีปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกันอันเป็นสาเหตุของราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ทุกคนต่างต้องการน้ำมันในราคาที่ถูกที่สุด แต่ต้องมีความเข้าใจปัจจัยรอบด้านอย่างถูกต้อง ซึ่งไม่เพียงแค่ประเทศไทยที่พบกับปัญหาราคาน้ำมันแพงเท่านั้น หลายประเทศก็เผชิญกับสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกัน แต่เนื่องจากประเทศไทยไม่เป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ จึงต้องพบกับความผันผวนของราคาน้ำมันในตลาดโลก
ในช่วงวิกฤติน้ำมันเชื้อเพลิงราคาแพง ส่งผลให้ผู้ใช้รถได้รับผลกระทบโดยตรง ต้องแบกรับภาระรายจ่ายจากค่าน้ำมันที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามสำหรับท่านใดที่เป็นสมาชิกบัตรเครดิต KTC เติมน้ำมันที่สถานบริการที่ร่วมรายการ รับสิทธิพิเศษที่มากกว่า อาทิ ส่วนลด เครดิตเงินคืน แลกรับ e-Coupon เพื่อแลกซื้อสินค้า นอกจากนี้สมาชิกบัตรเครดิต KTC - BANGCHAK VISA PLATINUM รับความคุ้มค่าเพิ่มมากขึ้นด้วยส่วนลด 1% ที่สถานีบริการน้ำมันบางจาก สามารถสอบถามรายละเอียดบัตรเครดิต เติมน้ำมัน 2566 เพิ่มเติมได้ที่ KTC PHONE 02 123 5000 หรือคลิกดูโปรโมชั่นได้ที่ลิงก์ด้านล่าง