อย่างที่ทราบกันดีว่าธุรกิจออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็ว หลายคนก็หารายได้จากการทำงานออนไลน์ โดยหนึ่งในโมเดลธุรกิจที่ได้รับความนิยมมากคือ Dropshipping หากคุณกำลังสนใจขายของออนไลน์โดยไม่ต้อง Stock สินค้าเอง บทความนี้ KTC จะช่วยให้คุณเข้าใจว่า Dropshipping คืออะไร Dropshipping ทำยังไง มีข้อดี-ข้อเสียอะไรบ้าง และถ้าหากสนใจจะเริ่มต้นอย่างไรในปี 2025 นี้
Dropshipping เป็นธุรกิจที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์แต่มีทุนน้อย แต่ควรมีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องของการตลาดออนไลน์
Dropshipping คืออะไร ?
Dropshipping คือ รูปแบบการขายสินค้าออนไลน์ที่ผู้ขายไม่จำเป็นต้อง Stock สินค้าไว้เอง โดยทำหน้าที่เป็นเพียงตัวกลางระหว่างซัพพลายเออร์กับลูกค้าเท่านั้น เมื่อมีการสั่งซื้อสินค้าเกิดขึ้น ผู้ขายจะส่งคำสั่งซื้อไปยังซัพพลายเออร์ เพื่อจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าโดยตรง
ทั้งนี้ ทางซัพพลายเออร์ก็จะแพ็กสินค้าและจัดส่งสินค้าแทนเรา โดยใช้ชื่อร้านหรือชื่อแบรนด์ของเราด้วย เสมือนกับว่าเราเป็นเจ้าของเองจริงๆ ซึ่งการจะทำ Dropshipping ได้นั้นจะต้องสมัครเป็นตัวแทนให้เรียบร้อยก่อน แล้วจะสามารถใช้ภาพ โลโก้ และรายละเอียดข้อมูลสินค้าไปโพสต์ขายในช่องทางออนไลน์ของตนเองได้
Dropshipping มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร ?
สำหรับการ Dropship ข้อดี ข้อเสีย มีดังต่อไปนี้
ข้อดีของการ Dropshipping
- ไม่ต้องลงทุนใน Stock สินค้า ช่วยลดความเสี่ยงในการขาดทุนจากสินค้าที่คงค้าง และไม่ต้องเสียค่าเช่าคลังเก็บสินค้าด้วย
- เริ่มต้นธุรกิจได้ง่ายและใช้ต้นทุนต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่มีงบลงทุนจำกัด อีกทั้งไม่จำเป็นต้องมีโกดังเก็บสินค้าหรือทีมงานในการแพ็กและจัดส่งสินค้า
- ทำงานได้จากทุกที่ เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในการบริหารจัดการร้านค้าออนไลน์และสื่อสารกับลูกค้าก็สามารถขายสินค้าได้แล้ว
- ปรับเปลี่ยนสินค้าที่ขายได้ง่าย โดยผู้ขายสามารถทดลองขายสินค้าประเภทต่างๆ ได้โดยไม่มีข้อผูกมัดเรื่อง Stock สินค้า
- โฟกัสเฉพาะการทำการตลาดและการเพิ่มยอดขาย เนื่องจากงานด้านผลิตสินค้าและการขนส่งเป็นหน้าที่ของซัพพลายเออร์
ข้อเสียของการ Dropshipping
- ควบคุมคุณภาพสินค้าไม่ได้ หากสินค้าไม่ได้มาตรฐาน ผู้ขายต้องรับมือกับข้อร้องเรียนจากลูกค้าด้วย ดังนั้นก่อนตัดสินใจขายสินค้าอะไรแนะนำให้ตรวจสอบผู้ผลิต อ่านรีวิว หรือลองซื้อสินค้ามาทดลองใช้เองก่อน
- ระยะเวลาจัดส่งอาจล่าช้า โดยเฉพาะสินค้าที่ส่งจากต่างประเทศ ซึ่งอาจส่งผลต่อประสบการณ์ของลูกค้า
- ปัญหาในการจัดการคืนสินค้าและการรับประกัน เพราะต้องประสานงานกับซัพพลายเออร์ ที่มีกระบวนการหลายขั้นตอน
- ความเสี่ยงจากซัพพลายเออร์ที่ไม่น่าเชื่อถือ เช่น ส่งสินค้าผิด หรือหยุดขายสินค้าโดยไม่แจ้งล่วงหน้า
- การแข่งขันสูงมาก เพราะใครๆ ก็สามารถเริ่มทำ Dropshipping ได้ ทำให้ต้องอาศัยการวางกลยุทธ์การตลาดที่ดีเพื่อสร้างความแตกต่างในการสื่อสารให้สินค้าและร้านค้าของเราเป็นที่รู้จัก
จะเริ่มทำ Dropshipping อย่างไรในปี 2025 ? พร้อมขั้นตอนการทำ
ในปี 2025 โอกาสทางธุรกิจสำหรับการทำ Dropshipping ยังถือว่าเป็นธุรกิจที่ไปได้ดีอยู่ เพราะในตลาดยังคงนิยมการซื้อ-ขาย ทางออนไลน์ แต่การแข่งขันก็จะยังสูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเช่นกัน ดังนั้น การวางแผนเริ่มต้นที่ดีจะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น และนี่คือขั้นตอนสำคัญที่ควรรู้ ถ้าสนใจทำ Dropshipping
- ศึกษาความต้องการของตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อเลือกสินค้าที่มีโอกาสขายได้ดี
- เลือกซัพพลายเออร์ที่เชื่อถือได้ ลองอ่านรีวิวจากลูกค้าที่เคยซื้อสินค้าเพื่อจะได้ดูว่าคุณภาพสินค้าดีหรือไม่ ประวัติการจัดส่งสินค้าเป็นอย่างไร หรือลองสั่งมาให้ตัวเองก่อน เพื่อจะให้เห็นกระบวนการทำงาน ระยะเวลาการจัดส่งสินค้า และได้เห็นสินค้าจริงด้วย
- สมัครเป็นตัวแทนจำหน่าย Dropship
- สร้างร้านค้าออนไลน์ โดยหาแพลตฟอร์มในการขายสินค้าที่เหมาะสมกับสินค้าและกลุ่มเป้าหมายของคุณ เช่น Facecbook, Instagram, Shopee, Lazada, TikTok
- เลือกสินค้าหลากหลายรูปแบบมาขาย เพื่อให้ลูกค้ามีตัวเลือกในการซื้อสินค้ามากขึ้น และเป็นการเพิ่มโอกาสที่ลูกค้าจะเข้ามาดูสินค้าในร้านค้าของคุณซ้ำๆ
- ตั้งราคาขายอย่างเหมาะสม คำนวณต้นทุนให้ครอบคลุมทั้งค่าโฆษณาสินค้า ค่าธรรมเนียม และกำไร
- ลงรูปสินค้าหลายๆ มุม เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นสินค้าอย่างชัดเจน รวมถึงใส่รายละเอียดของสินค้าไว้ให้ครบถ้วน เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
- วางแผนการตลาดให้ดี โดยใช้โซเชียลมีเดียและโฆษณาออนไลน์เพื่อเพิ่มการมองเห็นสินค้าให้มากขึ้น
- วิเคราะห์ยอดขายและความคิดเห็นของลูกค้าเพื่อปรับกลยุทธ์การขายให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
Dropshipping คือโมเดลธุรกิจที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นขายของออนไลน์โดยไม่ต้องลงทุนมากนัก หากวางแผนการตลาดให้ดี เลือกซัพพลายเออร์ที่เชื่อถือได้ คุณก็สามารถสร้างรายได้อย่างมั่นคงในปี 2025 นี้แล้ว อย่ารอช้า! มาสร้างโอกาสใหม่ให้ตัวเองในโลกออนไลน์ตั้งแต่วันนี้ พร้อมเพิ่มโอกาสความสำเร็จด้วยการจัดการเงินทุนและบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพด้วยบัตรเครดิต KTC รวมถึงทำให้การรับชำระเงินจากลูกค้าเป็นเรื่องง่ายด้วยบริการ KTC MERCHANT ที่ครอบคลุมทุกการใช้งานจากสถาบันการเงินชั้นนำทั่วโลก ผ่านบริการรับชำระเงินหลากหลายรูปแบบที่เหมาะกับการขายของออนไลน์ เช่น
- LINK PAY : บริการรับชำระด้วยลิงก์ผ่านโซเชียลมีเดีย สามารถสร้างลิงก์ได้ง่าย บริหารได้ด้วยตนเอง โดยร้านค้าสามารถเลือกให้ลูกค้าทำรายการได้ทั้งแบบชำระเต็มจำนวนผ่านบัตรเครดิต บัตรเดบิต และ Alipay หรือผ่อนชำระกับบัตร KTC Payment Gateway : บริการรับชำระเงินผ่านระบบออนไลน์ เพื่อร้านค้าออนไลน์โดยเฉพาะ ทำให้สามารถซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง รองรับบัตรเครดิตและเดบิต เครือข่าย Visa, Mastercard, JCB, UnionPay จากสถาบันการเงินชั้นนำทั่วโลก สามารถชำระเต็มจำนวน หรือผ่อนชำระกับบัตร KTC รวมถึงแลกคะแนน KTC FOREVER ก็สามารถทำได้ ร้านค้ามั่นใจด้วยระบบรักษาความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล
- QR PAY : บริการรับชำระผ่าน QR Code ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกและรวดเร็ว โดยไม่ต้องใช้เครื่องรูดบัตร
สำหรับร้านค้าใดที่สนใจสามารถสมัคร KTC MERCHANT ออนไลน์ได้ง่ายๆ พร้อมอนุมัติและติดตั้งภายใน 7-10 วัน* หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02 123 5700 กด 3 ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
ตอบรับทุกบริการ ชำระเงิน ด้วย KTC MERCHANT