การตั้งราคาขายสินค้าไม่ใช่แค่บวกกำไรตามใจ แต่คือหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจ หากตั้งถูก ลูกค้าซื้อซ้ำ กำไรก็มาแบบไม่ฝืนใจใคร สูตรตั้งราคาขายที่ดีต้องเริ่มจากการคำนวณต้นทุนขายที่แท้จริง ทั้งค่าวัตถุดิบ, ค่าบรรจุภัณฑ์, ค่าขนส่ง และค่าใช้จ่ายแฝงอื่น ๆ จากนั้นค่อยบวกกำไรที่เหมาะสมตามเป้าหมาย และอย่าลืมเผื่อไว้สำหรับส่วนลดหรือโปรโมชั่น นอกจากนี้ วิธีตั้งราคาสินค้าด้วยจิตวิทยา เช่น ราคา 99 แทน 100 ก็ช่วยกระตุ้นการตัดสินใจได้มากกว่าที่คิด บทนี้เราจะพาคุณไปรู้จักสูตรตั้งราคาขายที่แม่นยำ พร้อมวิธีการคิดต้นทุนขาย กําไร และราคาขายแบบมือโปร ใช้ได้จริงกับทุกสินค้า ช่วยเพิ่มกำไรให้ธุรกิจค้าขายของคุณแบบเห็นผล ไปดูกันเลย
รู้จักต้นทุนให้ดี ก่อนใช้สูตรตั้งราคาขาย
ก่อนจะตั้งราคาขายให้ได้กำไร สิ่งแรกที่ต้องรู้ คือต้นทุน เพราะถ้าไม่รู้ต้นทุนจริง ๆ ต่อให้ขายดีแค่ไหนก็อาจไม่เหลือกำไรเลย โดยองค์ประกอบ 2 ส่วนสำคัญของต้นทุนขาย คือ
- ต้นทุนตรง (Direct Cost): เช่น ราคาสินค้า, ค่าวัตถุดิบ, ค่าบรรจุภัณฑ์
- ต้นทุนแฝง (Indirect Cost): เช่น ค่าขนส่ง, ค่าการตลาด, ค่าโฆษณา, ค่าแรง หรือแม้แต่ค่าไฟในร้าน
หลายคนมักใช้วิธีคิดราคาขายต่อชิ้นจากต้นทุนตรงอย่างเดียว แล้วบวกกำไรตามใจชอบ ผลที่ตามมาคือขายได้แต่กำไรน้อย หรือแย่กว่านั้นคือขายดีแต่ขาดทุนโดยไม่รู้ตัว การเข้าใจต้นทุนขาย และวิธีใช้สูตรอย่างละเอียดจึงเป็นพื้นฐานสำคัญก่อนนำไปใช้ในสูตรตั้งราคาขาย เพราะถ้าไม่รู้ว่าจ่ายอะไรไปบ้าง การตั้งราคาขายก็จะกลายเป็นการเดา มากกว่าการวางแผน
ปัจจัยที่ต้องรู้ก่อนใช้สูตรตั้งราคาขาย
สูตรตั้งราคาขายไม่ได้มีแค่การบวกต้นทุนแล้วตั้งราคาขายให้สูงกว่า แต่ต้องคิดให้รอบด้านว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่ส่งผลต่อราคานั้น ๆ เพราะถ้าพลาดเพียงจุดเดียว กำไรก็อาจกลายเป็นขาดทุนได้แบบไม่รู้ตัว
มาดูกันว่าก่อนจะเลือกใช้สูตรตั้งราคาขาย มีปัจจัยอะไรที่ควรรู้และคำนึงถึงบ้าง
ต้นทุนในการขายสินค้า
วิธีคิดต้นทุนขายไม่ใช่แค่คิดจากราคาของที่ซื้อมาขายเท่านั้น แต่รวมทุกอย่างที่ต้องจ่ายเพื่อให้ของถึงมือลูกค้า เช่น ค่ากล่องแพ็กของ, ค่าขนส่ง, ค่าคนช่วยแพ็ก, ค่าทำการตลาด, ค่าแอปจัดการร้าน ฯลฯ ที่สำคัญ ถ้าไม่รวมต้นทุนแฝงไว้ตั้งแต่แรก ก็จะกลายเป็นรูรั่วในธุรกิจ ทำให้แม้ว่าจะขายได้ แต่เงินอาจจะไม่เหลือ
ภาษีที่ต้องจ่าย
การหาเงินออนไลน์ ถูกกฎหมายเช่น ขายของใน tiktokจำเป็นต้องคิดถึงเรื่องภาษี เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หรือภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งอาจคิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากรายได้หรือกำไร หากไม่คำนวณไว้ล่วงหน้า อาจมีภาระภาษีตามมาภายหลัง ทำให้ต้องควักกระเป๋าจ่ายเพิ่มแบบไม่ทันตั้งตัว
การแข่งขันในตลาดสินค้าประเภทเดียวกัน
ก่อนตั้งราคา ต้องรู้ว่าคู่แข่งขายอยู่ที่เท่าไหร่, ขายของควรได้กำไรกี่ % , กลุ่มเป้าหมายเรายินดีจ่ายมากน้อยแค่ไหน ถ้าตั้งแพงเกินไปลูกค้าอาจไปซื้อร้านอื่น แต่ถ้าตั้งถูกเกินไปก็อาจกระทบภาพลักษณ์และทำให้ขาดทุนได้ ดังนั้นการวิเคราะห์ตลาดจึงสำคัญไม่แพ้วิธีคิดราคาของต่อชิ้น
กลยุทธ์ในการขายสินค้า
บางครั้งราคาไม่ได้สะท้อนคุณภาพสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงกลยุทธ์ทางการตลาด เช่น ตั้งราคาแบบจิตวิทยา เช่น 99 แทน 100, ตั้งราคาสูงเพื่อให้ดูพรีเมียม หรือใช้ราคานำเข้าโปรโมชัน แล้วอัปเซลล์สินค้าต่อ ทั้งหมดนี้ คือตัวอย่างกลยุทธ์ที่ต้องคิดควบคู่กับสูตรตั้งราคาขายเพื่อให้ปังทั้งยอดขายและกำไร
สูตรตั้งราคาขาย คิดยังไงให้ได้กำไร
ก่อนตั้งราคาขาย ต้องคํานวณต้นทุน และค่าใช้จ่ายในการขายทั้งหมด แล้วค่อยบวกกำไรที่ต้องการเข้าไป เพื่อให้สามารถตั้งราคาขายที่เหมาะสมได้ โดยสามารถใช้สูตรตั้งราคาขายได้ตามนี้
วิธีหาต้นทุนจากราคาขาย = ต้นทุนตรง + ต้นทุนแฝง
ราคาขาย = ต้นทุนทั้งหมด + กำไรที่อยากได้
ยกตัวอย่างเช่น ต้องการหารายได้เสริมด้วยการขายสกินแคร์นำเข้าจากเกาหลี โดยมีต้นทุนทั้งหมด ได้แก่ ราคานำเข้า 450 บาท ค่าขนส่งจากเกาหลีรวมกับภาษีนำเข้า 100 บาท ค่ากล่องแพ็กสินค้าและกันกระแทก 15 บาท และค่าขนส่งในประเทศ 35 บาท โดยคุณอยากได้กำไร 150 บาท
ราคาขาย = (450 + 100 + 15 + 35) + 150 = 750 บาท
ดังนั้น ควรตั้งราคาขายที่ 750 บาท จะได้กำไรโดยที่ไม่ขาดทุน
การรู้ต้นทุนก่อนตั้งราคาขายมีประโยชน์อย่างไร?
การรู้ต้นทุนก่อนนำมาพิจารณาสูตรตั้งราคาขายนั้น ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญมาก ๆ ของการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะขายออนไลน์ หรือมีหน้าร้านก็ตาม มาดูกันว่า การรู้ต้นทุนก่อนตั้งราคาขาย มีข้อดีอะไรบ้าง?
- ตั้งราคาขายได้ถูกต้อง ไม่ขาดทุน:
ถ้าเรารู้ต้นทุนจริง เราจะรู้ว่าต้องตั้งราคาขายที่เท่าไรถึงจะมีกำไร และใช้สูตรตั้งราคาขายได้แบบไม่มั่ว เช่น ต้นทุนรวม 100 บาท ถ้าอยากได้กำไร 30 บาท ก็แค่ตั้งขายที่ 130 บาท แต่ถ้าคิดไม่ละเอียด ดันตั้งราคาขายแค่ 110 บาท กำไรแค่ 10 บาท แถมยังต้องเสียค่าขนส่งอีก สุดท้ายไม่เหลืออะไรเลย
- ช่วยวางแผนต้นทุนและควบคุมรายจ่าย:
รู้ต้นทุนละเอียดจะช่วยให้วางแผนได้ เช่น ควรสต๊อกสินค้าแค่ไหน ใช้วัตถุดิบอะไรให้คุ้มที่สุด หรือจะลดต้นทุนตรงไหนได้บ้าง เช่น เปลี่ยนแพ็กเกจที่ถูกลง หรือรวมรอบส่งของเพื่อลดค่าขนส่ง
- มองเห็นกำไรชัด ๆ ไม่ต้องเดา:
เมื่อเราคำนวณต้นทุน วิธีการหากําไรและขาดทุนแบบชัดเจน จะทำให้รู้ทันทีว่าขายไปแล้วได้เงินเหลือจริงกี่บาท สุดท้ายแล้วแบบไหนคุ้มกว่ากัน ทั้งหมดนี้ทำให้คุณสามารถวางแผนธุรกิจได้แม่นยำขึ้นในระยะยาว
- พร้อมลุยตลาดและแข่งกับคู่แข่งได้อย่างมั่นใจ:
เมื่อรู้ต้นทุนดี จะสามารถปรับกลยุทธ์การตั้งราคาสู้คู่แข่งได้ เช่น ถ้ารู้ว่าต้นทุนของเราถูกกว่า ก็อาจตั้งราคาขายให้ต่ำลงเพื่อดึงดูดลูกค้า
หรือถ้าต้นทุนสูงกว่า อาจใช้กลยุทธ์เพิ่มมูลค่า ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องเริ่มจากรู้ต้นทุนจริงก่อนเท่านั้น
- วางแผนภาษีและบัญชีได้แบบมือโปร:
หลายคนเริ่มขายของแบบเล่น ๆ แต่พอขายได้เยอะก็เริ่มงงว่าต้องเสียภาษีเท่าไร? เพราะไม่เคยคำนวณต้นทุนชัด ๆ การรู้ต้นทุนจะช่วยให้คุณมีตัวเลขที่แน่นอน ทำบัญชีได้ง่าย และวางแผนภาษีได้ถูกต้อง ไม่ต้องกลัวว่ารายได้จะหายไปกับค่าปรับ
เทคนิคตั้งราคาขายแบบมืออาชีพ ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่า ได้กำไรดี
- อย่าตั้งราคาถูกเกินไป:
ถ้าตั้งถูกจนเกินไป ลูกค้าอาจจะสงสัยว่าสินค้าเราคุณภาพจริงไหม? เพราะราคาถูกเกินไปบางทีทำให้ดูไม่คุ้มค่า หรือไม่มืออาชีพ
- ใช้หลักจิตวิทยาราคาตัวเลข:
ลองตั้งราคาที่ลงท้ายด้วยเลข 9 เช่น 99, 199 หรือ 299 บาท จะทำให้ราคาดูถูกกว่าแบบเต็ม ๆ เช่น 100 หรือ 200 บาท ถึงแค่บาทเดียว แต่ช่วยกระตุ้นให้คนอยากซื้อขึ้นเยอะ
- แยกค่าขนส่งกับราคาสินค้า:
ถ้าขายบนแพลตฟอร์มทั่วไป ลองตั้งราคาสินค้าแยกกับค่าส่งจะดีกว่า เพราะลูกค้าจะเปรียบเทียบราคาได้ง่ายกว่า แต่ถ้าขายผ่านเว็บไซต์ของตัวเอง จะบวกค่าส่งไปในราคาสินค้าก็ได้ เพื่อให้ดูจบในที่เดียว
- วางแผนโปรโมชันราคา:
ตั้งราคาที่เผื่อไว้สำหรับจัดโปรโมชัน เช่น ลดราคา แจกแถม หรือจับคู่สินค้า เพื่อให้ยังมีกำไรแม้ตอนลดราคา แต่ไม่ควรจัดโปรบ่อยเกินไป เพราะลูกค้าจะรอแต่โปรฯ แล้วไม่ซื้อราคาปกติ
- ตั้งราคาตามจุดเด่นของสินค้า:
รู้จักสินค้าของตัวเองให้ดีว่า มีอะไรโดดเด่น หรือแก้ปัญหาอะไรให้ลูกค้าได้ ตั้งราคาตามคุณค่าที่ลูกค้าได้รับ จะช่วยให้เขารู้สึกคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายมากกว่า
- เทียบราคาตลาดให้พอดี:
อย่าตั้งราคาสูงหรือต่ำจนเกินไป ควรเช็กราคาคู่แข่งในตลาดว่าขายกันเท่าไร แล้วตั้งราคาให้ดูสมเหตุสมผล ไม่งั้นลูกค้าอาจจะไม่เลือกซื้อ เพราะดูแพงเกินจริง หรือดูถูกเกินไปจนไม่น่าเชื่อถือ
สูตรตั้งราคาขายสินค้าแบบมืออาชีพ สร้างกำไรได้จริง
การตั้งราคาขายไม่ใช่แค่เดาตัวเลขมั่ว ๆ แล้วรอให้ขายได้ แต่ต้องอิงจากสูตรตั้งราคาขายที่คำนึงถึงต้นทุน กำไร และจิตวิทยาการตลาด เพื่อให้สินค้าน่าสนใจ ผ่านการคำนวณทั้งต้นทุนตรงและต้นทุนแฝงอย่างรอบคอบ และพิจารณาตั้งราคาตามหลักจิตวิทยาที่จะช่วยให้ราคาสินค้าของคุณดูคุ้มค่า เรียกลูกค้าได้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง
ไม่ว่าคุณจะขายของออนไลน์ครั้งแรก หรือกำลังขยายธุรกิจ สิ่งสำคัญคือ ต้องมีแผนการเงินที่ชัดเจน เพื่อให้รับมือกับต้นทุนไม่คาดคิด หรือค่าใช้จ่ายฉุกเฉินได้อย่างมั่นใจ ถ้าวางแผนแล้วรู้สึกว่ายังมีช่องว่างเรื่องเงินทุนหรือหมุนเงินไม่ทัน ลองพิจารณา “บัตรกดเงินสด KTC PROUD” ตัวช่วยการเงินที่พร้อมใช้เมื่อยามจำเป็น เพราะบัตรกดเงินสด KTC PROUD พกไว้ไม่สะดุด ทุกการใช้จ่ายในธุรกิจ
บัตรกดเงินสด KTC PROUD พกไว้ไม่สะดุด ทุกการใช้จ่ายที่จำเป็น
- สมัครง่าย เงินเดือน 12,000 บาท ก็สมัครได้
- อนุมัติไว เลือกรับเงินโอนเข้าบัญชีได้ทันที เมื่ออนุมัติ
- เบิกเงินได้ 24 ชั่วโมง ผ่านแอป KTC Mobile และ ATM ทั่วประเทศ
- ผ่อนสินค้า 0% นานสูงสุด 24 เดือน ณ ร้านค้าที่ร่วมรายการ
- รูดซื้อสินค้า และช้อปออนไลน์ พร้อมรับสิทธิพิเศษทั้งปี
วางแผนการทำธุรกิจแบบมีประสิทธิภาพด้วย บัตรกดเงินสด KTC PROUD
*กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ย 25% ต่อปี