ปัจจุบันความยืดหยุ่นในการใช้รถกลายเป็นสิ่งที่ผู้คนให้ความสำคัญมากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจรถเช่ามีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ทั้งในกลุ่มนักท่องเที่ยว คนทำงาน และองค์กรต่าง ๆ สำหรับคนที่กำลังมองหาโอกาสทางธุรกิจที่สามารถเริ่มต้นได้ด้วยทรัพยากรที่มีอยู่ รถยนต์อาจไม่ใช่แค่ยานพาหนะแต่เป็นทรัพย์สินที่สร้างรายได้ได้จริง บทความนี้จะช่วยเปิดมุมมองใหม่ ๆ ในธุรกิจเกี่ยวกับรถเช่า พร้อมแนวทางการเริ่มต้นอย่างเป็นระบบ เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจหรือวางแผนขยายธุรกิจในระยะยาว
เลือกอ่านตามหัวข้อ
ธุรกิจรถเช่า คืออะไร?
ธุรกิจรถเช่า คือการให้บริการปล่อยรถให้เช่าแก่บุคคลหรือองค์กร โดยมีการคิดค่าเช่าตามระยะเวลา เช่น รายวัน รายเดือน หรือรายปี จุดเด่นของธุรกิจนี้คือสามารถเริ่มต้นได้หลากหลายรูปแบบทั้งแบบรายย่อยหรือในนามบริษัท จุดประสงค์ของผู้เช่ามีตั้งแต่การเช่าเพื่อการท่องเที่ยว เช่าเพื่อเดินทางไปทำธุรกิจ ไปจนถึงเช่าเพื่อใช้งานชั่วคราวในชีวิตประจำวัน การบริหารจัดการธุรกิจเช่ารถยนต์ที่ดีสามารถสร้างรายได้ให้กับเจ้าของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีความคุ้มค่าต่อการลงทุนในระยะยาว
ประเภทของรถที่นิยมปล่อยเช่า
- รถอีโคคาร์ -เป็นรถยนต์ขนาดเล็กสำหรับผู้เช่าที่เป็นบุคคล จุดเด่นคือความประหยัดน้ำมัน และเหมาะกับการใช้งานในเมือง รถประเภทนี้มีค่าเช่าถูก มีความต้องการเช่าสูง และยังมีค่าบำรุงรักษาต่ำ ทำให้เจ้าของธุรกิจเช่ารถสามารถควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ได้ง่าย
- รถเก๋ง -เป็นรถยนต์ที่เหมาะสำหรับใช้งานทั่วไป มีความสะดวกสบายเพิ่มขึ้นจากรถกลุ่มอีโคคาร์ เหมาะกับลูกค้าหลากหลายกลุ่มตั้งแต่นักท่องเที่ยวไปจนถึงลูกค้าธุรกิจ สามารถเก็บค่าเช่าได้สูงตามขนาดของรถและเครื่องยนต์ และยังมีความต้องการเช่าสูงเช่นเดียวกัน
- รถเอสยูวี -เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ที่มีสมรรถนะสูง มีความสะดวกสบาย ใช้เดินทางไกลได้ดี เหมาะสำหรับผู้เช่าที่เป็นกลุ่มบุคคลหรือครอบครัว สามารถเก็บค่าเช่าได้สูงตามขนาดของรถและขนาดเครื่องยนต์ มีความต้องการเช่าสูงโดยเฉพาะตามเมืองท่องเที่ยว
- รถตู้ -เป็นรถที่รองรับผู้โดยสารได้จำนวนมาก เหมาะกับผู้เช่าที่เป็นกลุ่มบุคคล เช่น กรุ๊ปทัวร์ กลุ่มนักท่องเที่ยว หรือผู้เช่าที่เป็นองค์กร สามารถเก็บค่าเช่าได้สูงและสามารถเสนอบริการเพิ่มเติมได้ เช่น บริการปล่อยเช่ารถตู้พร้อมคนขับ เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีรถอีกหลายที่สามารถที่นำมาทำธุรกิจรถเช่าได้ เช่น รถจักรยานยนต์ รถบรรทุก รถกระบะ รถบัสโดยสาร โดยผู้เช่าและผู้ให้เช่าจะต้องทำสัญญาเช่าและจ่ายค่าเช่าตามที่ตกลงกัน
ธุรกิจรถเช่า แบ่งออกเป็นกี่ประเภท
โดยทั่วไปแล้วธุรกิจรถเช่าแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักตามระยะเวลาการเช่า ได้แก่ การเช่าระยะสั้น และการเช่าระยะยาว แต่ละประเภทมีลักษณะการให้บริการและกลุ่มเป้าหมายแตกต่างกัน ดังนี้
การให้เช่ารถยนต์ระยะสั้น (Short Term Car Rental)
การให้เช่ารถยนต์ระยะสั้น เหมาะกับลูกค้าที่ต้องการเช่ารถยนต์เพียงชั่วคราว เช่น นักท่องเที่ยว บุคคลคนที่หารถใช้งานสำรอง หรือผู้ที่เดินทางมาทำธุระในพื้นที่ ซึ่งธุรกิจรถเช่าประเภทนี้จะให้บริการเช่ารถแบบรายวันหรือรายสัปดาห์ ผู้ให้บริการมักมีรถหลายรุ่นให้เลือก เน้นความสะดวกและความยืดหยุ่นในการจองและคืนรถ สิ่งสำคัญคือต้องบริหารจัดการรถให้พร้อมใช้งานเสมอโดยเฉพาะช่วงวันหยุดยาวหรือเทศกาล
การให้เช่ารถยนต์ระยะยาว (Long Term Car Rental)
การให้เช่ารถยนต์ระยะยาว เป็นรูปแบบการปล่อยเช่ารถเป็นรายเดือน รายไตรมาส รายปี หรือหลายปี ขึ้นอยู่กับสัญญาที่ผู้เช่าและผู้ให้เช่าตกลงกัน เหมาะกับลูกค้านิติบุคคล เช่น บริษัทเอกชน หน่วยงานราชการหรือรัฐวิสาหกิจ ที่ต้องการเช่ารถสำหรับใช้งานระยะยาว ซึ่งธุรกิจรถเช่าประเภทนี้มีข้อดีคือมีรายได้ต่อเนื่องและคงที่ แต่ต้องมีการบริหารต้นทุนที่ครบวงจร เช่น การซ่อมบำรุงตามระยะ ค่าประกันภัย และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับตัวรถ
อยากทำธุรกิจรถเช่า ต้องเตรียมอะไรบ้าง
ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนและภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ทำให้หลายคนเครียดเรื่องเงินและมองหาช่องทางสร้างรายได้เสริมหรือธุรกิจส่วนตัวที่สามารถเริ่มต้นได้จริงอย่างธุรกิจรถเช่า ซึ่งก่อนเริ่มต้นธุรกิจรถเช่า ผู้ประกอบการควรวางแผนให้รอบด้านทั้งต้นทุน รายจ่าย และรายได้ที่คาดว่าจะได้รับ เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคงและลดความเสี่ยงในระยะยาว สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องเตรียมตัวมีดังนี้
1. เช็กรายจ่ายจำเป็น -ค่าใช้จ่ายหลักในการทำธุรกิจรถเช่า ประกอบด้วย ค่าประกันภัยรถยนต์ ค่าประกันอะไหล่รถยนต์ ภาษีรถยนต์ ค่าดูแลรักษา และค่าน้ำมันหากรวมไว้ในบริการ นอกจากนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับระบบการจอง การตลาด และค่าใช้จ่ายแฝง เช่น ค่าซ่อมฉุกเฉิน หรือค่าความเสียหายของรถที่เกิดจากลูกค้า ผู้ประกอบธุรกิจเช่ารถยนต์ควรรู้รายจ่ายทั้งหมดล่วงหน้าและวางแผนรายจ่ายอย่างรอบคอบ วิธีนี้จะช่วยให้ควบคุมต้นทุนได้ดียิ่งขึ้น
2. เตรียมเงินลงทุน -เงินลงทุนจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับขนาดของธุรกิจ ซึ่งจะแปรผันกับจำนวนรถยนต์รวมถึงบริการเสริมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ผู้ประกอบธุรกิจรถเช่าต้องเตรียมเงินทุนให้ครอบคลุมทั้งราคารถยนต์ ค่าจดทะเบียน ประกันภัย พรบ. และควรมีเงินทุนสำรองเผื่อในกรณีฉุกเฉิน ในระยะเริ่มต้นธุรกิจอาจมีรถให้เช่าเพียง 1–2 คัน เมื่อเริ่มมีกำไรแล้วก็สามารถขยายขนาดธุรกิจเพิ่มได้ตามต้องการ นอกจากนี้ การมองหาแหล่งเงินทุนหรือสินเชื่อธุรกิจก็เป็นอีกทางเลือกหากเงินทุนส่วนตัวยังไม่เพียงพอ แต่ต้องบริหารดอกเบี้ยและภาระหนี้ให้ดี
3. วิเคราะห์รายได้ - การประเมินรายได้ควรพิจารณาจากอัตราค่าเช่า จำนวนวันให้เช่าได้ต่อเดือน และต้นทุนต่อคัน โดยปกติรถ 1 คันหากมีอัตราการเช่าเฉลี่ย 15–20 วันต่อเดือน ก็สามารถสร้างกำไรได้แล้ว ผู้ประกอบธุรกิจรถเช่าควรวิเคราะห์รายได้อย่างละเอียดว่าในแต่ละเดือนมีรายได้เท่าไร หักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แล้วได้กำไรมากน้อยแค่ไหน คุ้มทุนหรือไม่ นอกจากนี้ ควรวางแผนกลยุทธ์การตลาดเพื่อเพิ่มอัตราการเช่า เช่น ทำโปรโมชั่น หาลูกค้าประจำ หรือร่วมมือกับบริษัททัวร์และองค์กรเพื่อให้มีการเช่ารถเป็นประจำ จะทำให้มีรายได้สม่ำเสมอทุกเดือน
ทำธุรกิจรถเช่ายังไงให้รายได้ดี
การทำธุรกิจรถเช่าให้มีรายได้ดีต้องมีการวางแผนทั้งด้านการตลาด การบริหารความเสี่ยง และเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าในพื้นที่ เพื่อให้รถทุกคันสร้างรายได้สม่ำเสมอและปลอดภัยจากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น โดยปัจจัยที่ช่วยให้ธุรกิจเช่ารถมีรายได้ดี ประกอบด้วย
1. สำรวจกลุ่มเป้าหมาย
ก่อนเริ่มธุรกิจรถเช่า ควรสำรวจดูว่าพื้นที่ที่ต้องการปล่อยรถให้เช่าว่ามีกลุ่มลูกค้าแบบไหน เช่น นักท่องเที่ยว พนักงานออฟฟิศ หรือบริษัทที่ต้องการเช่ารถรายเดือน จากนั้นเลือกประเภทรถและรูปแบบการเช่าให้เหมาะกับความต้องการ เช่น ถ้าอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยว รถอีโคคาร์หรือรถ SUV อาจได้รับความนิยมมากกว่ารถตู้เนื่องจากผู้เช่ามักเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ต้องการความสะดวกรวดเร็วและค่าเช่าไม่สูง การรู้ว่าลูกค้าต้องการอะไรจะช่วยให้บริหารรถได้คุ้มค่าที่สุด
2. สำรวจคู่แข่งในพื้นที่ใกล้เคียง
ผู้ประกอบการธุรกิจรถเช่าควรศึกษาคู่แข่งในพื้นที่ใกล้เคียงว่ามีรถประเภทไหนให้เช่าบ้าง คิดราคาเท่าไร และใช้ช่องทางการตลาดแบบไหน เช่น มีเว็บไซต์หรือใช้แอปจองหรือไม่ แล้วเปรียบเทียบกับสิ่งที่ตัวเองวางแผนไว้ หากคู่แข่งเยอะ อาจต้องปรับจุดขาย เช่น มีบริการส่งรถถึงที่ บริการคืนรถตามสถานที่สำคัญโดยไม่ต้องมาคืนที่หน้าบริษัท มีประกันภัยแบบ No Deduct หรือให้เช่าแบบไม่ต้องใช้บัตรเครดิต เพื่อดึงดูดใจลูกค้าให้มากขึ้น
3. ระมัดระวังถูกโจรกรรมรถเช่า
ธุรกิจรถเช่า มีความเสี่ยงหลายประการที่ผู้ประกอบการต้องพิจารณาและบริหารความเสี่ยงเหล่านี้ให้ได้ เช่น
- รถที่ถูกเช่าไปเกิดอุบัติเหตุ -อุบัติเหตุเป็นความเสี่ยงสำคัญอันดับต้น ๆ ที่ผู้ประกอบการธุรกิจรถเช่าต้องเผชิญ การลดความเสี่ยงนี้สามารถทำได้โดยการทำประกันภัยชั้น 1 ให้กับรถเช่าทุกคัน ซึ่งจะครอบคลุมค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ หากรถเช่าไม่มีประกันภัย ผู้ประกอบการอาจต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดด้วยตนเอง นอกจากนี้ ควรหมั่นตรวจสอบสภาพรถเช่าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันปัญหาอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้น เช่น เครื่องยนต์สั่น หรือความเสียหายของชิ้นส่วนอื่น ๆ ที่อาจนำไปสู่อุบัติเหตุได้
- อะไหล่รถหาย -เป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงที่ผู้ประกอบธุรกิจรถเช่ามีโอกาสพบเจอ สามารถป้องกันได้ด้วยการตรวจเช็กสภาพก่อนส่งมอบรถให้ผู้เช่าแล้วทำบันทึกไว้ และตรวจเช็กสภาพรถทันทีหลังจากรับรถคืน หากมีอะไหล่หรือชิ้นส่วนใดหายไปก็สามารถเรียกค่าเสียหายกับตัวผู้เช่าได้ ตัวอย่างเช่น การสูญหายของไส้กรองน้ำมันเครื่อง
- ถูกเอารถที่เช่าไปขายหรือจำนำ - เป็นความเสี่ยงที่พบได้น้อยแต่ก็เป็นการสูญเสียทรัพย์สินชิ้นใหญ่ที่มีมูลค่าสูง และอาจไม่ได้รถคืนถ้าตามเรื่องช้าหรือไม่มีเอกสารรับรองครบถ้วน การทำประวัติผู้เช่า ทำประกันรถหายเอาไว้จะช่วยให้ผู้ประกอบธุรกิจรถเช่ารถอุ่นใจได้มากขึ้น
ธุรกิจรถเช่า โอกาสของคนอยากมีรายได้จากรถยนต์
ธุรกิจรถเช่าในไทยยังคงเติบโตต่อเนื่องโดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยวและเขตเมืองที่การเดินทางมีความสำคัญ ความต้องการเช่ารถเพิ่มสูงขึ้นทั้งจากนักท่องเที่ยว คนทำงาน และองค์กร ทำให้แนวโน้มธุรกิจรถเช่า 2568 มีโอกาสสร้างรายได้ที่ดี ถ้าบริหารจัดการอย่างมืออาชีพทั้งด้านต้นทุน การตลาด และการบริหารความเสี่ยง
สำหรับคนที่สนใจเริ่มต้นธุรกิจเช่ารถแต่ยังขาดเงินทุน คุณสามารถเปลี่ยนรถที่มีอยู่ให้กลายเป็นเงินทุนสำหรับธุรกิจเช่ารถยนต์ได้ด้วยสินเชื่อรถยนต์ KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน ไม่ว่ารถยังผ่อนอยู่หรือรถปลอดภาระแล้ว ให้วงเงินสูงสุด 100% อาชีพไหนก็สมัครได้ นอกจากนี้ยังมีบริการ พี่เบิ้ม Delivery พร้อมเดินทางไปหาถึงที่ประเมินราคารถให้ถึงหน้าบ้าน อนุมัติไวใน 1 ชั่วโมง รับเงินทันที โดยไม่ต้องมีคนค้ำประกัน และผ่อนได้นานสูงสุด 84 เดือน มาพร้อมโปรโมชั่นมากมาย สามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ https://www.ktc.co.th/promotion/ktc-p-berm
กรุณาศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์ก่อนทำการสมัคร
เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ และธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
*วงเงินอนุมัติเป็นไปตามความสามารถในการชำระหนี้และราคาประเมินมูลค่ารถ
*อนุมัติไวใน 1 ชั่วโมง รับเงินทันที เมื่อเอกสารครบถ้วนถูกต้องและโอนเงินเข้าบัญชีกรุงไทยหรือพร้อมเพย์
*เมื่อวงเงินกู้ 200,000 บาทขึ้นไป สามารถเลือกผ่อนชำระได้นานสูงสุด 84 เดือน
*กรณีรถยนต์ติดไฟแนนซ์ อนุมัติและโอนเงินหลังจากกรรมสิทธิ์ในรถเป็นชื่อผู้กู้เรียบร้อยแล้ว
*กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ย 21%-24% ต่อปี
กรณีที่รถยังผ่อนไม่หมด สามารถนำมาประเมินวงเงินเบื้องต้นก่อนได้