ตรวจเช็กสภาพรถให้พร้อม ขับขี่ปลอดภัยตลอดทริป
เมื่อใกล้ถึงวันหยุดยาวทำให้มีคนไม่น้อยที่เตรียมเดินทางท่องเที่ยวต่างจังหวัด แต่สิ่งที่ควรคำนึงก่อนเริ่มต้นขับรถทางไกลก็คือการเช็กความพร้อมรถยนต์ที่ใช้ในการเดินทาง เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ด้วยสิ่งที่คนใช้รถควรตรวจเช็กให้ครบถ้วนก่อนเริ่มต้นทริป สำหรับใครที่ไม่มีความรู้ด้านช่างยนต์สามารถเลือกใช้บริการสถานตรวจสภาพรถเอกชน ส่วนต้องตรวจเช็กอะไรบ้าง มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ และมีความสำคัญแค่ก่อนขับรถทางไกลใช่ไหม วันนี้พี่เบิ้มมีคำตอบมาฝาก
5 สิ่งที่ต้องเช็กก่อนเตรียมพร้อมเดินทางไกล
เช็กรถให้พร้อมก่อนเดินทางไกล
ก่อนเดินทางไกลช่วงวันหยุดยาวหรือเทศกาลสำคัญต่าง ๆ คนที่กำลังจัดทริปขึ้นเหนือล่องใต้ด้วยรถยนต์ส่วนตัว ควรตรวจเช็กสภาพรถก่อนเดินทางไกล เพื่อเสริมความมั่นใจว่ารถมีความพร้อมต่อการใช้งานมากที่สุด นอกจากช่วยให้คุณเดินทางอย่างราบรื่น ยังป้องกันการเกิดอุบัติเหตุระหว่างขับขี่ โดยสิ่งสำคัญที่ต้องตรวจสอบก่อนออกเดินทาง มีดังนี้
ยางรถยนต์
ยางรถยนต์ทำหน้าที่ขับเคลื่อนให้เราเดินทางไปได้อย่างปลอดภัยมั่นคง ดังนั้นควรทำการตรวจสภาพยางรถยนต์ทุกครั้งก่อนออกเดินทาง ทั้งการตรวจสอบดอกยางว่าลบเลือนหรือไม่ เพราะดอกยางส่งผลต่อคุณภาพของยางรถยนต์เป็นอย่างมาก ถ้าดอกยางบางจนแทบมองไม่เห็นย่อมส่งผลให้ยึดเกาะถนนไม่ดี ทั้งควบคุมทิศทางของรถได้ยาก นอกจากนี้ให้ลองสังเกตบนยางรถยนต์ว่ามีรอยขีดข่วนขนาดใหญ่ไหม เนื่องจากอาจส่งผลให้ยางรถรั่วขณะขับขี่ได้ ต้องบอกว่าถ้าดอกยางลบเลือน มีรอยข่วน หรือมีอายุการใช้งานมากกว่า 3 ปี แนะนำให้เปลี่ยนยางรถยนต์ก่อนเดิน เพื่อลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน
ระบบระบายความร้อน
ก่อนเดินทางไกลทุกครั้งควรเช็กระบบระบายความร้อนให้ดี เนื่องจากการขับรถระยะไกลมักพบเจอกับปัญหาความร้อนของเครื่องยนต์ หากระบบระบายความร้อนทำงานได้ไม่ดี อาจส่งผลโดยตรงกับการทำงานของเครื่องยนต์ ดังนั้นก่อนเดินทางควรต้องตรวจสอบหม้อน้ำว่ามีรอยรั่วไหม มีระดับน้ำหล่อเย็นในหม้อพักและในหม้อน้ำเพียงพอหรือไม่
แบตเตอรี่รถยนต์
แบตเตอรี่เป็นหัวใจในการสตาร์ทและทำงานของระบบต่าง ๆ ในเครื่องยนต์ ดังนั้นผู้ขับขี่ควรตรวจเช็กแบตเตอรี่ก่อนออกเดินทางทุกครั้ง โดยอาจตรวจสอบด้วยตัวเองด้วยการใช้โวลต์มิเตอร์วัดไฟแบตเตอรี่รถยนต์หรือสังเกตว่ารถเริ่มสตาร์ทติดยากหรือไม่ หากมีอาการดังกล่าวแนะนำให้ทำการเปลี่ยนใหม่ก่อนออกเดินทาง เพราะโดยปกติแล้วแบตเตอรี่รถยนต์จะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ประมาณ 2 ปี ที่สำคัญต้องไม่ลืมพกน้ำกลั่นติดรถเอาไว้ รวมถึงเติมน้ำกลั่นในแบตเตอรี่รถยนต์เป็นประจำ
ระบบไฟส่องสว่าง
ระบบไฟส่องสว่างและสัญญาณไฟจุดที่ควรตรวจเช็กว่าสามารถใช้งานได้ปกติครบทุกจุดหรือไม่ เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง โดยเฉพาะผู้ที่ต้องเดินทางในช่วงเวลากลางคืน หากตรวจพบความผิดปกติของระบบไฟอย่างใดอย่างหนึ่ง ควรรีบนำรถเข้าอู่เพื่อรับการซ่อมบำรุงทันที หากปล่อยไว้อาจเป็นอันตรายในระหว่างการขับขี่มากกว่าที่คิด
น้ำมันเครื่อง
น้ำมันเครื่องเป็นอีกหนึ่งจุดที่ไม่ควรละเลย เพราะเป็นส่วนหล่อลื่นที่ทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการเช็คระดับน้ำมันเครื่องสามารถทำได้ด้วยตัวเอง ด้วยการเปิดกระโปรงรถดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องออกมาแล้วเช็ดให้สะอาด เสียบก้านวัดกลับไปจุดเดิมแล้วดึงออกมาอีกครั้งหากจุดของน้ำมันเครื่องอยู่ในตำแหน่ง Low ให้ทำการเติมน้ำมันเครื่องทันที
ระบบเบรก
หนึ่งจุดสำคัญที่ต้องตรวจเช็กก่อนเดินทางคือระบบเบรก โดยสามารถสังเกตเบื้องต้นด้วยตัวเองง่าย ๆ ระหว่างการขับขี่หากรู้สึกว่าเหยียบเบรกแล้วมีเสียงดังผิดปกติหรือเบรกไม่อยู่ ควรนำรถไปให้ช่างผู้ชำนาญเช็คสภาพรถและทำการแก้ไขทันที เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
ตรวจเช็กสภาพรถให้พร้อมก่อนเดินทางและเสียภาษีประจำปี
การตรวจสภาพรถ ตรอ. หรือ การตรวจสภาพรถยังสถานตรวจสภาพรถเอกชน ที่ได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบกสำหรับการตรวจสภาพรถ เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ไม่เพียงเฉพาะสำหรับการเดินทางเท่านั้น ยังเป็นการตรวจสภาพรถให้มีความพร้อมในการใช้งานบนท้องถนนให้เป็นไปตามที่กรมการขนส่งทางบกระบุไว้ก่อนเสียภาษีประจำปี และเมื่อตรวจเช็กเสร็จจะได้รับเอกสารยืนยันว่ายานพาหนะดังกล่าวมีความปลอดภัย สามารถขับขี่บนถนนได้โดยไม่เป็นอันตรายและไม่สร้างมลพิษทางอากาศ รถกี่ปีต้องตรวจสภาพ? สำหรับรถที่ต้องเข้ารับการตรวจสภาพรถก่อนทำการยื่นต่อภาษีประจำปี ได้แก่
- รถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง อายุการใช้งาน 7 ปีขึ้นไป
- รถยนต์ส่วนบุคคลเกิน 7 ที่นั่ง อายุการใช้งานรถยนต์ 7 ปีขึ้นไป
- รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล อายุการใช้งานรถครบ 7 ปีขึ้นไป
- รถจักรยานยนต์ อายุการใช้งาน 5 ปีขึ้นไป
ตรวจสภาพรถตรอ ราคาเท่าไหร่?
สำหรับการตรวจเช็กสภาพรถยนต์ ตรอ. มีค่าใช้จ่ายที่กำหนดเอาไว้โดยกรมการขนส่งทางบก ดังนี้
- รถยนต์ที่มีน้ำหนักรถเปล่าไม่เกิน 1,600 กิโลกรัม ราคาคันละ 150 บาท
- รถยนต์ที่มีน้ำหนักรถเปล่าเกิน 1,600 กิโลกรัม ราคาคันละ 250 บาท
- รถจักรยานยนต์ ราคาคันละ 60 บาท
นอกจากนี้ยังสามารถค้นหาตรวจสภาพรถ ตรอ ใกล้ฉันด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ เพียงเสิร์ชบนอินเทอร์เน็ตว่าศูนย์ตรวจ ตรอ. ใกล้ฉัน เพียงเท่านี้ก็จะขึ้นพิกัดศูนย์ตรวจ ตรอ. ที่อยู่ใกล้กับตำแหน่งที่คุณอยู่ ทำให้สะดวกสบายต่อการนำรถเข้าไปตรวจสภาพ เพื่อเตรียมพร้อมก่อนยื่นต่อภาษีรถยนต์
ตรวจเช็กสภาพรถแบบละเอียดที่ศูนย์ตรวจสภาพรถ
ทั้งนี้หากไม่ใช่ช่วงที่ต้องการต่อภาษีรถยนต์แต่ต้องการตรวจเช็กสภาพรถยนต์ทั่วไปก่อนเดินทาง สามารถเลือกศูนย์ให้บริการตรวจเช็กสภาพรถต่าง ๆ ที่มีบริการครอบคลุม เพื่อให้ทริปท่องเที่ยวในวันหยุดพักผ่อนเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด
แต่สำหรับคนมีรถปลอดภาระที่มีเหตุฉุกเฉินต้องการเงินด่วนสามารถเลือกยื่นขอสินเชื่อจำนำทะเบียนรถกับ KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน ที่รับทั้งรถยนต์ รถกระบะ รถตู้ ไม่ว่าจะอาชีพไหนก็สามารถยื่นขอสินเชื่อได้ พร้อมอนุมัติไวภายใน 1 ชั่วโมง ให้วงเงินสูงสุด 1 ล้านบาท รถยังมีไว้ใช้ขับขี่ เพียงฝากเรื่องผ่านช่องทางออนไลน์ของ KTC พี่เบิ้มแล้วรอทีมงานพี่เบิ้ม Delivery ติดต่อกลับเพื่อนัดหมายวันเวลา ก่อนเดินทางไปรับสมัครและตรวจสอบสภาพรถถึงที่บ้าน เมื่อผ่านการอนุมัติได้รับเงินโอนเข้าบัญชีทันที พร้อมรับบัตรกดเงินสด KTC พี่เบิ้ม ไปใช้ต่อเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน สามารถกดเงินจากตู้ ATM ได้ตลอด 24 ชั่วโมงแบบไม่มีค่าธรรมเนียม ให้คุณสามารถอุ่นใจกับทุกค่าใช้จ่ายจำเป็นในยามฉุกเฉิน เพียงมีรถปลอดภาระก็สามารถยื่นขอสินเชื่อรถแลกเงินพี่เบิ้มได้