ในประเทศที่มีสภาพอากาศร้อนแทบจะตลอดทั้งปีอย่างประเทศไทย ทำให้เครื่องดื่มเย็น ๆ กลายเป็นทางออกที่ช่วยเพิ่มความสดชื่นและคลายร้อนได้อย่างดีเยี่ยม นั่นทำให้เครื่องทำน้ำแข็งกลายเป็นไอเทมที่น่าสนใจสำหรับคนที่ชื่นชอบการดื่มเครื่องดื่มเย็น ๆ เป็นประจำ เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยให้คุณมีน้ำแข็งพร้อมใช้ตลอดเวลา แต่ยังช่วยประหยัดเงินจากการซื้อน้ำแข็งถุงอีกด้วย การเลือกเครื่องทำน้ำแข็งที่เหมาะสมจะทำให้คุณเพลิดเพลินกับเครื่องดื่มเย็นชื่นใจได้ทุกเมื่อที่ต้องการ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำแข็งหมด
ทำไมถึงควรมีเครื่องทำน้ำแข็งเป็นของตัวเอง
สำหรับคนไทยที่ต้องเผชิญกับอากาศร้อนตลอดทั้งปี การดื่มน้ำเย็น ๆ หรือเครื่องดื่มที่ใส่น้ำแข็งได้กลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวัน การตัดสินใจซื้อเครื่องทำน้ำแข็งสำหรับใช้ในบ้านจึงกลายเป็นแนวทางที่หลายคนให้ความสนใจมากขึ้น โดยจะมีเหตุผลหลัก ๆ ที่ควรมีเครื่องทำน้ำแข็งเป็นของตัวเองจะมีดังนี้
- ความปลอดภัยด้านสุขอนามัย - น้ำแข็งที่ผลิตเองจากเครื่องทำน้ำแข็งในบ้านช่วยให้มั่นใจได้ในคุณภาพน้ำและกระบวนการผลิตที่สะอาด โดยไม่ต้องกังวลเรื่องแบคทีเรียหรือสิ่งปนเปื้อนที่อาจมาจากโรงงานผลิตหรือกระบวนการขนส่งที่ไม่ถูกสุขลักษณะ
- เหมาะสมกับสภาพอากาศประเทศไทย - ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนจัดเกือบตลอดปีและความชื้นสูง การมีเครื่องทำน้ำแข็งไว้ที่บ้านจะช่วยให้สามารถดื่มเครื่องดื่มเย็น ๆ ได้ทันทีโดยไม่ต้องซื้อจากร้านค้านอกบ้าน
- ความสะดวกและประหยัด - ไม่ต้องเดินทางไปซื้อน้ำแข็งถุงหรือกังวลเรื่องน้ำแข็งหมดในช่วงเวลาที่ต้องการใช้ รวมถึงประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวจากการไม่ต้องซื้อน้ำแข็งเป็นประจำ
- คุณภาพและรสชาติที่ดีกว่า - สามารถเลือกใช้น้ำคุณภาพดีในการผลิต ทำให้ได้น้ำแข็งที่ใส สะอาด และไม่มีกลิ่นแปลกปลอม ซึ่งช่วยยกระดับรสชาติของเครื่องดื่มให้ดีขึ้น
แนะนำ 10 เครื่องทำน้ำแข็งน่าใช้งาน คุณภาพสูง
สำหรับใครที่ต้องการเลือกซื้อเครื่องทำน้ำแข็งไว้ใช้งานที่บ้าน อาจจะมีคำถามสงสัยว่าควรเลือกเครื่องทำน้ำแข็งยี่ห้อไหนดี? ในบทความนี้เราได้รวบรวมเครื่องทำน้ำแข็งคุณภาพดีน่าใช้งานมาให้คุณได้ลองพิจารณากัน
1. เครื่องทำน้ำแข็ง Esun รุ่น EIM-17S
ที่มาของรูปประกอบ : ขอบคุณรูปภาพจาก Central
เครื่องทำน้ำแข็ง Esun ความจุถังน้ำ 1.2 ลิตร สามารถทำน้ำแข็งได้ 9 ก้อน ภายใน 6-15 นาที รูปทรงน้ำแข็งเป็นแบบหัวกระสุน มีระบบทำงานที่เสถียรและใช้งานง่าย เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดเล็กถึงกลาง ด้วยการออกแบบที่ประณีตและมีความทนทาน ทำให้เป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมสูงในกลุ่มเครื่องทำน้ำแข็งขนาดเล็ก
ราคา: 2,950 บาท
2. เครื่องทำน้ำแข็ง Alpine รุ่น AL-26
เครื่องทำน้ำแข็ง Alpine เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการเครื่องทำน้ำแข็งขนาดพกพา ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา ความจุถังน้ำ 1.8 ลิตร สามารถผลิตน้ำแข็งได้ 12 กิโลกรัมต่อวัน มีระบบอัตโนมัติที่ทันสมัย พร้อมตัวบ่งชี้เมื่อน้ำแข็งเต็มหรือน้ำหมด ใช้งานง่ายและประหยัดพลังงาน
ราคา: 5,200-6,000 บาท
3. เครื่องทำน้ำแข็ง My Home รุ่น IM249
เครื่องทำน้ำแข็ง My home ผลิตน้ำแข็งได้สูงสุด 12 กิโลกรัมต่อวัน ความจุถังน้ำ 2 ลิตร ระยะเวลาการทำน้ำแข็ง 8 นาที มีระบบตัดไฟอัตโนมัติและไฟแจ้งเตือนเมื่อน้ำแข็งเต็มหรือน้ำหมด พร้อมระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับร้านอาหาร คาเฟ่ หรือครอบครัวขนาดกลาง
ราคา: 2,390 บาท
4. เครื่องทำน้ำแข็ง Panasonic รุ่น WT-IM900
เครื่องทำน้ำแข็ง Panasonic มาพร้อมระบบตรวจสอบระดับน้ำและน้ำแข็งอัตโนมัติ หยุดทำงานเมื่อน้ำขาดหรือน้ำแข็งเต็ม ความจุถังน้ำ 2 ลิตร ผลิตน้ำแข็งได้ 15 กิโลกรัมต่อวัน รูปทรงกระสุนที่ใส สะอาด เลือกขนาดน้ำแข็งได้ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่
ราคา: 5,500 บาท
5. เครื่องทำน้ำแข็ง SINGER รุ่น SGICE125
เครื่องทำน้ำแข็ง SINGER ตัวเครื่องมีดีไซน์มินิมอล ทำจากวัสดุพลาสติก ABS มีน้ำหนักเบา แข็งแรง สามารถผลิตน้ำแข็งได้ 9 ก้อนใน 8 นาที กินไฟน้อย ใช้กำลังไฟเพียง 40 วัตต์ มาพร้อมแผงควบคุมแบบ LCD ใช้งานง่าย สะดวก ไม่ยุ่งยาก
ราคา: 4,290 บาท
6. เครื่องทำน้ำแข็ง Hicon รุ่น HZB-16A
ที่มาของรูปประกอบ : ขอบคุณรูปภาพจาก baNANA
เครื่องทำน้ำแข็ง Hicon เป็นเครื่องผลิตน้ำแข็งจากแบรนด์ Hicon ที่สามารถผลิตน้ำแข็งได้สูงสุดถึง 15 กิโลกรัมใน 24 ชั่วโมง ออกแบบมาเพื่อความทนทานและใช้งานง่าย มีระบบการทำงานแบบอัตโนมัติ พร้อมหน้าจอแสดงผลที่อ่านง่าย เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กถึงกลาง หรือการใช้งานในครอบครัวที่ต้องการปริมาณน้ำแข็งมาก
ราคา: 2,590 บาท
7. เครื่องทำน้ำแข็ง Esun รุ่น EIM-17
เครื่องทำน้ำแข็ง Esun ขนาดพกพาที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อความสะดวกในการเคลื่อนย้าย น้ำหนักเพียง 7.5 กิโลกรัม ความจุถังน้ำ 1.2 ลิตร มาพร้อมหูหิ้ว ติดตั้งง่าย สะดวกต่อการเคลื่อนย้าย เหมาะสำหรับการพกพาไปใช้งานกิจกรรมกลางแจ้ง หรือออฟฟิศเล็ก ๆ เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมในกลุ่มเครื่องทำน้ำแข็งแบบพกพา
ราคา: 2,450 บาท
8. เครื่องทำน้ำแข็ง SmartTek
เครื่องทำน้ำแข็ง SmartTek ที่ถูกออกแบบมาด้วยวัสดุสเตนเลสคุณภาพดี มาพร้อมปุ่มภาษาอังกฤษ ใช้งานง่าย เพื่อการใช้งานภายในบ้าน ความจุถังน้ำ 2.2 ลิตร ผลิตน้ำแข็งได้ 15 กิโลกรัมต่อวัน ใช้เวลาทำน้ำแข็ง 6-13 นาที ตัวเครื่องมีขนาดกะทัดรัดไม่เปลืองพื้นที่ กินไฟน้อย ไม่มีเสียงดังรบกวน
ราคา: 4,599 บาท
9. เครื่องทำน้ำแข็ง Simplus รุ่น ZBJH001
เครื่องทำน้ำแข็ง Simplus ที่มาพร้อมดีไซน์ที่สวยงามในขนาดกะทัดรัด ไม่เปลืองพื้นที่ เหมาะกับการใช้งานภายในบ้านและออฟฟิศ ความจุถัง 1.2 ลิตร ผลิตน้ำแข็งได้ 60 ก้อนใน 1 ชั่วโมง ใช้พลังงานต่ำ กินไฟน้อย ใช้งานง่าย สามารถทำน้ำแข็งได้ง่าย ๆ ใน 3 ขั้นตอน
ราคา: 4,799 บาท
10. เครื่องทำน้ำแข็ง HAFELE
เครื่องทำน้ำแข็ง HAFELE ตัวเครื่องถูกผลิตจากพลาสติก ABS และสเตนเลส ทำให้มีความแข็งแรงทนทาน มีขนาดความจุถึง 1.85 ลิตร สามารถผลิตน้ำแข็งได้รอบละ 7-15 นาที มาพร้อมระบบควบคุมแบบดิจิทัล ด้วยดีไซน์ที่ดูทันสมัยจึงทำให้เหมาะกับสไตล์การแต่งบ้านในหลาย ๆ สไตล์
ราคา: 8,990 บาท
ก่อนเลือกซื้อเครื่องทำน้ำแข็งควรดูอะไรบ้าง
การเลือกซื้อเครื่องทำน้ำแข็งที่เหมาะสมต้องอาศัยการพิจารณาจากหลาย ๆ ปัจจัยเพื่อให้ได้เครื่องที่เหมาะกับการใช้งานมากที่สุด โดยในการเลือกซื้อควรพิจารณาจากปัจจัยต่อไปนี้
- กำลังการผลิตตามความต้องการ - พิจารณาปริมาณน้ำแข็งที่ใช้ต่อวัน หากเป็นครอบครัว 3-4 คน เครื่องทำน้ำแข็ง 10 กก. ต่อวันก็เพียงพอ แต่สำหรับครอบครัวใหญ่หรือธุรกิจขนาดเล็ก ควรเลือกเครื่องทำน้ำแข็ง 20 กก. ขึ้นไปเพื่อให้มีน้ำแข็งเพียงพอตลอดเวลา
- งบประมาณ - กำหนดงบประมาณที่ชัดเจนก่อนเลือกซื้อ โดยพิจารณาทั้งเครื่องทำน้ำแข็งว่ามีราคาเท่าไร กินไฟมากไหม รวมถึงต้นทุนการบำรุงรักษาในระยะยาว
- ขนาดและพื้นที่การติดตั้ง - วัดพื้นที่ที่จะติดตั้งให้แน่นอนก่อนตัดสินใจซื้อ ควรเหลือพื้นที่สำหรับการระบายอากาศอย่างน้อย 15 เซนติเมตรรอบตัวเครื่อง
- คุณภาพน้ำแข็งที่ผลิตได้ - เลือกเครื่องที่ผลิตน้ำแข็งใสไม่ขุ่น มีความแข็งที่เหมาะสม และละลายช้า ควรดูรีวิวจากผู้ใช้จริง เพื่อประเมินคุณภาพน้ำแข็งที่ได้ รวมถึงระบบกรองน้ำในตัวเครื่อง
เครื่องทำน้ำแข็งไอเทมที่ขาดไม่ได้ สำหรับคนชอบเครื่องดื่มเย็น ๆ
การเลือกซื้อเครื่องทำน้ำแข็งที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณมีน้ำแข็งที่สะอาด มีคุณภาพ ใช้ตลอดเวลา โดยไม่ต้องซื้อจากภายนอก ก่อนเลือกซื้อควรพิจารณาขนาดเครื่อง งบประมาณ และความต้องการใช้งาน เพื่อให้ได้เครื่องที่ตอบโจทย์และคุ้มค่าการลงทุนในระยะยาว พร้อมมีน้ำแข็งสะอาดปลอดภัยใช้เองที่บ้านได้อย่างสบายใจ
สำหรับใครที่กำลังประสบปัญหาทางการเงิน ขอแนะนำบัตรกดเงินสด KTC PROUD ตัวช่วยทางการเงิน ที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการวางแผนทางการเงินอย่างรอบคอบ ด้วยดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดที่ 25% ต่อปี พกไว้ไม่สะดุด ทุกการใช้จ่าย สำหรับคนที่อยากสมัครบัตรกดเงินสด KTC PROUD เพียงเตรียมเอกสารสมัครบัตรกดเงินสดให้ครบถ้วน ก็สามารถสมัครผ่านออนไลน์ หรือ KTC TOUCH ทุกสาขาได้ทันที
สมัครบัตรกดเงินสด KTC PROUD ภายใน 15 ธ.ค. 2568 นอกจากจะได้รับโปรโมชันโค้ดส่วนลด Lazada มูลค่า 2,000 บาท แล้ว เมื่อได้รับบัตรคุณยังสามารถผ่อนสินค้า 0% นานสูงสุด 20 เดือน บนแอป Lazada ได้อีกด้วย
- สมัครง่าย เงินเดือน 12,000 บาท ก็สมัครได้
- อนุมัติไว เลือกรับเงินโอนเข้าบัญชีได้ทันที เมื่ออนุมัติ
- เบิกเงินได้ 24 ชั่วโมง ผ่านแอป KTC Mobile และ ATM ทั่วประเทศ
- ผ่อนสินค้า 0% นานสูงสุด 24 เดือน ณ ร้านค้าที่ร่วมรายการ
- รูดซื้อสินค้า และช้อปออนไลน์ พร้อมรับสิทธิพิเศษทั้งปี
บริหารการเงินอย่างชาญฉลาด ด้วยบัตรกดเงินสด KTC PROUD
*กู้เท่าที่จําเป็นและชําระคืนได้ตามกําหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 25% ต่อปี