เพราะการใช้สาธารณูปโภคเป็นค่าใช้จ่ายรายเดือนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และควบคุมค่าใช้จ่ายได้ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ไฟฟ้า แต่คุณสามารถลดค่าไฟได้ไม่ยาก เพราะปัจจุบันนี้มีเทคโนโลยีทันสมัยมากมายที่ช่วยประหยัดค่าไฟ อย่างเช่น หลอดประหยัดไฟ โซล่าเซลล์ หรือระบบ Inverter เป็นต้น ลองนำ 20 วิธีประหยัดไฟฟ้าอย่างชาญฉลาดดังต่อไปนี้มาปรับใช้ รับรองเลยว่าวิธีเหล่านี้จะช่วยให้คุณประหยัดค่าไฟได้ตั้งแต่เดือนแรกแน่นอน
การติดตั้งแผงโซล่าเซลล์เป็นวิธีลดค่าไฟต่อเดือนที่เห็นผลจริง
1.ใช้หลอดไฟ LED
หลอดไฟ LED เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับการประหยัดไฟ เนื่องจากใช้พลังงานน้อยกว่าหลอดไส้ถึง 90% และมีอายุการใช้งานยาวนานกว่าถึง 25 เท่า แม้จะใช้พลังงานน้อยกว่า แต่หลอด LED ให้ความสว่างเทียบเท่าหลอดไส้มาตรฐาน และยังมีรูปทรงให้เลือกหลากหลาย จึงเป็นตัวเลือกที่ทั้งประหยัดและปลอดภัยกว่าหลอดไส้แบบเดิม
2.เลือกใช้ปลั๊กไฟอัจฉริยะ
“ปลั๊กไฟอัจฉริยะ” ถูกออกแบบมาเพื่อควบคุมเวลาการเปิด - ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าตามที่ต้องการ การใช้งานไม่ยุ่งยากแค่เสียบปลั๊กเข้ากับเต้าปลั๊กทั่วไป จากนั้นก็ตั้งเวลาเปิด - ปิดจากตัวปลั๊กโดยตรง หรือในหลายรุ่นก็เพิ่มความสะดวกให้สามารถสั่งงานผ่านเสียงได้ รวมถึงเพิ่มการควบคุมผ่านแอปฯ ในสมาร์ทโฟน การใช้ปลั๊กไฟอัจฉริยะมีประโยชน์หลายอย่าง ทั้งประหยัดค่าไฟ ช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องใช้ไฟฟ้า ไปจนถึงเพิ่มความปลอดภัยต่อระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์เครื่องไฟฟ้า
3.ใช้ระบบสมาร์ทโฮม
“สมาร์ทโฮม” เทคโนโลยีบ้านอัจฉริยะ นวัตกรรมที่ได้รับความนิยมมาก เป็นการนำเอาซอฟต์แวร์มาพัฒนาให้เชื่อมต่อกับระบบอัตโนมัติภายในบ้าน สามารถควบคุมระบบได้จากระยะไกลแบบเรียลไทม์ผ่านสมาร์ทโฟนหรือคำสั่งเสียง เพื่อควบคุมไฟ ระบบทำความเย็น และเครื่องใช้ภายในบ้าน สามารถปรับแต่งเพื่อลดการใช้พลังงานได้ทันที
4.ติดตั้งแผงโซล่าเซลล์
แนะนำติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ที่เห็นผลจริง และช่วยประหยัดค่าไฟไปได้มาก ถึงแม้ว่าโซล่าเซลล์จะมีราคาที่ค่อนข้างสูง แต่ถ้าเทียบกับการใช้งานระยะยาว รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอน นอกจากนั้นการติดแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้าน ยังช่วยปกป้องและสะท้อนความร้อนจากดวงอาทิตย์ ช่วยลดอุณหภูมิภายในบ้าน ลดการทำงานหนักของเครื่องปรับอากาศ สำหรับสมาชิกบัตรเครดิต KTC ที่ต้องการติดโซล่าเซลล์ แนะนำโปรโมชั่นติดโซล่าเซลล์กับ PSI Corporation กับบัตรเครดิต KTC โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน
- รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 30,500 บาท / สมาชิกบัตร / เดือน
- ระยะเวลาโปรโมชั่น : 15 ม.ค. 68 - 30 มิ.ย. 68
ยอดผ่อนชำระต่อเซลส์สลิป |
รับเครดิตเงินคืน |
40,000 – 69,999 บาท |
250 บาท |
70,000 – 99,999 บาท |
820 บาท |
100,000 – 249,999 บาท |
1,300 บาท |
250,000 – 349,999 บาท |
3,250 บาท |
350,000 – 449,999 บาท |
4,550 บาท |
450,000 บาทขึ้นไป |
6,100 บาท |
หรือติดตั้งโซล่าเซลล์กับ A SOLAR กับบัตรเครดิต KTC และบัตรกดเงินสด KTC PROUD
สิทธิประโยชน์ที่ 1
- สำหรับบัตรกดเงินสด KTC PROUD ผ่อน 0% นานสูงสุด 15 เดือน (ไม่สามารถร่วมรายการรับเครดิตเงินคืนได้)
- สำหรับบัตรเครดิต KTC ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 30,500 บาท / สมาชิกบัตร / เดือน
สิทธิประโยชน์ที่ 2
แลกคะแนนรับเครดิตเงินคืน 13% ทุกการใช้จ่ายทั้งชำระเต็มจำนวน และผ่อนชำระตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป ใช้คะแนน KTC FOREVER ตั้งแต่ 1,000 คะแนนขึ้นไป แต่ไม่เกินยอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป
- ระยะเวลาโปรโมชั่น: 15 ม.ค. 68 - 30 มิ.ย. 68
5.เลือกฉลากประหยัดไฟ
วิธีที่ง่ายที่สุดในการประหยัดพลังงานไฟฟ้า คือการเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ซึ่งฉลากนี้จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับประเภทผลิตภัณฑ์ ยี่ห้อ รุ่น ขนาด ปริมาณการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ค่าไฟฟ้าที่ใช้ต่อปี สัญลักษณ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ค่าประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ โดยใช้เลข 1 - 5 เพื่อบ่งบอกถึงประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงาน อีกทั้งยังมี QR Code ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จะช่วยลดค่าไฟได้ทันทีและในระยะยาว
6.บอกลาเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่า
โดยทั่วไปแล้ว อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ภายในบ้าน เช่น เครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำอุ่น ตู้เย็น และไมโครเวฟ จะมีอายุการใช้งานโดยเฉลี่ยประมาณ 10-12 ปี เมื่อใช้งานไปนานๆ ประสิทธิภาพการทำงานย่อมลดลงและกินไฟมากขึ้น จึงควรเปลี่ยนใหม่ อุปกรณ์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ มักมีการออกแบบที่ล้ำสมัย มีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ เช่น แอมป์ อินเวอร์เตอร์ ระบบการตัด ฯลฯ ซึ่งช่วยให้ประหยัดไฟและมีความปลอดภัยในการใช้งานมากขึ้น
7.ปิดโหมดสแตนด์บาย
เครื่องใช้ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ต่างๆ เมื่อเข้าสู่โหมดสแตนด์บาย ก็ยังคงใช้พลังงานเล็กน้อย เพื่อจ่ายไฟให้กับส่วนประกอบบางส่วนของอุปกรณ์อย่าง เช่น โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก เครื่องเล่นเกม ไมโครเวฟ ลำโพงอัจฉริยะและอุปกรณ์สมาร์ทโฮม กล่องรับสัญญาณและเครื่องบันทึก รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีระบบตั้งเวลา หรือระบบปิดเครื่องอัตโนมัติ ให้ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าหลังใช้งาน หรือเมื่อไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานาน รวมถึงถอดปลั๊กออก อาจช่วยลดการใช้ไฟฟ้าภายในบ้านได้ถึง 3%
8.หมั่นบำรุงรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้า
การดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น พัดลม เครื่องดูดฝุ่น หรือเครื่องฟอกอากาศ จะช่วยให้ระบบไฟฟ้าทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และมีความพร้อมในการใช้งานอยู่เสมอ ยืดอายุการใช้งาน และใช้พลังงานในการทำงานน้อยลง ส่งผลให้ประหยัดไฟได้มากในระยะยาว อีกทั้งยังเป็นการป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากระบบไฟฟ้าโดยไม่คาดคิด
9.เลือกระบบ Inverter
ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้ระบบ Inveter จะช่วยประหยัดไฟได้เป็นอย่างดี โดยเวลาเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า ให้เลือกรุ่นที่ระบุว่า Inveter เพราะเป็นระบบที่ช่วยสลับไฟฟ้ากระแสตรง มาเป็นกระแสสลับ ทำให้สามารถปรับกำลังการทำงานให้เหมาะสมกับความต้องการในแต่ละช่วงเวลา จึงช่วยประหยัดไฟได้
10.ใช้แสงธรรมชาติ
แสงธรรมชาติเป็นหนึ่งในทรัพยากรที่มีค่า และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย การออกแบบและจัดการพื้นที่ภายในบ้านให้เหมาะสม จะช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้อีกทางหนึ่ง อย่างเช่น แสงจากทิศเหนือที่มีความนุ่มนวลและไม่ร้อน เหมาะกับห้องนั่งเล่นหรือห้องทำงาน แสงยามเช้าทางทิศตะวันออกเหมาะสำหรับห้องนอน ส่วนทิศใต้และทิศตะวันตกได้รับแสงมาก แต่ก็ร้อนมากเช่นกัน การเปิดหน้าต่างช่วยให้แสงและลมหมุนเวียนเข้ามาในบ้านได้อย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันก็ช่วยประหยัดค่าไฟได้ด้วย
11.ติดม่านกรองแสง UV
แนะนำให้เลือกติดม่านกรองแสง UV บริเวณบ้านที่แสงแดดส่อง อย่างเช่น ห้องที่อยู่ทิศตะวันตก หรือทิศตะวันออก นอกจากจะช่วยลดการแผ่รังสีความร้อนจากภายนอก และจากผิวกระจกเข้ามาสู่ตัวคนโดยตรง ยังช่วยสะท้อนความร้อนกลับออกไปได้ด้วย นอกจากนี้การใช้ผ้าม่านสีเข้มยังช่วยในการรักษาความเย็นในห้องโดยรวมได้
12.ติดฉนวนกันความร้อน
การติดฉนวนกันความร้อนบนหลังคา หรือฝ้าเพดานแบบมีฉนวน จะช่วยให้บ้านของคุณอบอุ่นในฤดูหนาวและเย็นสบายในฤดูร้อน อีกทั้งประหยัดไฟฟ้า ผลพลอยได้อื่นๆ อย่างเช่น ลดเสียงรบกวนจากภายนอก ป้องกันฝุ่นละอองและแมลง และควบคุมความชื้นได้ดีขึ้น แนะนำให้ติดตั้งฉนวนกันความร้อนเพิ่ม ตั้งแต่ขั้นตอนการสร้าง หรือต่อเติมบ้าน
13.ใช้เครื่องปรับอากาศให้ถูกวิธี
เครื่องปรับอากาศ นับเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟเป็นอันดับต้นๆ วิธีประหยัดไฟก็มีหลายวิธี เช่น ตั้งอุณหภูมิเครื่องไว้ที่ 26 - 28 องศาเซลเซียส และเปิดพัดลมคู่กันไป โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อน ให้ถ่ายเทความร้อนด้วยการเปิดหน้าต่างหรือประตูก่อนเปิดแอร์ประมาณ 15 นาที ตั้งเวลาเปิด - ปิดแอร์ ล้างแอร์ปีละ 2 ครั้ง วางคอมเพรสเซอร์ในที่ร่ม ลมถ่ายเทสะดวก และตั้งห่างจากผนังอย่างน้อย 15 เซนติเมตร
14.ให้ความสำคัญกับตู้เย็น
หนึ่งในเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟมากที่สุดก็คือ “ตู้เย็น” เพราะถ้าหากคุณใช้ตู้เย็นรุ่นเก่า และไม่มีเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยประหยัดไฟ ตู้เย็นก็จะกลายเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟอันดับแรกๆ ของบ้านอย่างแน่นอน แนะนำให้เลือกตู้เย็นที่มีระบบประหยัดไฟ ประหยัดพลังงาน หรือเลือกขนาดตู้เย็นให้เหมาะกับการใช้งานมากที่สุด
15.ลดพลังงานขณะทำอาหาร
คุณสามารถทำครัวประหยัดไฟ ด้วยเคล็ดลับง่ายๆ เช่น การเลือกใช้หม้อทอดไร้น้ำมันแทนเตาอบ หรือหลีกเลี่ยงการวอร์มเตาอบโดยไม่จำเป็น หรือใช้วิธีการปิดเตาอบก่อนเวลาประมาณ 5 นาที เพื่อช่วยประหยัดไฟ รวมถึงอย่าลืมถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวที่ไม่ใช้แล้ว อย่างเช่น เตาไมโครเวฟ หรือกาน้ำร้อน
16.เลือกเครื่องทำน้ำอุ่นประหยัดไฟ
เวลาเลือกซื้อเครื่องทำน้ำอุ่น แนะนำให้ซื้อรุ่นที่มีเทคโนโลยีช่วยประหยัดไฟ หรือเลือกขนาดให้เหมาะสมกับการใช้งาน เพราะเครื่องทำน้ำอุ่นขนาดใหญ่ยิ่งเปลืองไฟ อีกทั้งยังควรเลือกประเภทหม้อต้มให้เหมาะกับจุดประสงค์การใช้งาน เพราะหม้อต้มแต่ละประเภทจะใช้ระยะเวลาในการทำความร้อนแตกต่างกัน
17.ใช้เครื่องซักผ้าอย่างชาญฉลาด
แม้ว่าเครื่องซักผ้าในปัจจุบันจะประหยัดพลังงาน ใช้น้ำและไฟฟ้าน้อยกว่าเครื่องซักผ้ารุ่นเก่าๆ แต่การใช้งานอย่างเหมาะสมก็ช่วยประหยัดพลังงานได้อีกทางหนึ่ง อย่างเช่น การซักผ้าด้วยอุณหภูมิน้ำปกติ ใช้โหมดซักด่วนสำหรับผ้าจำนวนน้อยหรือสกปรกไม่มาก รวมถึงการตากผ้าให้แห้งด้วยแดดตามธรรมชาติ แทนการอบผ้า เป็นต้น
18.งดใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็น
ถ้าหากไม่มีความจำเป็น แนะนำให้งดใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็น อย่างเช่น เครื่องล้างจาน เครื่องอบผ้า เครื่องทำน้ำแข็ง หรืออื่นๆ อีกมากมาย เพราะบางกิจกรรมคุณสามารถทำได้เอง แต่อาจจะต้องพิจารณาถึงความเหมาะสม เพราะเครื่องใช้ไฟฟ้าส่วนใหญ่จะช่วยทุ่นแรงได้เป็นอย่างดี
19.ปิดประตูให้สนิท
วิธีหนึ่งที่จะช่วยประหยัดค่าไฟ คือการปิดประตูหน้าต่างให้สนิท รวมถึงการอุดรอยรั่วต่างๆ รอบกรอบประตูหน้าต่าง เพื่อป้องกันความร้อนและลมภายนอก ไม่ให้เข้ามาภายในห้องหรืออาคาร ซึ่งจะช่วยลดการใช้พลังงาน ทำให้เครื่องปรับอากาศไม่ต้องทำงานหนัก ประหยัดค่าไฟ และยังช่วยปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในอาคาร ลดมลภาวะทางเสียงได้อีกด้วย
20.เลือกใช้มิเตอร์ TOU
สำหรับบ้านที่ใช้ไฟฟ้าตั้งแต่ 400 หน่วยขึ้นไป การเลือกใช้มิเตอร์ TOU (Time of Use) จะช่วยประหยัดค่าไฟได้ โดยมิเตอร์จะคิดค่าไฟฟ้าตามช่วงเวลา คือ ช่วงใช้ไฟสูง (จันทร์-ศุกร์ 9.00-16.00 น.) และช่วงใช้ไฟต่ำ (จันทร์-ศุกร์ 16.00-9.00 น.) ยิ่งใช้ไฟกลางคืนและวันหยุดมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งคุ้มค่าเร็วขึ้นเท่านั้น
เชื่อว่าถ้าหากนำวิธีประหยัดค่าไฟเหล่านี้ไปใช้ จะช่วยประหยัดเงินและทำให้ลดการใช้ไฟฟ้าได้อย่างแน่นอน แต่สำหรับใครที่ต้องการวิธีลัดที่ช่วยให้ประหยัดได้ทันที เห็นค่าไฟลดทันตา ต้องติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ โดยมีข้อดีตรงที่ช่วยประหยัดทั้งไฟฟ้าและพลังงาน สมาชิกบัตรเครดิต KTC ที่สนใจโซล่าเซลล์สามารถเลือกดูโปรโมชั่นผ่อน 0% และการใช้คะแนน KTC FOREVER แลกรับเครดิตเงินคืนได้ อีกทั้งการใช้จ่ายทุก 25 บาท จะได้รับ 1 คะแนน KTC FORVER ที่สามารถสะสมได้ไม่จำกัด และคะแนนไม่มีวันหมดอายุ สมัครบัตรเครดิต KTC ออนไลน์ แล้วรับสิทธิประโยชน์ดีๆ กันเลย
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC