ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง และผู้บริโภคก็มีช่องทางการสั่งซื้อสินค้ามากมายทั้ง ช่องทางออนไลน์ (Online) และออฟไลน์ (Offline) ส่งผลให้พฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้น การเข้าถึงลูกค้า และการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า จึงเป็นหัวใจสำคัญสำหรับการทำธุรกิจในยุคนี้ ซึ่งกลยุทธ์ “Omni Channel” คือหนึ่งในกุญแจสำคัญของการทำการตลาด ที่จะช่วยตอบโจทย์ได้ และวันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ Omni Channel ว่าคืออะไร รวมไปถึงธุรกิจที่ใช้กลยุทธ์ Omni Channel ในไทยได้ประสบความสำเร็จกันด้วย
Omni Channel คืออะไร ?
Omni Channel คือ กลยุทธ์การตลาดที่ผสานรวมช่องทางการติดต่อสื่อสารและการขายทั้งออนไลน์และออฟไลน์เข้าไว้ด้วยกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นช่องทางออนไลน์อย่างเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย แอปพลิเคชัน หรือช่องทางออฟไลน์ เช่น หน้าร้าน ตัวแทนจำหน่าย คอลเซ็นเตอร์
โดยเป้าหมายหลักของ Omni Channel คือ การมอบประสบการณ์ที่ราบรื่นให้กับลูกค้า และอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้ามากที่สุด ไม่ว่าลูกค้าจะเริ่มต้นติดต่อเราจากช่องทางไหนก็ตาม ข้อมูลลูกค้า ประวัติการติดต่อ ประวัติการสั่งซื้อ หรือข้อมูลใดๆ ก็ตามจะถูกเชื่อมโยงกันไว้เป็นหนึ่งเดียว ซึ่งลูกค้าสามารถสลับไปมาระหว่างช่องทางต่างๆ ในการซื้อสินค้าหรือการติดต่อพูดคุยได้อย่างสะดวก โดยไม่รู้สึกเกิดช่องทางระหว่างทางใดๆ ทั้งสิ้น เสมือนเป็นการมอบประสบการณ์แบบไร้รอยต่อ (Seamless Customer Experience) ให้กับลูกค้านั่นเอง ซึ่งข้อดีของการใช้กลยุทธ์ Omni Channel นั้นก็มีมากมาย เช่น
- ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการได้สะดวกมากขึ้น
- ช่วยเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า
- เพิ่มโอกาสในการขายมากขึ้น
- เพิ่มฐานข้อมูลลูกค้าได้กว้างขึ้น
- สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าแล้วนำมาปรับปรุงการให้บริการได้
Omni Channel มีอะไรบ้าง ?
อย่างที่บอกไปว่า Omni Channel คือ กลยุทธ์การตลาดที่รวมช่องทางการติดต่อสื่อสารทั้งออนไลน์ และออฟไลน์เข้าไว้ด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว ยกตัวอย่าง เช่น
ออนไลน์ (Online) เช่น
- เว็บไซต์
- โซเชียลมีเดีย (Facebook, Instagram, X, Line, TikTok)
- อีเมล
- แอปพลิเคชัน
ออฟไลน์ (Offline) เช่น
- หน้าร้าน
- ตัวแทนจำหน่าย
- คอลเซ็นเตอร์
- การจัดอีเวนท์
ยกตัวอย่างการใช้งาน Omni Channel เช่น
- ลูกค้าสามารถดูสินค้าบนเว็บไซต์หรือช่องทางโซเชียลมีเดียก่อน และค่อยตัดสินใจไปซื้อที่หน้าร้าน
- ลูกค้าสามารถดูรูปสินค้าผ่าน Facebook และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พร้อมสั่งซื้อสินค้าผ่าน Line ได้
- ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าผ่าน Instragram แล้วให้แมสเซนเจอร์มาส่งที่บ้านได้
ตัวอย่างธุรกิจ Omni Channel ในไทย
สำหรับธุรกิจที่ใช้กลยุทธ์ Omni Channel ในไทย เพื่อมอบประสบการณ์ที่ราบรื่นและอำนวยความสะดวกสบายให้กับลูกค้านั้นก็มีมากมาย โดยเราขอยกตัวอย่าง 2 ธุรกิจในประเทศไทยที่ประสบความสำเร็จในการใช้กลยุทธ์ Omni Channel มาให้ทุกท่านได้เห็นภาพชัดๆ กัน
บิ๊กซี ได้มีการนำกลยุทธ์ Omni Channel มาใช้เพื่อตอบสนองต่อพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคในปัจจุบัน
1. บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์
ห้างบิ๊กซี หนึ่งในห้างสรรพสินค้าชั้นนำของประเทศไทยที่เริ่มต้นจากการขายสินค้าผ่านทางออฟไลน์ นั่นก็คือห้างบิ๊กซีสาขาต่างๆ ทั่วประเทศ และได้มีการนำกลยุทธ์ Omni Channel มาใช้เพื่อตอบสนองต่อพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคในปัจจุบัน ด้วยการยกระดับประสบการณ์ช้อปปิ้งให้กับลูกค้าแบบไร้รอยต่อ เป็นการผสานรวมช่องทางการขายออฟไลน์เข้ากับช่องทางออนไลน์หลากหลายแพลตฟอร์มได้อย่างลงตัว เช่น
- เว็บไซต์ www.bigc.co.th และ แอปพลิเคชัน Big C Plus ที่สามารถสั่งซื้อสินค้าพร้อมบริการจัดส่งสินค้าที่มีให้เลือกหลายรูปแบบ เช่น บริการจัดส่งด่วนถึงประตูบ้านภายใน 1 ชั่วโมง (Express Delivery), บริการจัดส่งวันถัดไป (Next-Day Delivery) เฉพาะเขตและพื้นที่ที่ให้บริการ, จัดส่งแบบพัสดุ (Parcel Delivery) ทั่วไทย หรือรับสินค้าที่สาขาใกล้บ้าน (In-Store Pickup) ก็ได้ตามความสะดวก
- สามารถสั่งซื้อผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เช่น Lazada, Shopee แล้วจัดส่งถึงหน้าบ้านทั่วประเทศ
- สามารถสั่งซื้อผ่านแอปพลิเคชันฟู้ดเดลิเวอรี่ต่างๆ เช่น Grab, Foodpanda และรับสินค้าได้ภายใน 1 ชั่วโมง
- บริการ Call Chat Shop สามารถแอดไลน์สาขาหรือโทรสาขาใกล้บ้านเพื่อช้อปสินค้าได้
ขอบคุณภาพจาก : https://www.facebook.com/Jovina.cosmetics
2. Jovina Cosmetics
Jovina Cosmetics แบรนด์เครื่องสำอางไทยที่โด่งดังจากโลกออนไลน์และได้ขยายธุรกิจไปยังออฟไลน์ภายหลัง ซึ่งได้ผสมผสานช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ได้แบบไร้รอยต่อ อีกทั้งกลยุทธ์นี้ช่วยให้ Jovina Cosmetics เข้าถึงลูกค้าได้หลากหลายกลุ่ม ช่วยเพิ่มยอดขาย และสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าได้ โดยกลยุทธ์ Omni Channel ของ Jovina Cosmetics ประกอบไปด้วยช่องทางออนไลน์และออฟไลน์มากมาย เช่น
- เว็บไซต์ https://gamgychannel.com ที่เป็นเว็บไซต์หลักของแบรนด์ ซึ่งใช้จำหน่ายสินค้าครบครัน มีข้อมูลผลิตภัณฑ์ รีวิว บทความ ช่องทางการติดต่อสั่งซื้อครบถ้วน
- โซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram, TikTok, Line OA ที่ใช้สื่อสารกับลูกค้า สร้างการมีส่วนร่วม โปรโมตสินค้า สั่งซื้อสินค้า ตอบคำถาม แจ้งปัญหาต่าง ๆ
- Online Marketplace เช่น Shopee, Lazada, Konvy, Line My Shop ที่เพิ่มเข้ามาภายหลังจากที่ใช้สื่อโซเชียลมีเดียของตนเองในการขายสินค้าได้ประสบความสำเร็จแล้ว โดยช่องทาง Online Marketplace นี้ เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าได้เข้าถึงช่องทางการซื้อ ซื้อได้หลากหลายมากขึ้นกว่าเดิม พร้อมกับมีโปรโมชั่นร่วมกับแพลตฟอร์มนั้นๆ
ภายหลังจากการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ Jovina Cosmetics ก็ได้ขยายธุรกิจไปยังช่องทางออฟไลน์ไปตามร้านมัลติแบรนด์เครื่องสำอางต่างๆ เช่น Beautrium, Eveandboy, CastleC เพื่อเพิ่มการเข้าถึงลูกค้าและให้ลูกค้าสามารถทดลองใช้สินค้าก่อนตัดสินใจซื้อ แล้วสามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ภายหลังได้
นอกจากนี้ Jovina Cosmetics ยังมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพราะหลังจากที่ขยายช่องทางการขายไปยังหน้าร้านแล้ว ก็ศึกษาความต้องการของลูกค้า ตอบโจทย์คนที่ต้องการใช้สินค้าด่วนด้วยบริการสั่งซื้อสินค้าผ่าน Line OA ของ Jovina Fastlane แล้วส่งด่วนผ่าน Grab และ Line Man ได้ด้วย
มอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าแบบไร้รอยต่อด้วย MAAI BY KTC
การเชื่อมโยงข้อมูลลูกค้าให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อมอบประสบการณ์การรับบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ สำหรับท่านใดที่ต้องการเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของตนเองด้วยการมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าแบบไร้รอยต่อ MAAI BY KTC สามารถช่วยคุณได้ด้วยระบบบริหารจัดการ CRM และ Digital Loyalty Platform แบบครบวงจรที่ตอบโจทย์ธุรกิจมากที่สุด โดยคุณสามารถเลือกใช้เฉพาะระบบที่ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจได้ ดังนี้
1. ระบบจัดการข้อมูลสมาชิก (Membership Management)
ระบบที่จะทำให้ธุรกิจรู้จักและเข้าใจลูกค้ามากขึ้น ด้วยการเก็บข้อมูลสมาชิกอย่างเป็นระบบ สามารถแบ่ง Segment ได้ตามต้องการ มีระบบหลังบ้านรองรับ ที่สามารถเข้าถึง และนำข้อมูลมาวางแผนการตลาดแบบ Personalize ต่อได้ นอกจากนี้ ยังสามารถ Plug & Play เข้ากับทุกแพลตฟอร์มที่มีอยู่แล้ว พร้อมเชื่อมต่อทุก Touchpoint ทั้ง POS, App, Website และ Line OA ได้อย่างสะดวกสบาย
2. ระบบจัดการคะแนน (Point System Management)
สามารถสร้างระบบบริหารจัดการคะแนน กำหนดเงื่อนไข การบริหารคะเเนน ทั้งการสะสมคะเเนน อัตราคะเเนนที่มอบให้กับลูกค้า หรือ การแลกคะเเนน อัตราคะเเนนที่ใช้เเลกสิทธิพิเศษ และทำโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดลูกค้า พร้อมตรวจสอบรายละเอียดรายการคะแนน สะสม แลก โอน ของลูกค้าสมาชิกได้ง่าย ๆ อีกด้วย
3. ระบบจัดการ e-Coupon (e-Coupon Management)
สามารถสร้างและกำหนดเงื่อนไขคูปองได้ด้วยตนเองผ่านระบบหลังบ้าน ที่ Generate ได้ทั้ง Barcode, QR Code และ Text Code นอกจากการให้บริการระบบเเล้ว MAAI BY KTC ยังให้บริการที่ครบวงจร จัดหาสิทธิพิเศษด้วยเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแรง เพื่อมอบสิทธิพิเศษให้โดนใจสมาชิก
มาต่อยอดสิทธิประโยชน์ให้กับแผนธุรกิจของคุณ เพื่อการประสบความสำเร็จยิ่งขึ้นด้วย MAAI BY KTC สำหรับองค์กรใดที่สนใจบริการ สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร 02 123 5678
ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ธุรกิจเติบโต MAAI BY KTC ผู้ช่วยของคุณ