10 เรตินอล (Retinol) ยี่ห้อไหนดี ยอดนิยม ช่วยให้ผิวเด็กปี 2025

เรตินอล (Retinol) เป็นกลุ่มสกินแคร์ที่กำลังมาแรง และเป็นเทรนด์อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่แล้ว และคาดว่าความนิยมยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในปี 2025 นี้ เพราะเรตินอลมีจุดเด่นหลายประการ ทั้งการผลัดเซลล์ผิว ทำให้หน้ากระจ่างใส ช่วยทำให้ผิวเรียบเนียน ลดการอุดตันได้ดี พร้อมทำให้ผิวกระชับ และแข็งแรง อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน บางยี่ห้อเคลมว่าใส่ส่วนผสมที่ช่วยในการลดรอยแดง ต่อต้านการอักเสบ และลดสิวได้ด้วย แต่การใช้เรตินอลมีข้อควรระวังค่อนข้างเยอะ ซึ่งสามารถศึกษาการใช้เรตินอลได้ในบทความนี้ พร้อมแนะนำ 10 เรตินอลยี่ห้อดีๆ ที่ไม่ควรพลาดในปี 2025

ซื้อเรตินอลที่ไหนคุ้มค่าที่สุด

เลือกยี่ห้อเรตินอลที่เหมาะกับผิว และความต้องการของคุณได้ที่ BEAUTRIUM ทั้งหน้าร้าน และออนไลน์ มีโปรโมชั่นสำหรับสมาชิกบัตรเครดิต KTC ที่น่าสนใจ คือ โปรโมชั่นแลกคะแนนรับเครดิตเงินคืน สูงสุด 15% ที่ BEAUTRIUM กับบัตรเครดิต KTC มีรายละเอียด ดังนี้

• แลกคะแนนรับเครดิตเงินคืน 15% (600 บาท) เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ตั้งแต่ 3,999 บาทขึ้นไป/เซลส์สลิป และแลกคะแนน 3,999 คะแนน KTC FOREVER

หรือ

• แลกคะแนนรับเครดิตเงินคืน 12% (120 บาท) เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ตั้งแต่ 999 บาทขึ้นไป/เซลส์สลิป และแลกคะแนน 999 คะแนน KTC FOREVER
• ระยะเวลาโปรโมชั่น : 1 ก.พ. 68 – 30 มิ.ย. 68

เรตินอล ช่วยอะไร เลือกอย่างไร

เรตินอล (Retinol) เป็นอนุพันธ์ของวิตามินเอ มีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิว กระตุ้นผิวให้สร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ อีกทั้งยังช่วยลดเลือนริ้วรอย ปรับผิวให้เรียบเนียน เนื่องจากเป็นกลุ่มสกินแคร์ Anti-Aging เรตินอลจึงขึ้นชื่อเรื่องการสร้างผิวใหม่ และทำให้ผิวอ่อนเยาว์ ซึ่งได้รับความนิยมมากในกลุ่มคนที่มีอายุ 20-30 ปีขึ้นไป

วิธีเลือกเรตินอล สำหรับมือใหม่หัดใช้เรตินอลควรเริ่มที่ 0.1% ก่อน เพราะถ้าเริ่มต้นที่ความเข้มข้นมาก จะเสี่ยงต่อการระคายเคืองผิว ซึ่งเรตินอลจะมีความเข้มข้นวัดเป็น % ตั้งแต่ 0.1 - 1%

เรตินอล ใช้ตอนไหน ห้ามใช้กับอะไร

วิธีใช้เรตินอลให้ทาตอนกลางคืน หลีกเลี่ยงการทาในตอนกลางวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันที่ต้องออกไปเจอแสงแดด เพราะเรตินอลไวต่อแสง UV ทำให้สามารถเกิดการระคายเคือง ทำให้ผิวหน้าอักเสบ คัน หรือผิวหน้าไหม้ แนะนำให้ผู้ใช้เรตินอลทากันแดดที่มีค่า SPF สูงในตอนกลางวันอย่างน้อยสองข้อนิ้วมือ

เรตินอล ห้ามใช้คู่กับวิตามินซี สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของ Benzoyl Peroxide (BPO) เพราะจะยิ่งทำให้ผิวระคายเคือง และทำให้ผิวหน้าอ่อนแอ รวมถึงควรหลีกเลี่ยงการใช้เรตินอลคู่กับสารผลัดเซลล์ผิวอย่าง AHA หรือ BHA เพราะเสี่ยงต่อการระคายเคือง และทำให้ผิวแห้งขาดน้ำ แนะนำเวลาใช้เรตินอลควรทาครีมที่มีมอยส์เจอร์ไรเซอร์เข้มข้นสูง หรือใช้ sleeping mask ในขั้นตอนสุดท้ายเพื่อปิดผิว และกักเก็บความชุ่มชื้น

วิธีทาเรตินอล

ล้างหน้าให้สะอาดด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่อ่อนโยน ซับหน้าให้แห้ง ทาเรตินอล และ ทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ สำหรับ คนที่ผิวบอบบางมาก อาจใช้ "Moisturizer Sandwich" คือ ทามอยส์เจอร์ก่อนและหลังเรตินอล เพื่อลดการระคายเคือง เริ่มแรกควรใช้เรตินอล 2-4 ครั้งต่อสัปดาห์ หลังจากนั้นสามารถใช้วันเว้นวัน หรือถ้าเป็นเรตินอลที่ความเข้มข้นต่ำ ก็สามารถใช้ได้ทุกวัน แต่ไม่ควรทาต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน

1.SMOOTO Retinol Reju Bright & Acne Serum

เป็นเรตินอลยี่ห้อที่กำลังมาแรง เพราะราคาไม่แพง และได้เรตินอลเข้มข้น 1% และทางแบรนด์เคลมว่าสูตรนี้จะช่วยเรื่องสิวได้ดี จุดเด่นคือปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน โดยเฉพาะรอยสิว หรือปัญหาสิวเบื้องต้น แม้จะไม่ช่วยเรื่องลดการเกิดสิวได้โดยตรง แต่ช่วยฟื้นฟู และบำรุงผิวหลังจากเกิดสิวด้วยความอ่อนโยน และเหมาะกับผิวแพ้ง่ายเพราะปราศจากสาร แอลกอฮอล์ พาราเบน และน้ำหอม ทั้งยังมี Ceramide มากถึง 4 ชนิด ช่วยปลอบประโลมผิว และทำให้ผิวชุ่มชื้น

ข้อดี

1. ช่วยฟื้นฟูผู้ที่มีปัญหาสิว
2. เรตินอลเข้มข้น 1% แต่ทำสูตรอ่อนโยน ผิวแพ้ง่ายใช้ได้

2.GLAD2GLOW Peach Retinol Moisturizer

แบรนด์แรกและแบรนด์เดียวที่ทำครีมเรตินอลเนื้อบางเบา ซึมง่าย โดยใช้ส่วนผสมหลักจากลูกพีช ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระเป็นจำนวนมาก ช่วยเรื่องความอ่อนเยาว์ และลดริ้วรอยได้เป็นอย่างดี นอกจากเรตินอลบริสุทธิ์ของแบรนด์นี้จะปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน ยังผสานพลังของเรตินอล และ HPR มาเพิ่มพลังการดูแลผิวสำหรับ Anti-Aging โดยเฉพาะ นอกจากนั้นผิวยังชุ่มชื้น แข็งแรงมากขึ้นด้วยส่วนผสม Niacinamide

ข้อดี

• ช่วยเรื่องความอ่อนเยาว์ ปรับผิวให้เนียนได้ดีด้วย HPR

• เนื้อบางเบา ซึมง่าย

3.ROJUKISS Phyto-Retinol Firm & Smooth Cream

เรตินอลในรูปแบบครีมจากแบรนด์เกาหลีชื่อดัง ROJUKISS ที่มีจุดเด่นเรื่องช่วยทำให้ผิวเนียนใส และกระชับ ลดเรือนริ้วรอยได้ดี เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องริ้วรอย ซึ่งความแตกต่างที่ทำให้ครีมเรตินอลตัวนี้ไม่เหมือนยี่ห้ออื่น คือใช้ Phyto-Retinol จากธรรมชาติ ที่ทำหน้าที่เหมือนเรตินอล แต่อ่อนโยน และช่วยเรื่องความกระจ่างใส ลดจุดด่างดำ ด้วยความอ่อนโยนจึงทำให้เหมาะกับผู้มีผิวแพ้ง่าย ลดโอกาสการเกิดความระคายเคือง ผสานคอลลาเจน ทำให้ผิวอิ่มฟู

ข้อดี

1. ใช้ส่วนผสม Phyto-Retinol อ่อนโยนมากกว่าเรตินอลบริสุทธิ์
2. เน้นการลดเลือนริ้วรอยเป็นหลัก

4.SKINTIFIC Retinol Skin Renewal Serum

มองหาเซรั่มเรตินอลสำหรับผู้เริ่มต้นตอบโจทย์ทุกปัญหาผิว โดยเฉพาะเรื่องความเรียบเนียน ลดริ้วรอย และผิวกระจ่างใสแนะนำ “SKINTIFIC Retinol Skin Renewal Serum” ที่ได้รับความนิยม เพราะราคาไม่แพง และอุดมไปด้วยส่วนผสมชั้นเลิศ ด้วย Adenosine, EGT และ Symsitive สารต้านอนุมูลอิสระที่ให้ประสิทธิภาพการบำรุงผิว ทำให้ผิวอ่อนเยาว์ เรียบเนียนมากขึ้น อีกทั้งสูตรนี้ยังช่วยความมันส่วนเกิน ใช้แล้วหน้าไม่แห้งเพราะมี Hyaluronate เติมความชุ่มชื้น และทำให้ผิวฉ่ำน้ำ

ข้อดี

1. ความเข้มข้น 0.1% เหมาะกับผู้เริ่มต้น
2. มีส่วนผสมจากสารต้านอนุมูลอิสระ เน้นทำให้ผิวอ่อนเยาว์

5.POND'S Age Miracle Ultimate Youth Night Serum Hexyl-Retinol

ที่สุดแห่งความคุ้มค่า ถ้าหากมีงบน้อย อยากเริ่มต้นใช้เรตินอลที่ราคาไม่แพง และส่วนผสมดี ไม่ควรพลาดเรตินอลเนื้อเซรั่มจาก POND'S เพราะช่วยลดเลือนริ้วรอย มอบผิวใหม่ที่อ่อนเยาว์ และปรับสภาพผิวให้เนียน และดูแลเรื่องจุดด่างดำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยส่วนผสมของ spots Retinol-C และ X10 Hexyl-resorcinol จะช่วยแก้ปัญหารอยด่างดำ เน้นเรื่องริ้วรอยเป็นหลัก ส่วนใครกังวลเรื่องผิวแห้ง เซรั่มเรตินอลสูตรนี้มี Niacinamide ทั้งช่วยปลอบประโลมผิว และทำให้ผิวอิ่มฟู เหมาะกับทุกสภาพผิว

ข้อดี

1. มีสารสกัดเน้นเรื่องความกระจ่างใส ลดจุดด่างดำ
2. เหมาะกับผิวที่มีริ้วรอย เพราะมีส่วนผสมช่วยเติมเต็มร่องลึก

6.GRAVICH Retinol Complex Concentrate Serum

เรตินอลสูตรนี้เหมาะกับคนที่ใช้เรตินอลมามากกว่า 1-3 เดือนเป็นต้นไป เพราะความเข้มข้นสูงมากถึง 1.7% ซึ่งไม่เหมาะกับผู้เริ่มใช้ เพราะอาจจะทำให้ระคายเคือง ความโดดเด่นคือใช้เรตินอล 3 รูปแบบ ที่แต่ละแบบจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นวิตามินเอ และเข้าบำรุงผิวอย่างล้ำลึก ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีความเข้มข้นสูง แต่ทางแบรนด์ได้ใช้เทคโนโลยี Double Encapsulated Delivery System ช่วยควบคุมการปล่อยเรตินอลในปริมาณที่เหมาะสม และบำรุงได้อย่างต่อเนื่อง เนื้อเซรั่มบางเบา เกลี่ยง่าย ไม่อุดตันผิว

ข้อดี

1. มีส่วนผสมของเรตินอลมากถึง 3 ชนิด
2. ความเข้มข้นพิเศษ 1.7%

7.CERA-VE Resurfacing Retinol Serum

หากมองหาเรตินอลเหมาะกับผิวบอบบางแพ้ง่าย เน้นการปรับสภาพผิวเรตินอลที่มีความอ่อนโยนเป็นพิเศษ อยากให้ลอง “CERA-VE Resurfacing Retinol Serum” เรตินอลเนื้อเซรั่มบางเบา แต่มอบความชุ่มชื้นให้กับผิว พร้อม Niacinamide ช่วยปลอบประโลม เติมความชุ่มชื้น และทำให้ผิวแข็งแรง โดดเด่นด้วยการใช้เรตินอลมากถึง 3 ชนิด เน้นการผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวเรียบเนียน ลดรอยดำที่เกิดจากการอักเสบของผิว เหมาะสำหรับทั้งคนสภาพผิวปกติ ผิวอ่อนโยน และผิวเป็นสิว ทั้งอ่อนโยนและมีประสิทธิภาพ แนะนำเซรั่มรุ่นนี้

ข้อดี

1. ปราศจากสารที่ทำให้ผิวระคายเคือง ผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน
2. ฟื้นฟูและปกป้องผิว ทำให้ผิวกระจ่างใสจากส่วนผสมของชะเอมเทศ (Licorice root extract)

8.COSRX The Retinol 0.1 Cream

เปิดประสบการณ์ใหม่ด้วยการใช้เรตินอลแบบครีมที่ทั้งปรับผิวให้เนียน และมอบความชุ่มชื้นได้ดีจากแบรนด์เกาหลีอย่าง COSRX ที่ได้รับความนิยมจากน้ำตบหอยทาก มาสู่การพัฒนาสูตรเรตินอลเนื้อครีมความเข้มข้น 0.1% เหมาะกับผู้เริ่มต้นใช้เรตินอล เพราะอ่อนโยน และผสาน Panthenol ที่โดดเด่นเรื่องการสร้างเกราะปราการทำให้ผิวแข็งแรง มอบความชุ่มชื้น ฟื้นฟู พร้อมเติมความชุ่มชื้น จึงเหมาะมากสำหรับคนผิวแพ้ง่าย หรือคนผิวแห้ง แนะนำให้ทาเฉพาะตอนกลางคืน เพราะเป็นสูตรที่ไม่สามารถทาตอนกลางวัน

ข้อดี

1. เหมาะกับผิวแห้ง เพราะมีส่วนผสมของ Panthenol
2. เนื้อครีมเกลี่ยง่าย บำรุงผิวให้ชุ่มชื้น

คำบรรยายใต้ภาพ : ขอบคุณรูปภาพจาก https://www.vichy-th.com/

9.VICHY Liftactiv Retinol Specialist Serum

เซรั่มเรตินอลที่เพิ่งเปิดตัวออกมาไม่นาน แต่ครองใจใครหลายคน เพราะมีความเข้มข้น 0.2% เป็นค่าเปอร์เซ็นต์ความเข้มข้นกลางๆ ที่ใช้ได้ตั้งแต่ผู้เริ่มต้น หรือคนที่ใช้เรตินอลมาระยะเวลาหนึ่ง ส่วนสูตรนี้ทางแบรนด์ได้เคลมว่าช่วยเรื่องลดเลือนริ้วรอย และเติมร่องลึกของริ้วรอยให้ตื้นขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากเรตินอลบริสุทธิ์ [A] และ Probiotic Fractions [VF] นอกจากจะทำให้ผิวกระชับ ยังช่วยปลอบประโลมผิวได้ดี ผิวแห้งขาดน้ำ หรือผิวที่มีปัญหาเรื่องริ้วรอยต้องถูกใจเซรั่มเรตินอลรุ่น 0.2% แน่นอน

ข้อดี

1. ผสานส่วนผสม Probiotic Fractions ปลอบประโลมผิวได้ดี
2. บำรุงผิวด้วยแร่ธาตุจากน้ำแร่ภูเขาไฟ Vichy

10.COSRX The Retinol 0.5 Oil

ผู้ที่เผชิญปัญหาผิวแห้งมาก อยากบำรุงด้วยเรตินอลที่ช่วยเติมความชุ่มชื้น และเก็บกักน้ำในผิวได้เป็นอย่างดี ขอแนะนำเป็นเรตินอลออยล์จากแบรนด์ COSRX เรตินอลในรูปแบบใหม่ไม่เหมือนใครด้วยสัมผัสออยล์บางเบา มีความเข้มข้นของเรตินอล 0.5% ในระดับปานกลาง นอกจากการปรับผิวให้เนียน ลดเลือนริ้วรอย พิเศษด้วย Tocotrienol (Super Vitamin E) ทำให้ผิวอ่อนเยาว์ เพิ่มความแข็งแรงของผิว มี Aqualane ปกป้องผิวจากมลภาวะภายนอก และมอบความชุ่มชื้นให้กับผิวอย่างเต็มที่

ข้อดี

1. เนื้อออยล์เหมาะกับผิวแห้ง หรือผิวขาดน้ำ
2. ความเข้มข้นระดับปานกลาง 0.5% เหมาะกับผู้เริ่มใช้ และผู้ใช้เรตินอลเป็นประจำ

ขอบคุณรูปภาพจาก https://thebeautrium.com/

ถึงแม้ว่าเรตินอลหลายสูตรจะระบุว่าอ่อนโยน หรือสามารถใช้ได้กับผิวแพ้ง่าย แต่ถ้าหากว่าผิวคุณไม่แข็งแรง หรือชุ่มชื้นไม่พอ ทำให้เสี่ยงต่อการระคายเคืองสูงขึ้น แนะนำให้ใช้โทนเนอร์ เซรั่ม และมอยส์เจอร์ไรเซอร์ และโดยเฉพาะครีมกันแดด ที่มีคุณสมบัติช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้นและแข็งแรงขึ้น ที่สำคัญคือหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดและไม่ใช้เรตินอลในตอนกลางวัน ซึ่งสามารถเข้าไปเลือกสกินแคร์เพื่อผิวสวยได้ที่ BEAUTRIUM พร้อมใช้บัตรเครดิต KTC กับโปรโมชั่นแลกคะแนนรับเครดิตเงินคืนได้เลย แต่ถ้ายังไม่มีบัตรเครดิต KTC สมัครออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ กดสมัครได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC