เงินเดือนออกปุ๊บ... หมดปั๊บ... วลีเด็ดที่หลายคนบ่นอุบในทุกสิ้นเดือน หรือบางทีหลาย ๆ คนก็อาจเปลี่ยนจากการตัดพ้อเป็นการเฝ้าใฝ่ฝันอยากจะหลุดพ้นจากวังวนเงินเดือนไม่พอใช้ และปรารถนาถึงชีวิตที่ไม่ต้องทำงานก็มีกินมีใช้ สามารถใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองเลือกได้อย่างสบายใจ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งบรรดาความฝันที่กล่าวมานี้ คือความหมายของการมี “อิสรภาพทางการเงิน”
หลายคนอาจคิดว่าการมีอิสรภาพทางการเงินเป็นเรื่องคนรวยล้นฟ้าเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว คำ ๆ นี้ ไม่ได้หมายถึงการมีเงินมหาศาลจนใช้ไม่หมด แต่มันคือการที่เรามีชีวิตที่ “ไม่ต้องทำงานหนักก็มีเงินเพียงพอต่อการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน” ในบทความนี้ KTC จะพาไปเจาะลึกถึงความหมายของอิสรภาพทางการเงิน พร้อมเปิดเหตุผลว่าทำไมคนรุ่นใหม่ไฟแรงอย่างเรา ๆ ควรเริ่มวางแผนทางการเงินตั้งแต่วันนี้
เปิดความหมาย “อิสรภาพทางการเงิน” คืออะไร
อิสรภาพทางการเงิน คือ สถานะที่คุณมีเงินหรือทรัพย์สินมากพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมดในชีวิตประจำวัน โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องทำงานหนักเพื่อแลกกับเงินอีกต่อไป หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ การที่คุณมีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง มากกว่าค่าใช้จ่ายที่คุณต้องจ่ายในแต่ละเดือน ซึ่งรายได้ที่ว่ามานี้ส่วนใหญ่จะมาจาก Passive Income เช่น ค่าเช่าสินทรัพย์ ดอกเบี้ยเงินฝาก/เงินกู้ เงินปันผลจากหุ้น หรือผลตอบแทนจากการลงทุนอื่น ๆ ทำให้คุณมีอิสระในการใช้ชีวิต สามารถเลือกที่จะทำงานหรือไม่ทำงานก็ได้ หรืออาจเป็นการทำงานเพราะ “อยากทำ” ไม่ใช่เพราะ “ต้องทำ” เพื่อให้มีเงินใช้จ่ายอีกต่อไป
องค์ประกอบสำคัญของอิสรภาพทางการเงิน
1. Passive Income
หัวใจหลักของการมีอิสรภาพทางการเงิน สิ่งสำคัญคือคุณต้องสร้างแหล่งรายได้ที่เข้ามาเองโดยที่คุณไม่ต้องลงแรงทำงานอย่างสม่ำเสมอ เช่น รายได้จากอสังหาริมทรัพย์/ที่ดินให้เช่า, เงินปันผลจากหุ้นหรือกองทุน, ดอกเบี้ยจากเงินฝากหรือพันธบัตร, ค่าลิขสิทธิ์ หรือรายได้จากธุรกิจที่คุณสร้างระบบจัดการไว้อย่างมั่นคง
2. รายรับต้องมากกว่ารายจ่าย
เป้าหมายคือการทำให้รายได้จาก Passive Income ของคุณมีมากกว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่คุณจำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน อย่างค่าอาหาร, ค่าที่พัก, ค่าเดินทาง, ค่าใช้จ่ายส่วนตัว และค่ารักษาสุขภาพ
3. ความยืดหยุ่นและทางเลือกที่หลากหลาย
เมื่อมีอิสรภาพทางการเงิน คุณจะมีทางเลือกในชีวิตมากขึ้น คุณสามารถตัดสินใจที่จะเกษียณก่อนกำหนด, เปลี่ยนสายงาน, การทำงานที่รักแต่รายได้น้อย, การท่องเที่ยวรอบโลก หรือแม้แต่มีเวลาอยู่กับครอบครัวและทำงานอดิเรกได้อย่างเต็มที่มากขึ้น โดยไม่ต้องกังวลถึงสถานภาพทางการเงิน
อิสรภาพ ≠ ความรวย
หลายคนอาจจะเข้าใจผิดคิดว่า การจะมีอิสรภาพทางการเงินได้นั้นจะต้องรวยเป็นมหาเศรษฐีมีเงินเป็นพันล้าน ซึ่งนั่นไม่ถูกต้องเสียทีเดียว เพราะว่าหัวใจสำคัญของอิสรภาพทางการเงินไม่ได้อยู่ที่ “จำนวนเงินในบัญชี” ที่มากมายมหาศาล แต่อยู่ที่การมี “รายรับที่ไม่ต้องแลกด้วยเวลา” (Passive Income) มากกว่า “รายจ่ายในชีวิตประจำวัน” ของคุณ
หากค่าใช้จ่ายต่อเดือนของคุณอยู่ที่ 20,000 บาท และคุณมี Passive Income เข้ามาเดือนละ 25,000 บาท เพียงเท่านี้ก็ถือว่าคุณมีอิสรภาพทางการเงินแล้ว ไม่ว่าในบัญชีจะมีเงินเท่าไหร่ก็ตาม แต่การจะเป็นเช่นนั้นได้จะต้องเริ่มต้นจากการควบคุมรายจ่ายให้อยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม และมองหาวิธีสร้างรายได้แบบ Passive Income อย่างชาญฉลาด
ทำไมคนรุ่นใหม่ถึงควรวางแผนชีวิตการเงินตั้งแต่เนิ่น ๆ
สำหรับคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นชีวิตการทำงาน การคิดถึงอิสรภาพทางการเงินตั้งแต่ช่วงแรกเริ่มคือการตัดสินใจที่ชาญฉลาดที่สุด เหตุเพราะ
- เริ่มออมเงินเร็ว ดอกเบี้ยก็งอกเงยเร็ว
การลงทุนที่เริ่มต้นเร็ว แม้จะเป็นเงินจำนวนไม่มากก็จะได้รับประโยชน์จากพลังของดอกเบี้ยทบต้น (Compound Interest) อย่างมหาศาล ซึ่งจะทำให้เงินของคุณงอกเงยแบบก้าวกระโดดเมื่อเวลาผ่านไป
- ยิ่งเข้าใจเร็ว ก็ยิ่งมีเวลาเติบโตเร็ว
เมื่อคุณมีความรู้ความเข้าใจเรื่องการเงินเร็วมากเท่าไหร่ คุณก็จะมีเวลาในการวางแผน ทดลอง ปรับปรุง และดำเนินตามแผนเพื่อให้เงินทำงานแทนคุณได้นานมากยิ่งขึ้น
- เมื่อมีอิสรภาพทางการเงิน อิสรภาพในชีวิตก็จะตามมา
อิสรภาพทางการเงินมอบทางเลือกและอิสระในการใช้ชีวิต คุณจะมีอำนาจในการตัดสินใจเพื่อชีวิตของตนเองอย่างแท้จริง ไม่ต้องติดอยู่กับงานที่ไม่ชอบ หรือไลฟ์สไตล์ที่ไม่ต้องการ เพราะคุณมีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องกังวล
วิธีเริ่มต้นเส้นทางสู่อิสรภาพทางการเงิน
ไม่จำเป็นต้องรอให้มีเงินเดือนก้อนโต ทุกคนสามารถเริ่มต้นเส้นทางสู่อิสรภาพทางการเงินได้ตั้งแต่วันนี้ ไม่จำเป็นต้องรอให้มีเงินเดือนก้อนโต เพียงปฏิบัติตาม 5 ขั้นตอนง่าย ๆ เหล่านี้
Step 1 : แยกเงินใช้-เงินเก็บ-เงินลงทุน
สิ่งแรกที่จำเป็นต้องทำอย่างยิ่งคือการจัดสรรเงินเดือนของคุณให้เป็นสัดส่วนที่ชัดเจน เช่น กฎ 50/30/20 โดย 50% สำหรับรายจ่ายจำเป็น 30% สำหรับความสุข และ 20% สุดท้าย สำหรับเงินออม หรือเงินลงทุน แต่หากใครมีแบบแผนทางการเงินของตนเอง ก็สามารถแบ่งจัดสรรได้ตามสไตล์ที่เหมาะกับคุณ เพราะไม่ว่าจะเป็นวิธีใด ประโยชน์ของการแยกกระเป๋าเงินจะช่วยให้คุณควบคุมการใช้จ่ายได้ดีขึ้นไม่ต่างกัน
Step 2 : เก็บก่อนใช้ ไม่ใช่ใช้ก่อนเก็บ
ปรับเปลี่ยนความคิดใหม่ จากเดิมที่ใช้เงินก่อนแล้วเหลือเท่าไหร่ค่อยเก็บ ให้เป็นการหักเงินออมและเงินลงทุนออกไปทันทีที่ได้รับเงินเดือน จากนั้นจึงค่อยนำส่วนที่เหลือไปแบ่งใช้จ่าย วิธีการนี้จะช่วยให้คุณมีวินัยในการออมอย่างสม่ำเสมอ
Step 3 : ใช้บัตรเครดิตเท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว
บัตรเครดิตเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง แต่การใช้บัตรเครดิตอย่างไม่มีสติ หรือการซื้อของตามใจอยากโดยไม่คิดถึงผลกระทบทางการเงิน จะเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการสร้างอิสรภาพทางการเงิน เบื้องต้นควรลองตั้งงบประมาณการใช้จ่าย และปฏิบัติตามแผนนั้นอย่างเคร่งครัด
Step 4 : หารายได้เสริม และสร้าง Passive Income
มองหาช่องทางในการเพิ่มรายได้ นอกเหนือจากเงินเดือนประจำ ไม่ว่าจะเป็นการรับงานฟรีแลนซ์, ขายของออนไลน์ หรือการเริ่มต้นสร้าง Passive Income เล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น การลงทุนในหุ้นปันผล หรือกองทุนรวม
Step 5 : เริ่มลงทุนแบบค่อยเป็นค่อยไป
การลงทุนคือเครื่องมือสำคัญในการสร้างอิสรภาพทางการเงิน สำหรับมือใหม่แนะนำให้เริ่มลงทุนแบบ DCA (Dollar-Cost Averaging) คือการลงทุนด้วยจำนวนเงินเท่ากันทุกเดือนอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะราคาขึ้นหรือลง ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงและสร้างวินัยในการลงทุน
อิสรภาพทางการเงินมีหลายระดับ ไม่ต้องรีบไปถึงจุดสุดท้าย
เส้นทางสู่อิสรภาพทางการเงินไม่ใช่การแข่งขัน ทั้งยังไม่ได้มีแค่จุดเดียว แต่มีหลายระดับที่คุณสามารถตั้งเป้าหมายได้
- ระดับเริ่มต้น : มีเงินเก็บฉุกเฉิน
ระดับต้น หมายถึงการมีเงินสำรองที่เพียงพอสำหรับใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉินอย่างน้อย 3 - 6 เดือนของค่าใช้จ่ายประจำ
- ระดับกลาง : รายรับพอใช้จ่ายรายเดือน
ระดับกลาง หมายถึงการมีรายได้แบบ Passive Income ที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของคุณได้แล้ว ทำให้คุณไม่ต้องกังวลเรื่องเงินเดือนในแต่ละเดือนมากนัก
- ระดับโปร : ใช้ชีวิตโดยไม่ต้องทำงาน
ระดับโปรเปรียบเสมือนจุดสูงสุดของอิสรภาพทางการเงิน เพราะเป็นการที่คุณมีรายได้จากสินทรัพย์และการลงทุนมากพอที่จะดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมดในชีวิตของคุณได้อย่างสบาย ๆ โดยไม่จำเป็นต้องทำงานประจำอีกต่อไป
ถ้าอยากใช้ชีวิตแบบ “เลือกเองได้” ต้องเริ่มวันนี้
สรุปได้ว่า แนวคิดที่ว่าการมีอิสรภาพทางการเงินหมายถึงการต้องมีเงินเป็นเก็บเป็นร้อยล้านพันล้านนั้น อาจจะฟังดูไม่ถูกต้องมากนัก เพราะอิสรภาพทางการเงินคือการมีอำนาจในการเลือกชีวิตในแบบที่คุณต้องการ ไม่ต้องรอให้เงินเดือนขึ้นสูงลิ่ว หรือถูกรางวัลใหญ่ สิ่งสำคัญคือการเริ่มต้น “วางแผน” และ “ลงมือทำ” ตั้งแต่วันนี้ ไม่ว่าเงินเดือนของคุณจะเท่าไหร่ แค่เริ่มจัดสรรเงินอย่างถูกวิธี เริ่มเก็บก่อนใช้ และเริ่มสร้างรายได้แบบ Passive Income จากจุดเล็ก ๆ ในอนาคตก็อาจไม่ต้องกลัวเงินหมดกลางเดือนอีกต่อไป
และในยุคดิจิทัลเช่นนี้ การมีเครื่องมือทางการเงินที่เหมาะสมจะช่วยให้เส้นทางของคุณราบรื่นยิ่งขึ้น บัตรเครดิต KTC ไม่ใช่แค่บัตรสำหรับใช้จ่าย แต่เป็นเครื่องมือที่ชาญฉลาดสำหรับคนยุคใหม่ที่ต้องการบริหารจัดการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นโปรโมชั่น ส่วนลด หรือคะแนนสะสมที่ช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน การผ่อนชำระที่ยืดหยุ่นช่วยให้คุณบริหารเงินก้อนใหญ่ได้ง่ายขึ้น ไปจนถึงการใช้บัตรเครดิตอย่างมีวินัยเพื่อสร้างประวัติเครดิตที่ดี ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการเข้าถึงโอกาสทางการเงินในอนาคต
สมัครบัตรเครดิต KTC ออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้า ครอบคลุมทุกความคุ้มค่าการใช้จ่าย ด้วยการรับคะแนน KTC FOREVER สะสมได้ไม่จำกัดและไม่มีวันหมดอายุ
ใช้จ่าย คุ้มค่า นึกถึงบัตรเครดิต KTC