ลดหย่อนภาษี มีอะไรบ้าง รวมลิสต์รายการประกันลดหย่อนภาษีที่ควรรู้
ใกล้เข้าสู่ช่วงส่งท้ายปลายปีเช่นนี้คงมีคนไม่น้อยที่กำลังเตรียมความพร้อมในการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งเป็นการแสดงรายได้ที่เกิดขึ้นในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาให้แก่กรมสรรพากร การยื่นภาษีประจำปีจะเกิดขึ้นปีละครั้งในช่วงระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 31 มีนาคมของทุกปี (ระยะเวลาการยื่นภาษีผ่านระบบออนไลน์อาจยืดระยะเวลาออกไปในแต่ละปีตามที่กรมสรรพากรกำหนด) ภาษีคือสิ่งที่รัฐบาลเรียกเก็บจากประชาชนผู้มีรายได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด สำหรับผู้ที่มีเงินได้สุทธิ 120,000 บาทต่อปี ต้องมีหน้าที่ยื่นภาษี ซึ่งตามอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้มีการกำหนดว่า บุคคลที่มีเงินได้สุทธิไม่เกิน 150,000 บาท จำเป็นต้องยื่นภาษีแต่ไม่ต้องเสียภาษีและผู้ที่มีเงินได้สุทธิเกิน 150,001 บาทขึ้นไปต้องทำการเสียภาษีตามที่กำหนด แต่สามารถยื่นใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้จากค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นตามที่กรมสรรพากรกำหนด
ค่าลดหย่อนภาษีคืออะไร ทำไมถึงควรใช้สิทธิยื่นลดหย่อนภาษี
สำหรับค่าลดหย่อน คือสิทธิประโยชน์ทางภาษีอย่างหนึ่ง สำหรับผู้ที่มีรายได้สุทธิตามจำนวนที่กำหนดที่ต้องทำการเสียภาษี ซึ่งการยื่นลดหย่อนภาษีจะช่วยทำให้เสียภาษีน้อยลง แต่ก็มีคนไม่น้อยที่มักเข้าใจผิดว่าเมื่อใช้จ่ายต่าง ๆ ไปตามรายการที่ใช้ลดหย่อนภาษีไปแล้วจะทำให้จ่ายภาษีน้อยลงตามจำนวนเงินที่จ่ายไปจริงนั้นถือเป็นความเข้าใจที่ผิด เนื่องจากรายการลดหย่อนภาษีแต่ละรายการจะมีการกำหนดอัตราค่าลดหย่อนภาษีเอาไว้
ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามีอะไรบ้าง
รายการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ในปัจจุบันรายการที่สามารถนำมาใช้ยื่นลดหย่อนภาษีได้จะมีอยู่ประมาณ 21 รายการดังนี้
- ค่าลดหย่อนภาษีส่วนตัว อัตราลดหย่อนภาษี 60,000 บาท
- ค่าลดหย่อนคู่สมรส อัตราลดหย่อนภาษี คนละ 60,000 บาท
- ค่าลดหย่อนบุตร อัตราลดหย่อนภาษี คนละ 30,000 - 60,000 บาท
- ค่าลดหย่อนบิดามารดา อัตราลดหย่อนภาษี คนละ 30,000 บาท
- ค่าลดหย่อนผู้พิการหรือทุพพลภาพ อัตราลดหย่อนภาษี คนละ 60,000 บาท
- ค่าฝากครรภ์และทำคลอด อัตราลดหย่อนภาษีจ่ายตามจริงเมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกิน 60,000 บาท
- ค่าเบี้ยประกันชีวิตทั่วไปหรือเงินฝากแบบมีประกันชีวิต อัตราลดหย่อนภาษีตามที่จ่ายจริงแต่เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท คู่สมรสที่ไม่มีเงินได้สามารถใช้ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 10,000 บาท
- ค่าเบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดา อัตราลดหย่อนภาษีตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 15,000 บาท
- ค่าเบี้ยประกันสุขภาพตนเอง อัตราลดหย่อนภาษีตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 25,000 และเมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตทั่วไปต้องไม่เกิน 100,000 บาท
- กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนสงเคราะห์ อัตราลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 15% ของเงินเดือนและเมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท
- ค่าซื้อกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) อัตราลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องทำการจ่ายภาษีแต่ไม่เกิน 200,000 บาท และต้องไม่เกิน 500,000 บาท เมื่อรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและRMF
- ค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ อัตราลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 9,000 บาท
- เงินประกันสังคม อัตราลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 9,000 บาท
- กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) อัตราลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 13,200 บาท และเมื่อรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ RMF และเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญแล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท
- ค่าซื้อกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) อัตราลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษีและเมื่อรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, RMF, เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญและ กอช. แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท
- ดอกเบี้ยซื้อที่อยู่อาศัย อัตราลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท
- เงินบริจาคพรรคการเมือง อัตราลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 10,000 บาท
- เงินลงทุนธุรกิจ Social Enterprise (วิสาหกิจเพื่อสังคม) อัตราลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท
- โครงการช้อปดีมีคืน อัตราลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 30,000 บาท
- เงินบริจาคเพื่อการศึกษา การกีฬา การพัฒนาสังคม และโรงพยาบาลรัฐ อัตราลดหย่อนภาษี ได้ 2 เท่าของเงินบริจาคตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้
- เงินบริจาคทั่วไป อัตราลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลักจากทำการหักค่าลดหย่อนภาษี
เรื่องใกล้ตัวในยุคนี้สำหรับหลาย ๆ คนที่นิยมนำมาใช้ลดหย่อนภาษีนั่นคือ ในส่วนของค่าเบี้ยประกันภัยสุขภาพและค่าเบี้ยประกันชีวิต ซึ่งได้มีการระบุไว้ว่าประกันแบบไหนบ้างที่สามารถนำมาใช้ในการยื่นลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาบ้าง และเบี้ยประกันลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่ ดังนี้
ประกันชีวิตลดหย่อนภาษี
ประกันชีวิตลดหย่อนภาษี
การเลือกทำประกันชีวิตก็สามารถนำมาใช้ลดหย่อนภาษีเงินได้
ค่าเบี้ยประกันชีวิตของผู้มีเงินได้หักค่าลดหย่อนและได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ (กรมธรรม์ต้องมีอายุ 10 ปีขึ้นไป) เท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท ไม่ว่าจะเป็น ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ ประกันชีวิตแบบ Unit-Linked ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา และประกันสะสมทรัพย์ แต่หากเป็นประกันชีวิตแบบที่มีการจ่ายเงินคืนระหว่างทาง จะต้องไม่เกิน 20% ของเบี้ยประกันสะสมในแต่ละช่วงเวลา ทั้งนี้หากคู่สมรสมีการทำประกันชีวิตและเป็นสามีภรรยาตลอดปีภาษี ผู้มีเงินได้มีสิทธิหักลดหย่อนภาษี สำหรับเบี้ยประกันชีวิตของคู่สมรสที่ไม่มีเงินได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 10,000 บาท
*ประกันชีวิตแบบ Unit-Linked สามารถลดหย่อนภาษีได้ในส่วนของการประกันชีวิต แต่ในส่วนของการลงทุนไม่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้
ประกันชีวิตแบบบำนาญ
ค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ หักค่าลดหย่อนได้ในอัตราร้อยละ 15 ของเงินได้ที่นำมาเสียภาษีในแต่ละปี แต่ไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี หากไม่ได้ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีประกันชีวิตทั่วไป สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 300,000 บาท ทั้งนี้ต้องเป็นค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ ความคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป และจ่ายผลประโยชน์เงินบำนาญเมื่อผู้มีเงินได้อายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไปถึงอายุ 85 ปีหรือมากกว่านั้น และเมื่อรวมกับเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เงินสะสมเข้ากองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เงินสะสมเข้ากองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน เงินที่ซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และเงินสะสมเข้ากองทุนการออมแห่งชาติ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท ทั้งนี้ต้องจ่ายผลประโยชน์อย่างสม่ำเสมอ และต้องจ่ายเบี้ยประกันให้ครบก่อนได้รับผลประโยชน์
ประกันสุขภาพลดหย่อนภาษี
ประกันสุขภาพลดหย่อนภาษี
ประกันสุขภาพลดหย่อนภาษีสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กรณีคือ ค่าเบี้ยประกันสุขภาพตนเองและค่าเบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดา โดยแต่ละรูปแบบสามารถลดหย่อนภาษีได้ดังนี้
ประกันสุขภาพลดหย่อนภาษีตัวเอง
ค่าเบี้ยประกันสุขภาพหักค่าลดหย่อนเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 25,000 บาทต่อปี แต่เมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตสำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิตที่มีกำหนดตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป และเงินฝากที่จ่ายไว้กับธนาคารที่มีกฎหมายจัดตั้งขึ้นโดยเฉพาะแล้ว ต้องไม่เกิน 100,000 บาท
ประกันสุขภาพบิดามารดา
ค่าเบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดาของผู้มีเงินได้และคู่สมรส หักค่าลดหย่อนเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท ทั้งนี้ บิดามารดาของผู้มีเงินได้ต้องมีรายได้ทั้งปีไม่เกิน 30,000 บาท ในกรณีที่ลูก ๆ หลายคนช่วยกันจ่ายค่าเบี้ยประกัน การใช้สิทธิลดหย่อนจะถูกหารตามจำนวนพี่น้องที่ร่วมกันจ่าย เช่น มีพี่น้อง 2 คน บุตรแต่ละคนจะได้รับสิทธิลดหย่อนไม่เกิน 7,500 บาท จากจำนวนเต็ม 15,000 บาท เป็นต้น
ประกันลดหย่อนภาษีจากการทำประกันภัยสุขภาพและประกันชีวิต เป็นเรื่องใกล้ตัวที่ควรรู้ เพราะในปัจจุบันการเลือกทำประกันภัยประเภทต่าง ๆ ถือเป็นการดูแลตัวเองในรูปแบบหนึ่ง หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินทั้งในเรื่องของการเจ็บป่วย โรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ รวมถึงอุบัติเหตุ ให้อุ่นใจในเรื่องของค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้น ซึ่งสำหรับสมาชิกบัตรเครดิต KTC ที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ตอบโจทย์ ในการเลือกนำมาใช้ในการลดหย่อนภาษีและต้องการใช้จ่ายให้คุ้มค่ายิ่งขึ้น KTC มีสิทธิประโยชน์หลากหลาย อาทิ ส่วนลด เก็บคะแนนสะสม การเลือกรับเครดิตเงินคืน โปรโมชั่นผ่อน 0% จากบริษัทพาร์ทเนอร์ให้คุณสามารถชำระเบี้ยประกันพร้อมสิทธิประโยชน์ในการใช้จ่ายสูงสุด
อ้างอิงข้อมูลจาก : กรมสรรพากร
ชำระค่าเบี้ยประกันผ่านบัตรเครดิต KTC รับสิทธิประโยชน์มากมาย…คลิกที่นี่