ในการแข่งขันทางธุรกิจ หลายคนมองหาโอกาสที่จะทำให้ธุรกิจมั่นคง และมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ การขยายกิจการผ่านระบบแฟรนไชส์จึงเป็นหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ประกอบการ แต่แฟรนไชส์ คืออะไร มีรูปแบบอย่างไร และจะทำอย่างไรให้ประสบความสำเร็จในปี 2025 KTC พร้อมนำเทคนิคดีๆ มาให้แล้ว
แฟรนไชส์ คืออะไร
แฟรนไชส์ (Franchise) คือ รูปแบบธุรกิจที่เจ้าของแบรนด์หรือเจ้าของสิทธิ์ หรือที่เรียกว่า แฟรนไชส์ซอ (Franchisor) อนุญาตให้ผู้ซื้อสิทธิ์ หรือที่เรียกว่าแฟรนไชส์ซี (Franchisee) ใช้ชื่อทางการค้า เครื่องหมายการค้า และระบบการดำเนินธุรกิจของตน เพื่อผลิตหรือจำหน่ายสินค้าหรือบริการภายใต้เงื่อนไขและระยะเวลาที่กำหนด
ทั้งนี้ แฟรนไชส์ซีต้องจ่ายค่าธรรมเนียมแรกเข้าแฟรนไชส์ (Franchise Fee) และค่าธรรมเนียมสิทธิ์ต่อเนื่องในการใช้ชื่อแบรนด์ (Royalty Fee) รวมถึงต้องปฏิบัติตามมาตรฐาน และข้อกำหนดต่างๆ ที่แฟรนไช์ซอร์กำหนดไว้ด้วย หากถามว่ามีแฟรนไชส์ลงทุนให้ฟรีในตลาดบ้างหรือไม่ ก็ตอบได้เลยว่า “มี” แต่น้อยมาก โดยส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจแฟรนไชส์ที่อยากขยายสาขาอย่างรวดเร็ว จึงมอบข้อเสนอพิเศษด้วยการลงทุนให้ฟรีแบบจำนวนจำกัด เช่น สำหรับผู้ที่ติดต่อเข้ามา 10 สาขาแรก เป็นต้น
แฟรนไชส์ มีกี่รูปแบบ
เมื่อทราบแล้วว่า แฟรนไชส์ คืออะไร คราวนี้ก็มาทำความรู้จักกับรูปแบบของแฟรนไชส์กัน โดยแฟรนไชส์มีหลายรูปแบบ แต่ที่พบเห็นบ่อยมี 3 รูปแบบหลัก ได้แก่
1.แฟรนไชส์ผลิตภัณฑ์และเครื่องหมายการค้า (Product and Brand Franchising)
เป็นรูปแบบแฟรนไชส์ที่แฟรนไชส์ซีได้รับสิทธิ์ในการจำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์ของแฟรนไชส์ซอร์ ยกตัวอย่างธุรกิจแฟรนไชส์รูปแบบนี้ เช่น ร้านขายรถยนต์ยี่ห้อต่างๆ
2.แฟรนไชส์รูปแบบธุรกิจ (Business Format Franchising)
เป็นรูปแบบแฟรนไชส์ที่แฟรนไชส์ซีได้รับสิทธิ์ในการใช้ระบบการดำเนินธุรกิจทั้งหมดของแฟรนไชส์ซอร์ ไม่ว่าจะเป็นการขายสินค้าหรือบริการ รวมถึงใช้เครื่องหมายการค้าของแฟรนไชส์ซอร์ สูตรอาหาร และวิธีการบริหารจัดการ ยกตัวอย่างธุรกิจแฟรนไชส์รูปแบบนี้ เช่น ร้านอาหาร ร้านซักรีด
3.แฟรนไชส์การจัดจำหน่าย (Conversion Franchising)
เป็นรูปแบบแฟรนไชส์ที่เปลี่ยนร้านค้าหรือธุรกิจอิสระให้มาเข้าร่วมกับระบบแฟรนไชส์ที่มีชื่อเสียง ซึ่งเป็นการสร้างเครือข่ายร่วมกัน โดยแฟรนไชส์ซีจะได้รับสิทธิ์ในการจัดจำหน่ายสินค้าหรือบริการของแฟรนไชส์ซอร์ ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ร่วมกันในการใช้ชื่อทางการค้า รวมไปถึงการโฆษณาร่วมกัน ซึ่งทำให้เกิดความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น ทำให้เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น
เพราะธุรกิจเดิมจะได้รับประโยชน์จากชื่อเสียงและระบบของแบรนด์ใหญ่นั่นเอง ยกตัวอย่างธุรกิจแฟรนไชส์รูปแบบนี้ เช่น ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจรถเช่า บริษัททัวร์
การขยายแฟรนไชส์ให้ยั่งยืน แบรนด์ และระบบธุรกิจต้องแข็งแกร่ง
เทคนิคขยายแฟรนไชส์อย่างไรให้สำเร็จในปี 2025
การขยายธุรกิจแฟรนไชส์ในปี 2025 ต้องอาศัยกลยุทธ์ที่ทันสมัย และปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป และนี่คือเทคนิคที่เราขอแนะนำ
โมเดลธุรกิจต้องแข็งแกร่ง
สิ่งสำคัญที่สุดคือ คุณต้องมีโมเดลธุรกิจที่แข็งแกร่ง พิสูจน์แล้วว่าสามารถทำกำไรได้จริง มีระบบการดำเนินงานที่ชัดเจน มีจุดเด่นที่แตกต่างจากคู่แข่ง และสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้
พัฒนาระบบแฟรนไชส์ที่ครบวงจร
พัฒนาระบบแฟรนไชส์ที่ครบวงจร ครอบคลุมทุกมิติของธุรกิจ เริ่มต้นตั้งแต่ระบบการคัดเลือกแฟรนไชส์ซี การอบรม การให้คำปรึกษา การสนับสนุนด้านการตลาด การควบคุมคุณภาพ ไปจนถึงระบบการติดตามผลและประเมินผล
สร้างประสบการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์
ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเรื่องราวให้กับแบรนด์ พัฒนาสินค้าหรือบริการให้มีความแตกต่างจากคู่แข่ง เพื่อดึงดูดลูกค้าและสร้างความภักดีต่อแบรนด์
ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและความรับผิดชอบต่อสังคม
นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะผ่านกระบวนการผลิตหรือบรรจุภัณฑ์ก็ตาม เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันที่ใส่ใจเรื่องนี้มากขึ้น รวมไปถึงการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นผ่านโครงการ CSR ซึ่งเป็นการช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ด้วย
สนับสนุนแฟรนไชส์ซีอย่างต่อเนื่อง
ความสำเร็จของแฟรนไชส์ซี ก็คือความสำเร็จของแฟรนไชส์ซอร์ คุณจึงต้องให้การสนับสนุนแฟรนไชส์ซีอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการอบรม การให้คำปรึกษา การตลาด การโฆษณาประชาสัมพันธ์ รวมไปถึงการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาต่างๆ
ปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์
ธุรกิจแฟรนไชส์ก็เหมือนกับธุรกิจอื่นๆ ที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค เทคโนโลยีใหม่ๆ และนำมาปรับใช้กับธุรกิจของคุณ
รักษาคุณภาพมาตรฐาน
มาตรฐานคือหัวใจสำคัญของธุรกิจแฟรนไชส์ คือ คุณต้องรักษามาตรฐานสินค้า บริการ และการดำเนินงานให้คงที่ทุกสาขา เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า และรักษาชื่อเสียงของแบรนด์
ใช้การตลาดออนไลน์
การใช้การตลาดออนไลน์เป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยให้แฟรนไชส์สามารถเข้าถึงผู้สนใจลงทุนได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย อีเมล โฆษณาออนไลน์ การพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับแฟรนไชส์ซี ฯลฯ
ฝึกอบรมและพัฒนาแฟรนไชส์ซีอย่างต่อเนื่อง
ลงทุนในการฝึกอบรมพนักงานเพื่อยกระดับคุณภาพการบริการและรักษามาตรฐานของแบรนด์
สร้างระบบพี่เลี้ยงเพื่อช่วยเหลือแฟรนไชส์ซีรายใหม่ พร้อมจัดทำคู่มือและระบบซัพพอร์ตที่เข้าถึงได้ง่าย
วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก
เก็บข้อมูลใช้เพื่อติดตามผลการดำเนินงานของแต่ละสาขา พร้อมรับฟังความคิดเห็นจากลูกค้าและแฟรนไชส์ซีอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคและปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม ปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นอยู่เสมอ
พัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
ธุรกิจที่ดีต้องไม่หยุดพัฒนา คุณต้องมองหาวิธีพัฒนาธุรกิจอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาสินค้า บริการ รูปแบบการให้บริการ เทคโนโลยี หรือกลยุทธ์ทางการตลาดก็ตาม
ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาช่วย
เทคโนโลยีสามารถช่วยให้ธุรกิจแฟรนไชส์มีประสิทธิภาพมากขึ้น คุณสามารถใช้เทคโนโลยีต่างๆ เช่น ระบบ CRM ระบบ POS ระบบจัดการสต็อกสินค้า ระบบการตลาดออนไลน์ ฯลฯ มาเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้
MAAI BY KTC ตัวช่วยสำคัญในการขยายธุรกิจแฟรนไชส์
การขยายธุรกิจแฟรนไชส์ให้ประสบความสำเร็จในปี 2025 ต้องอาศัยการผสมผสานระหว่างการรักษาเอกลักษณ์ของแบรนด์ และการปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของตลาด ด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างชาญฉลาด การสร้างประสบการณ์ที่โดดเด่น และการให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ธุรกิจแฟรนไชส์จึงจะสามารถเติบโตและประสบความสำเร็จได้ในยุคที่การแข่งขันสูงเช่นนี้ โดย MAAI BY KTC เป็นบริการระบบจัดการ CRM และ Digital Loyalty Platform แบบครบวงจร ที่เชื่อมต่อกับธุรกิจแฟรนไชส์ได้ด้วย 3 ระบบครบวงจร
1. ระบบจัดการข้อมูลสมาชิก (Membership Management)
เป็นระบบจัดการข้อมูลสมาชิกพื้นฐานและการจัดกลุ่มสมาชิก (Segment) เพื่อให้แฟรนไชส์ซีรู้จักและเข้าใจลูกค้ามากขึ้น แล้วสามารถนำข้อมูลมาต่อยอดทำการตลาดแบบ Personalize ได้ ไม่ว่าจะเป็น
- สามารถ Plug & Play เข้ากับทุกแพลตฟอร์มที่คุณมีอยู่แล้ว
- เชื่อมต่อทุก Touchpoint ทั้ง POS, App, Website และ Line OA
- เก็บข้อมูลสมาชิกอย่างเป็นระบบ สามารถแบ่ง Segment ได้ตามต้องการ
- ระบบ CRM ที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจ สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบให้เข้ากับธุรกิจได้
- นำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อเพิ่มยอดขายด้วยการ Cross-Sell และ Up-sell
- มีระบบหลังบ้านรองรับ ที่สามารถเข้าถึง และนำข้อมูลมาวางแผนการตลาดต่อได้
2. ระบบจัดการคะแนน (Point System Management)
เชื่อมต่อสู่ Ecosystem ที่แข็งแรง โดยสามารถกำหนดเงื่อนไข ทำโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดลูกค้าได้ทุกสาขา โดยมีคะแนนเป็นเครื่องมือสำคัญ พร้อมกับระบบหลังบ้านที่สามารถตรวจสอบรายละเอียดรายการคะแนน สะสม แลก โอน ของลูกค้าสมาชิกได้ง่ายๆ สามารถเลือกได้ว่าจะมีคะแนนเป็นของตัวเอง (Native Point) หรือจะใช้คะแนนมาย (MAAI Point) ในการทำ Loyalty Program กับลูกค้าสมาชิกของตนเองก็ได้เช่นกัน
3. ระบบจัดการ e-Coupon
สามารถสร้างและกำหนดเงื่อนไขคูปองได้ด้วยตนเองผ่านระบบหลังบ้าน พร้อมบริการจัดหาสิทธิพิเศษ ดึงดูดใจให้กับสมาชิก
สำหรับธุรกิจใดที่สนใจบริการ สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร 02 123 5678
MAAI BY KTC ตัวช่วยธุรกิจยุคใหม่ ง่าย ครบ จบในที่เดียว