ในยุคที่เศรษฐกิจผันผวนและค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้นทุกวัน การวางแผนทางการเงินและสร้างสภาพคล่องทางการเงินที่มั่นคงกลายเป็นเรื่องสำคัญที่หลายคนต้องให้ความสนใจมากขึ้น หากใครยังมีรายได้จากการทำงานประจำหรือ Active Income เพียงอย่างเดียว อาจถึงเวลาแล้วที่ต้องวางแผนและมองหาโอกาสใหม่ ๆ ในการสร้างความมั่งคั่ง
แล้วอะไรคือทางเลือกที่จะช่วยให้เราสามารถสร้างสมดุลทางการเงินได้จริง? มาทำความรู้จักกับ Active Income และ Passive Income การสร้างรายได้ 2 ช่องทางที่จะทำให้แนวคิดทางการเงินของคุณเปลี่ยนไป
เลือกอ่านตามหัวข้อ
Active Income คืออะไร
Active Income คือ รายได้ที่เกิดจากการใช้แรงกายในการทำงาน มีวันหยุดและวันทำงานชัดเจน เช่น รายได้จากเงินเดือน ค่าจ้างรายชั่วโมง เป็นต้น หากหยุดทำงาน รายได้ก็จะหยุดตามไปด้วย เราลองมาดูกันว่าอาชีพที่เป็น Active Income มีอะไรบ้าง
- พนักงานออฟฟิศ
- ข้าราชการ
- หมอ
- วิศวกร
- นักแสดง
- ช่างภาพ
ข้อดีของ Active Income
- มีรายได้ที่แน่นอนและสม่ำเสมอ (เงินเดือนประจำ)
- ได้รับสวัสดิการและผลประโยชน์จากนายจ้าง (ประกันสุขภาพ, เงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ)
- มีโอกาสเติบโตในสายอาชีพตามประสบการณ์และทักษะที่เพิ่มขึ้น
- ได้พัฒนาทักษะและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
- มี Connection และการทำงานร่วมกับผู้อื่น
ข้อเสียของ Active Income
- รายได้มีขีดจำกัด (มีเพดานเงินเดือน)
- หากหยุดทำงาน รายได้ก็จะหยุดทันที
- มีความเสี่ยงจากการถูกเลิกจ้าง
- ขาดอิสระในการบริหารเวลา ต้องทำงานตามเวลาที่กำหนด
- อาจเผชิญกับความเครียดและปัญหาสุขภาพจากการทำงานหนัก
Passive income คืออะไร
Passive Income คือ รายได้ที่เกิดขึ้นจากการลงทุน ไม่ต้องลงแรง รายได้ประเภทนี้จะสร้างรายได้ให้เราโดยอัตโนมัติ แม้ว่าเราจะไม่ได้ทำงานอยู่ เรียกได้ว่าเป็นอาชีพในฝันของใครหลาย ๆ คน ทำให้มีอิสรภาพทางการเงินและเวลามากขึ้น เราลองมาดูกันว่างานที่เป็น Passive Income มีอะไรบ้าง
- การใช้เงินเย็นลงทุนในหุ้นปันผล
- การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า
- การสร้างคอร์สออนไลน์
- การสร้างรายได้จาก TikTok หรือ Youtube
- การทำธุรกิจ Affiliate Marketing
ข้อดีของ Passive Income
- สามารถสร้างรายได้ได้แม้ไม่ได้ทำงาน (รายได้เกิดขึ้นตลอดเวลา)
- มีอิสรภาพทางเวลามากขึ้น ไม่ต้องแลกเวลากับเงิน
- มีศักยภาพในการสร้างรายได้ไม่มีขีดจำกัด สามารถเติบโตได้เรื่อย ๆ
- ช่วยกระจายความเสี่ยงจากการมีรายได้ทางเดียว
- สามารถเกษียณได้เร็วขึ้นหากมี Passive Income ที่เพียงพอ
ข้อเสียของ Passive Income
- บางงานต้องใช้เงินลงทุนเริ่มต้นค่อนข้างสูง
- ใช้เวลานานกว่าจะเห็นผลตอบแทนที่คุ้มค่า
- ต้องมีความรู้และทักษะเฉพาะทางในการเริ่มต้น
- รายได้อาจไม่แน่นอนและผันผวนตามเศรษฐกิจ
- มีภาระด้านภาษีที่ซับซ้อนในงานบางประเภท
สร้างรายได้สองทาง Active และ Passive Income ต้องรู้อะไรบ้าง?
การสร้างความมั่งคั่งทางการเงินไม่ใช่เพียงแค่รู้จักวิธีเก็บเงินเท่านั้น แต่ยังต้องรู้จักสร้างและบริหารรายได้จากหลายช่องทาง เรามาดูกันว่าการสร้างรายได้ทั้งสองทางนี้ต้องคำนึงถึงปัจจัยอะไรบ้าง
ระยะเวลา
Active Income มักให้ผลตอบแทนที่มั่นคงและเห็นผลเร็ว ถ้าทำงานวันนี้ รับเงินวันนี้ สามารถวางแผนเรื่องรายรับได้ชัดเจน แต่ในทางตรงกันข้าม Passive Income ต้องใช้เวลาในช่วงเริ่มต้นมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาช่องทางการลงทุน การทำความเข้าใจกลไกตลาด หรือการรอให้การลงทุนเติบโตจนถึงจุดที่สร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ ที่บางครั้งอาจต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะเห็นผล
ต้นทุนสำหรับลงทุน
Active Income มักไม่ต้องลงทุนก้อนใหญ่ในช่วงเริ่มต้น ส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนด้านการศึกษา การฝึกฝนทักษะ หรือการหาประสบการณ์ ซึ่งแม้จะใช้เวลาแต่ค่าใช้จ่ายไม่สูงมากนัก ในขณะที่ Passive Income มักต้องการเงินทุนเริ่มต้นที่ค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะเป็นการซื้ออสังหาริมทรัพย์ การลงทุนในตลาดหุ้น หรือแม้แต่การสร้างธุรกิจออนไลน์ ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญในช่วงเริ่มต้น
อิสระทางการเงิน
Passive Income มักถูกมองว่าเป็นกุญแจสำคัญสู่อิสรภาพทางการเงิน เพราะช่วยให้เรามีรายได้โดยไม่ต้องทำงานตลอดเวลา แต่ความจริงแล้ว Active Income ก็สามารถนำไปสู่อิสรภาพทางการเงินได้หากมีการจัดการการที่ดี เช่น การเก็บออม การแบ่งเงินเดือนไปลงทุน หรือการเพิ่มทักษะตัวเราเองเพื่อรายได้ที่สูงขึ้น ซึ่งสามารถสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาวได้ไม่แพ้ Passive Income
Active Income & Passive Income ไม่จำเป็นต้องทำแค่อย่างเดียว
แม้ว่าการมี Passive Income จะเป็นเป้าหมายที่หลายคนใฝ่ฝัน แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าการมีรายได้แบบงอกเงยด้วย Passive Income นั้น มักเริ่มต้นจากเงินทุนที่มาจาก Active Income อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเราควรบริหารทั้ง 2 ช่องทางไปพร้อม ๆ เพราะไม่มีใครที่รวยจากรายได้เพียงช่องทางเดียว ผู้ที่ประสบความสำเร็จทางการเงินจะเน้นการสร้างสมดุลระหว่างรายได้ทั้งสองรูปแบบ โดยใช้จุดแข็งของแต่ละประเภทมาเติมเต็มซึ่งกันและกัน
สร้างสมดุลระหว่าง Active Income และ Passive Income
การสร้างความมั่งคั่งที่ยั่งยืนต้องอาศัยความเข้าใจและการวางแผนที่เหมาะสมระหว่าง Active Income และ Passive Income ซึ่งทั้งเราสามารถนำจุดเด่นของทั้งสองประเภทมาเติมเต็มกันและกันได้ การบริหารจัดการทั้งสองรูปแบบอย่างสมดุลคือกุญแจสู่ความสำเร็จ แต่เมื่อต้องเผชิญกับความจำเป็นเร่งด่วน บัตรกดเงินสด KTC PROUD คือตัวช่วยด้านการเงินยามฉุกเฉินที่ช่วยให้คุณวางแผนการเงินได้อย่างรอบคอบไม่สะดุด
ทุกการใช้จ่ายไม่มีสะดุด ด้วยบัตรกดเงินสด KTC PROUD
- สมัครง่าย เงินเดือน 12,000 บาท ก็สมัครได้
- อนุมัติไว เลือกรับเงินโอนเข้าบัญชีได้ทันที เมื่ออนุมัติ
- เบิกเงินได้ 24 ชั่วโมง ผ่านแอป KTC Mobile และ ATM ทั่วประเทศ
- ผ่อนสินค้า 0% นานสูงสุด 24 เดือน ณ ร้านค้าที่ร่วมรายการ
- รูดซื้อสินค้า และช้อปออนไลน์ พร้อมรับสิทธิพิเศษทั้งปี
บัตรกดเงินสด KTC PROUD ตัวช่วยทางการเงินยามฉุกเฉิน
*กู้เท่าที่จําเป็นและชําระคืนได้ตามกําหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 20%-25% ต่อปี