ทำความรู้จักคาร์ซีทแบบไหนดี ปลอดภัย พร้อมวิธีเลือกซื้อให้เหมาะกับลูกน้อย
ปฏิเสธไม่ได้ว่า เวลาเดินทางไปไหนมาไหนหลายครอบครัวมักพาลูกน้อยที่อยู่ในวัย 1-5 ปี เดินทางไปด้วยเสมอ โดยบางคนอาจให้ลูกนั่งคาร์ซีทเวลาเดินทางด้วยรถยนต์ ขณะที่บางคนอาจให้ลูกคาดเข็มขัดนิรภัย แต่เมื่อไม่นานมานี้ได้มีการกำหนดบังคับใช้คาร์ซีทสำหรับเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 โดยเนื้อหาเกี่ยวกับคาร์ซีทจะอยู่ในมาตรา 123 ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดให้ผู้โดยสารทุกคนบนรถจะต้องคาดเข็มขัดนิรภัยตลอดเวลาในขณะโดยสารรถยนต์ รวมถึงเด็กที่มีอายุไม่เกิน 6 ปี จะกำหนดให้นั่งในที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กหรือที่นั่งพิเศษสำหรับเด็ก เพื่อความปลอดภัยหากเกิดอุบัติเหตุหรือเหตุการไม่คาดฝัน ให้อยู่ในการกำกับดูแลและบังคับใช้กฎหมายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีการบังคับใช้คาร์ซีทในเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี หากฝ่าฝืนมีโทษปรับ 2,000 บาท โดยกฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้วันที่ 5 กันยายน 2565 ทำให้พ่อแม่หลายคนที่มีลูกหลานอายุไม่เกิน 6 ปี ต้องเตรียมความพร้อมในการเลือกซื้อคาร์ซีทติดรถยนต์ไว้ก่อนจะถึงวันที่ข้อกฎหมายบังคับใช้นั่นเอง แต่ทุกวันนี้คาร์ซีทมีให้เลือกหลายยี่ห้อและหลายประเภทแต่จะมีวิธีเลือกคาร์ซีทแบบไหนให้เหมาะสมกับช่วงวัยของลูก พี่เบิ้มมีข้อมูลความรู้ดี ๆ มาฝากกันครับ
คาร์ซีทคืออะไร
คาร์ซีทรถยนต์สำหรับเด็ก
คาร์ซีท (Car seat) คือ อุปกรณ์เสริมเพื่อความปลอดภัยในขณะนั่งรถของเด็ก เพื่อป้องกันอุบัติเหตุต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดฝันขณะเดินทาง ทั้งยังเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกน้อยสามารถขับรถได้สะดวกขึ้น เพราะไม่ต้องกังวลว่าลูกน้อยจะซนในขณะขับรถอยู่ เนื่องจากตัวคาร์ซีทมีเข็มขัดนิรภัยที่ค่อนข้างแน่นหนา ทำให้มั่นใจเรื่องของความปลอดภัยและเป็นการสร้างระเบียบวินัยให้ลูกน้อยเวลานั่งรถไปในตัวได้อีกด้วย
คาร์ซีท มีกี่แบบ
ปัจจุบันคาร์ซีทหรือที่นั่งนิรภัยเด็กในรถยนต์มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ แต่ละรูปแบบจะพ่วงกับอายุ ช่วงวัย รวมถึงสรีระของเด็ก เพื่อให้เหมาะสมต่อการใช้งานมากที่สุด โดยหลัก ๆ คาร์ซีทแต่ละช่วงอายุมีลักษณะและวิธีการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป มีรายละเอียดดังนี้
คาร์ซีท New Born Only
คาร์ซีทที่เหมาะสำหรับเด็กแรกเกิดหรือคาร์ซีทแบบกระเช้า เนื่องจากมีลักษณะเหมือนกระเช้าหรือตะกร้าขนาดเล็ก สามารถวางไว้ในรถได้เลยหรือจะปรับใช้กับรถเข็นสำหรับเด็กแรกเกิดก็ได้เช่นกัน เนื่องจากการใช้งานที่ง่ายมีหูหิ้วทำให้สะดวกต่อการใช้งานหรือพาลูกน้อยเดินทางไปไหนมาไหน นี่เป็นคาร์ซีทที่เหมาะกับเด็กแรกเกิดไปจนถึงเด็กอายุประมาณ 18 เดือน
วิธีการใช้งาน
นำคาร์ทซีทติดตั้งหันหน้าเข้าหาเบาะรถยนต์ ซึ่งเป็นการนั่งที่ปลอดภัยสำหรับเด็กแรกเกิดเนื่องจากเป็นการลดความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกต้นคอหักจากชนหรือการเบรคที่รุนแรง ซึ่งอาจส่งผลให้คอของเด็กเกิดจากการสะบัดอย่างแรงได้
คาร์ซีท Convertible
คาร์ซีทที่ใช้ได้ตั้งแต่เด็กที่มีอายุ 6 เดือน ไปจนถึง 1 ปี หรือเด็กที่มีน้ำหนัก 8 กิโลกรัม ขึ้นอยู่กับรุ่นของผลิตภัณฑ์นั้น ๆ โดยในบางรุ่นสามารถรับเด็กที่มีน้ำหนักถึง 18-24 กิโลกรัมเลยทีเดียว ทำให้คาร์ซีท Convertible เป็นตัวเลือกแรก ๆ ที่ผู้ปกครองให้ความสนใจ นอกจากมีความสะดวกสบายเวลาใช้งาน ยังมีฟังก์ชันที่หลากหลาย เช่น สามารถหมุนได้ ปรับนอนได้ เป็นต้น ทั้งยังมีอายุการใช้งานที่ค่อนข้างนาน
วิธีการใช้งาน
สำหรับคาร์ซีทของเด็กในช่วงอายุนี้สามารถติดตั้งได้ 2 แบบ คือ ในลักษณะหันหน้าเข้าหาเบาะรถ (Rear-Facing) และหันหน้าไปหน้ารถ (Forward facing)
คาร์ซีท Combination seat
คาร์ซีทสำหรับเด็กวัย 1-5 ปี โดยคาร์ซีทลักษณะนี้จะมีความกว้างที่มากขึ้น มีพนักพิงที่ใหญ่และค่อนข้างสูง ทำให้เด็กสามารถนั่งได้สบายโดยไม่รู้สึกอึดอัด มีสายรัดนิรภัย คนส่วนใหญ่ที่มีลูกอยู่ในวัยกำลังโตจะนิยมใช้คาร์ซีทประเภทนี้ เพราะสามารถใช้งานได้ในระยะยาว ทั้งยังมีความแข็งแรงสูงสามารถรองรับแรงกระแทกได้ดีช่วยให้มั่นใจในเรื่องของความปลอดภัย
วิธีการใช้งาน
ติดตั้งหันหน้าไปทางด้านหน้ารถ (Forward-Facing Car Seat) เท่านั้น
คาร์ซีท Booster seat
คาร์ซีทสำหรับเด็กโต โดยส่วนใหญ่จะใช้สำหรับเด็กที่มีอายุในช่วง 4-12 ปี เป็นลักษณะของที่นั่งเสริมที่ช่วยให้เด็กสามารถคาดเข็มขัดนิรภัยของผู้ใหญ่ได้นั่นเอง
วิธีการใช้งาน
ติดตั้งหันหน้าไปทางด้านหน้ารถ (Forward-Facing Car Seat) เท่านั้น
การติดตั้งคาร์ซีทในรถสำหรับเด็ก
ข้อควรปฏิบัติในการนำเด็กโดยสารเดินทางด้วยรถยนต์อย่างปลอดภัย
ทางด้านกรมควบคุมโรคได้มีการออกมาแนะนำข้อควรปฏิบัติในการนำเด็กโดยสารไปกับรถยนต์อย่างปลอดภัยห่างไกลอันตรายด้วยการนั่งคาร์ซีท ที่น่าสนใจดังนี้
1. ควรเลือกใช้คาร์ซีทให้เหมาะสมกับวัย น้ำหนัก ส่วนสูงของเด็กและคาดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อยทุกครั้งก่อนออกเดินทาง โดยหากเป็นเด็กเล็กมาก ๆ ให้นั่งหันหน้าไปทางหลังรถเพื่อช่วยป้องกัน หัว คอ กระดูกสันหลังของลูกน้อยเพื่อไม่ให้ได้รับการกระทบกระเทือนแรง ๆ หากเกิดอุบัติเหตุ
2. ควรหลีกเลี่ยงการให้เด็กมานั่งเบาะหน้าข้างคนขับ ถึงแม้จะใช้ที่นั่งคาร์ซีทก็ตาม เนื่องจากเวลาที่เกิดอุบัติเหตุกระแทกแรง ๆ ถุงลมนิรภัยจะทำงานและอาจอัดกระแทกตัวเด็กได้ แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ควรทำการปรับเลื่อนเบาะให้เลื่อนไปทางด้านหลังให้มากที่สุด เพื่อรักษาระยะห่างและลดการถูกกระแทกเวลาเกิดเหตุไม่คาดฝัน
3. ถ้าเป็นเด็กโตให้คาดเข็มขัดนิรภัย โดยเด็กต้องมีความสูงเพียงพอที่จะนั่งตัวตรงห้อยขากับเบาะรถ และหลังพิงพนักได้ถนัด ส่วนล่างของเข็มขัดนิรภัยต้องพาดผ่านกระดูกเชิงกราน ขณะที่ส่วนบนพาดผ่านหน้าอกในระดับพอดี
ปฏิเสธไม่ได้ว่าอุบัติเหตุบนท้องถนนถือเป็นเรื่องใกล้ตัวที่สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ การเตรียมความพร้อมในการป้องกันถือเป็นเรื่องที่ดี โดยเฉพาะคนที่มีลูกหลานที่มีความจำเป็นต้องนั่งคาร์ซีทตามที่กฎหมายกำหนด แต่หากเกิดเหตุไม่คาดฝันที่จำเป็นต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลยามเกิดเหตุฉุกเฉิน พี่เบิ้มมีตัวช่วยในเรื่องการเงินดี ๆ สำหรับคนมีรถปลอดภาระอย่าง KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน ที่สามารถสมัครสินเชื่อผ่านช่องทางออนไลน์ ให้วงเงินใหญ่เบิ้มสูงสุด 1 ล้านบาท แถมรถยังมีขับ เพียงเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนพี่เบิ้ม Delivery ก็พร้อมเดินทางไปตรวจสอบสภาพรถถึงที่หน้าบ้าน อนุมัติไวใน 2 ชั่วโมง เมื่อผ่านการอนุมัติรับเงินโอนเข้าบัญชีทันที เพราะอุบัติเหตุเหรือเรื่องไม่คาดฝันสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะกับเด็กเล็กที่มีความเสี่ยงที่ค่อนข้างสูง หากกำลังมองหาเงินสำรองฉุกเฉินพี่เบิ้มพร้อมอยู่เคียงข้างคุณอย่างแน่นอนครับ
อ้างอิงข้อมูลจาก : กรมควบคุมโรค, thansettakij, กรมการขนส่งทางบก
สมัคร KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน มีวงเงินสำรองไว้ใช้จ่ายยามฉุกเฉิน…ที่นี่